Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
รกลอกตัวก่อนกำหนด (Placental abruption) - Coggle Diagram
รกลอกตัวก่อนกำหนด (Placental abruption)
ภาวะแทรกซ้อน
มารดา
หากถุงน้ำคร่ำที่ห่อหุ้มตัวทารกแตกหรือรั่ว
เสี่ยงเกิดภาวะตกเลือด
อาจเกิดภาวะช็อกเนื่องจากเสียเลือดมากเกินไปจนเสี่ยงเสียชีวิตได้
การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
จนอาจเกิดภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดแบบแพร่กระจาย
มีเลือดออกจากมดลูกจนต้องผ่าตัดมดลูกออก
ภาวะไตวาย หรืออวัยวะอื่น ๆ ทำงานล้มเหลว
ทารก
เด็กอาจเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์
เด็กอาจเจริญเติบโตไม่เต็มที่
เนื่องจากได้รับสารอาหารและออกซิเจนไม่เพียงพอ
คลอดก่อนกำหนด
อาจมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติและมีสุขภาพไม่แข็งแรง
สาเหตุ
การตั้งครรภ์ลูกแฝด
การติดเชื้อภายในมดลูกขณะตั้งครรภ์
การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการใช้สารเสพติดต่าง ๆ ขณะตั้งครรภ์
หญิงตั้งครรภ์มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
ภาวะความดันโลหิตสูง
หญิงตั้งครรภ์มีประวัติ Abruptio Placentae ในครรภ์ครั้งก่อน
การเกิดอุบัติเหตุ หรือได้รับการกระทบกระเทือนบริเวณท้องในขณะตั้งครรภ์
การเกิดภาวะน้ำเดิน ซึ่งอาจทำให้สูญเสียน้ำคร่ำที่ล้อมรอบตัวทารกก่อนถึงกำหนดคลอด
ชนิดของรกลอกตัวก่อนกำหนด
ลอกตัวแบบเปิดเผย (Revealed type)
:
ภาวะที่รกลอกตัวแล้วเลือดไหลเซาะระหว่างเยื่อถุงน้ำคร่ำกับผนังมดลูกและไหลออกมาทางปากมดลูกและช่องคลอด
ลอกตัวแบบไม่เปิดเผย (Concealed type)
:
ภาวะที่รกลอกตัวแล้วเลือดที่ออกมาจะคั่งอยู่หลังรก
ไม่ไหลออกมาทางช่องคลอดให้เห็นอย่างชัดเจน
การรักษา
อายุครรภ์ < 28 wk
แพทย์อาจตรวจอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์
หากอัตราการเต้นของหัวใจยังเป็นปกติและการลอกตัว
ของรกไม่รุนแรงนัก อาจไม่จำเป็นต้องทำคลอดก่อนกำหนด
แต่ควรได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
ในกรณีที่จำเป็นต้องคลอดก่อนกำหนด
แพทย์อาจใช้ยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์
เพื่อช่วยเร่งให้ปอดของทารกเจริญเต็มที่
อายุครรภ์ > 28 wk
หากอาการไม่รุนแรง แพทย์อาจให้ใช้วิธีคลอดธรรมชาติ
โดยดูแลให้เด็กคลอดผ่านทางช่องคลอดอย่างระมัดระวัง
หากอาการค่อนข้างรุนแรงและเสี่ยงต่อสุขภาพของมารดา หรือทารก อาจต้องผ่าคลอดทันที และหากมารดาเสียเลือดมากก็อาจจำเป็นต้องได้รับการให้เลือดด้วย
การวินิจฉัย
การตรวจเลือดดูค่าการแข็งตัวของเลือด
และการตรวจนับเม็ดเลือดเพื่อประเมินความรุนแรง
ตรวจอัตราการเต้นของหัวใจทารก
การตรวจร่างกาย
เพื่อหาสาเหตุของภาวะเลือดออกจากช่องคลอด
การตรวจอัลตราซาวด์
เพื่อตรวจดูความผิดปกติในครรภ์
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เช่น D-dimer หรือ fibrinogen level
อาการ
มีเลือดออกทางช่องคลอด
เจ็บครรภ์
กดเจ็บที่มดลูก
ท้องแข็งหรือมดลูกบีบตัว โดยมักบีบเป็นจังหวะ
อาจรู้สึกอ่อนเพลีย มีเหงื่อออก หัวใจเต้นเร็ว หรือเป็นลม
อาจเกิดภาวะน้ำเดิน ซึ่งมีเลือดปน
ทารกในครรภ์อาจไม่ดิ้น หรือดิ้นน้อยกว่าปกติ
มักเกิดขึ้นในช่วง
ไตรมาสสุดท้าย
(28-40 weeks)
การป้องกัน
หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงไม่ใช้สารเสพติดต่าง ๆ เป็นต้น
ดูแลสุขภาพครรภ์ให้แข็งแรง และควบคุมระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติอยู่เสมอ
ระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจทำให้บาดเจ็บหรือเป็นอันตรายต่อครรภ์ หากเกิดอุบัติเหตุกระทบกระเทือน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
สำหรับผู้ที่เคยเกิดภาวะนี้ในการตั้งครรภ์ครั้งก่อน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตั้งครรภ์ครั้งต่อไป เพื่อหาวิธีลดความเสี่ยงต่อการเกิด Abruptio Placentae อีกครั้ง
รีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการต่าง ๆ ที่อาจเป็นสัญญาณของ Abruptio Placentae