Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมสัมพันธภาพมารดาและทารกหลังคลอด - Coggle Diagram
การส่งเสริมสัมพันธภาพมารดาและทารกหลังคลอด
หลักการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ระยะตั้งครรภ์
สร้างทัศนคติให้เห็นประโยชน์ของนมแม่
ให้ความรู้ เตรียมทักษะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
แนะนำโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อนมแม่ในระหว่างตั้งครรภ์
ให้ความรู้กับบุคคลในครอบครัวในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ตรวจหาความผิดปกติของเต้านม หัวนม และลานนม และให้ความช่วยเหลือ
ระยะคลอด
ดูแลการคลอดให้เป็นไปตามปกติ
กระตุ้นให้ดูดนมทันทีหรือภายในชั่วโมงหลังคลอด
ระยะหลังคลอด
จัด Rooming in ให้มารดาและทารกอยู่ร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมง
ประเมินประสิทธิภาพการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
แนะนำมารดาในการให้นมบุตรอย่างถูกต้อง
แนะนำมารดาในการให้นมบุตรอย่างถูกวิธี 4 หลัก
ด.1 ดูดเร็ว หลังคลอดมารดาและมารกไม่มีอาการแทรกซ้อน ควรให้ทารกดูดนมทันที ภายใน 30 นาที - 1 ชั่วโมงหลังคลอดในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อมควรบีบนมเก็บส่งให้ลูก
ด.2 ดูดบ่อย ควรให้ดูดทุก 2 - 3 ชั่วโมงหรือเมื่อทารกต้องการ
ด.3 ดูดถูกวิธี คือ ประคองศรีษะเด็กให้แหงนไปด้านหลังเมื่อทารกอ้าปากให้เคลื่อนเข้าหาเต้านม คางแนบชิดลานนม ปากเปิดกว้าง ริมฝีปากล่างบานออก สามารถมองเป็นลานนมด้านบนมากกว่าด้านล่าง
C hold ช่วยจัดรูปของเต้านมให้เหมาะสมกับการเข้าเต้า
V hold นิ้วจะขวางบริเวณลานนมไม่ให้ทารกดูดนมลึกเกินไป
U hold มักใช้กับทารกเกิดก่อนกำหนด เนื่องจากยังดูดนมไม่คล่อง
ด.4 ดูดเกลี้ยงเต้า เต้านมต้องนิ่มลง ไม่มีอาการคัดตึง น้ำนมไม่พุ่ง ออกมาเพียงแค่ 2 - 3 หยด
4 key point
ทารกศรีษะและลำตัวตรง
ทารกหันหน้าเข้าหาเต้านมมารดา
ลำตัวชิดมารดา
ทารกได้รับการรองรับทั้งตัว
ระยะกลับบ้าน
ติดตามประเมินปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ให้คำแนะนำในเมื่อกลับบ้าน
ส่งเสริมการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาเมื่อมารดาต้องไปทำงานนอกบ้าน
แนะนำการบีบและการเก็บน้ำนม ภาชนะควรมีฝาปิดมิดชิด และบันทึกเวลาวันที่ ที่เก็บ ห้ามแช่ในน้ำร้อนจัดหรือนำเข้าไมโครเวฟ และห้ามนมที่แช่แข็งมาต้ังไว้ให้ละลายเอง
แนะนำผักและผลไม้เพื่อเพิ่มน้ำนม เช่น มะละกอ ผักคะน้า มะรุม หัวปลี ขิง มันเทศ ตำลึง ฟักทอง
แนะนำการใช้ยาสตรี ควรให้หลีกเลี่ยงถ้าเป็นไปได้ หรือหากจำเป็น ควรเลือกใช้ยาที่มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อย
หากมีหัวนมแตก ควรงดให้ดูดนม 24 - 36 ชั่วโมง
การส่งเสริมสัมพันธภาพหลังคลอด
ตั้งแต่นาทีแรกหลังคลอดจนกระทั่งถึง 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอดควรให้มารดาและทารกได้อยู่ด้วยกัน ถ้ามารดามีไข้ ควรไม่เกิน 38 องศาเซลเซียล
พฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างมารดาและทารก
การสัมผัส Touch , Tactile , sense โดยการใช้นิ้วสัมผัส ขา จากนั้นบีบนวดตามลำตัว
การประสานสายตา Eye to eye contact เพื่อให้ประสานสายตากับทารกได้ดี ควรเผชิญหน้า เพราะทารกมองเห็นมารดาชัดเจน คือ 8 - 12 นิ้ว
การใช้เสียง Voice ควรเป็นระดับเสียงสูง
การเคลื่อนไหวเป็นจังหวะตามเสียงพูด Entrainment เช่น ขยับแขน ขา เสียงหัวเราะ
จังหวะชีวภาพ Biorhythmcity เช่น ทารกร้องไห้มารดาอุ้มไว้แนบอก
การรับกลิ่น Odor มารดาจะสามารถจำกลิ่นทารกได้ ส่วนทารกจะแยกได้ 6 -10วัน
การให้ความอบอุ่น Body warmth การนำทารกให้มารดาโอบกอดจะทำให้ทารกไม่สูญเสียความร้อน
การให้ภูมิคุ้มกันทางน้ำนม T and B lymphocyte จะช่วยป้องกันเชื้อโรคได้
การให้ภูมิคุ้มกันทางเดินหายใจ Bacteria nasai flora ในขณะที่มารดาอุ้มทารกจะมีการถ่ายทอดเชื้อโรคผ่านทางเดินหายใจทำให้เกิดภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคได้
บทบทาพยาบาลผดุงครรภ์
ระยะตั้งครรภ์
ยอมรับการตั้งครรภ์
ปรับบทบาทการเป็ บิดา มารดา
ยอมรับความเป็นบุคคลของทารก
กระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์
ระยะคลอด
สร้างบรรยากาศให้เกิดความไว้วางใจ
ลดความวิตกกังวลของผู้คลอด
ให้ข้อมูล เป็นสื่อกลางระหว่างผู้คลอดและครอบครัว
ส่งเสริมให้คลอดอย่างปลอดภัย
ระยะหลังคลอด
ส่งเสริมให้มารดาสัมผัสโอบกอดทารกทันทีหลังคลอด
Rooming in โดยเร็วที่สุด
ให้คำแนะนำในการดูแลบุตร
ตอบสนองความต้องการของมารดา
เป็นตัวอย่างในการสร้างสัมพันธภาพกับทารก
ให้มารดา ทารก บิดา ได้อยู่ด้วยกัน
การพยาบาลอาการไข้
กระตุ้นให้มารดาดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อย 8 -10 แก้ว
ให้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
รบกวนมารดาให้น้อยที่สุด
การพยาบาลเพื่อบรรเทากาารปวดมดลูก
อธิบายกลไกลการปวดมดลูด สามารถพบได้ 1-2 วัน
กระตุ้นให้ถ่ายปัสสะวะทุก 3-4 ชั่วโมง
แนะนำให้นอนคว่ำ เป็นการกระตุ้นให้มดลูกหดตัว และน้ำคาวปลาไหลสะดวก
ไม่ควรประคบร้อนบริเวณหร้าท้องในวันแรก
หากมีอาการปวดมากให้ยารับประทาน
ถ้ามีการปวดมากกว่า 72 ชั่วโมง ควรรายงานแพทย์ เพราะอาจมีเศษรกค้างหรือก้อนเลือด
การพยาบาลบรรเทาการปวดฝีเย็บ
ประคบถุงน้ำแข็ง ใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด นาน 15 -20 นาที
การนั่งเเช่ก้นในน้ำอุ่น จะทำให้การไหลเวียนโลหิตดี
การนั่งแช่ก้นในน้ำเย็น จะช่วยให้การปวดลดลง
การอบแผล ช่วยลดอาการปวด
การนอนตะแคงจะช่วยป้องกันแรงกดดันที่แผลฝีเย็บ
การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเพื่อให้มีความแข็งแรง
การพยาบาลอาการท้องผูก
กระตุ้นให้มีการ Early ambulation
แนะนำให้ทานผัก ผลไม้ เพิ่มกากใย
แนะนำให้ดื่มน้ำ 8-10 แก้วต่อวัน
บรรเทาอาการไม่สุขสบายจากการปวดฝีเย็บ
กรณีท้องผูก 3-4 วัน ควรรายงานแพทย์
การพยาบาลเพื่อบรรเทาอาการปวดริดสีดวง
กระตุ้นให้มีการ Early ambulation
แนะนำให้ทานผัก ผลไม้ เพิ่มกากใย
แนะนำให้ดื่มน้ำ 8-10 แก้วต่อวัน
ดูแลทำ hot sitz bath เพื่อการไหลเวียนโลหิตดี
นอนในท่าตะแคงกึ่งคว่ำ ลดการกดทับ
การส่งเสริมและช่วยเหลือการขับถ่ายปัสสาวะ
ควรกระตุ้นมารดาให้ขับถ่ายปัสสาวะทุก 4 - 6 ชั่วโมง
ภายใน 6 ชั่วโมงหลังคลอด ควรจะปัสสาวะแล้ว
หากภายใน 6-8 ชั่วโมงหลังคลอดปัสสาวะออกน้อย ควรสวนปัสสาวะทิ้งและติดตามอาการ
ครบ 24 ชั่วโมงหลังใส่สายสวนปัสสาวะคาไว้ ให้ทดลองเอาสายสวนออก และสังเกตอาการอีกภายใน 6 ชั่วโมงหลังสายสวน
กรณีที่ยังไม่สามารถถ่ายปัสสาวะได้เอง ให้คาสายสวนไว้ 48 ชั่วโมง