Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคทางระบบผิวหนัง - Coggle Diagram
โรคทางระบบผิวหนัง
-
-
โรคเริม (Herpes viruses)
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อ Herpes simplex virus (HSV) แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดที่ 1 Herpes simplex virus type I (HSV-1)เป็นการติดเชื้อ เริมที่ปาก และชนิดที่ 2 Herpes simplex virus typeII (HSV-2)เป็นการติดเชื้อเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ลักษณะรอยโรคจะเป็นตุ่มน้ำใส อาจรวมตัวเป็นกลุ่มหรืออยู่เดี่ยว มีอาการปวดแสบร้อนเมื่อตุ่มน้ำแตกจะกลายเป็นสะเก็ดแม้รอยโรคจะหาย แต่เชื้อไวรัสจะอยู่ที่ปมประสาท เมื่อร่างกายอ่อนแอ เช่น เกิดภาวะเครียด จะมีการกระตุ้นให้เชื้อแบ่งตัว และ เติบโต
อาการ
อาการของการติดเชื้อทั้ง 2 ชนิดจะเริ่มจากพบตุ่มพองใสๆ เล็กๆ ที่บริเวณผิวหนัง จากนั้น ตุ่มใสจะเริ่มพองและปวดแสบปวดร้อน เมื่อผ่านไป 1- 2 วัน ตุ่มใสจะมีน้ำอยู่ข้างในและเริ่มแตกออก หากมีการติดเชื้อก็จะเกิดการอักเสบลุกลามและเกิดแผลขนาดใหญ่รักษาหายยากขึ้น
-
การวินิจฉัย
-
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การขูดแผลนำเนื้อเยื่อไปย้อมสี การตรวจหาสารก่อภูมิต้านทาน (แอนติเจน) หรือดีเอ็นเอของเชื้อเริมจากแผลหรือสิ่งคัดหลั่ง การทดสอบทางน้ำเหลืองเพื่อหาระดับสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี)
ผู้ป่วยติดเชื้อเริมแต่ในซีรั่มไม่พบแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัส มี IgM หรือ IgG antibodies เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าหรือเพิ่มขึ้นอย่างมากซึ่งบ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อชนิด Active HSV
-
โรคหิด (Scabies)
สาเหตุ
โรคหิดเกิดจากตัวหิดหรือไรที่มีชื่อว่า Sarcoptes Scabiei จัดเป็นปรสิตชนิดหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ร่างกายของคนได้นานถึง 2 เดือน และจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการมุดเข้าไปในผิวหนังชั้นกำพร้าแล้ววางไข่
อาการ
-
-
-
-
สังเกตเห็นเป็นรอยโพรงของตัวหิด ปรากฏเป็นรอยหรือเส้นเล็ก ๆ สีเงินหรือดำบนผิวหนังประมาณ 2-10 มิลลิเมตร โดยมักพบบริเวณง่ามนิ้ว ข้อมือด้านใน และฝ่ามือ
การวินิจฉัย
-
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การทดสอบด้วยหมึก
เป็นวิธีการดูร่องรอยการเข้าสู่ผิวหนังของตัวหิด ด้วยการใช้น้ำหมึกถูรอบ บริเวณที่คัน จากนั้นจึงเช็ดออกด้วยแผ่นชุบแอลกอฮอล์สำหรับเช็ดแผล หากเป็นการติดเชื้อโรคหิดจะปรากฏรอยหมึกหลงเหลือติดอยู่ที่โพรงตัวหิดเป็นเส้นตามโพรง
การขูดเอาเนื้อเยื่อผิวบริเวณที่มีตุ่มคันเบา ๆ เพื่อส่งไปตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ว่ามีไข่หรือตัวหิดที่เป็นสาเหตุของโรคหรือไม่
โรคไข้สุกใส
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสวาริเซลลา (varicella virus) เป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดงูสวัด ติดต่อโดยการหายใจเอาเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ มีระยะฟักตัว 10 - 20 วัน
โรคนี้เมื่อเป็นแล้ว มักมีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต และผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่เป็นซ้ำอีก แต่เชื้ออาจหลบซ่อนอยู่ในปมประสาท และมีโอกาสเป็นงูสวัดได้ในภายหลัง
อาการ
-
ผู้ใหญ่
ในผู้ใหญ่มักมีไข้สูงและปวดเมื่อยตามตัว ผู้ป่วยจะเริ่มมีผื่นขึ้น พร้อมกันกับไข้หรือ 1 วันหลังจากมีไข้ เริ่มแรกจะขึ้นเป็นตุ่มแดงก่อน ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำและมีอาการคัน ผื่นจะเริ่มที่หน้ากระจายไปที่ลำตัวและแขนขา ต่อมาจะกลายเป็นหนองหลังจากนั้น 2 - 4 วัน ก็จะตกสะเก็ด บางรายมีตุ่มขึ้นในช่องปาก ทำให้ปากเปื่อยลิ้นเปื่อย เจ็บคอ เนื่องจากผื่นของโรคนี้จะขึ้นไม่พร้อมกันทั่วร่างกาย ดังนั้นจะพบว่าบางที่ขึ้นเป็นผื่นแดงราบ บางที่เป็นตุ่มใส บางที่เป็นตุ่มหนอง และบางที่เริ่มตกสะเก็ด
การวินิจฉัย
-
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การขูดแผลนำเนื้อเยื่อไปย้อมสี การตรวจหาสารก่อภูมิต้านทาน (แอนติเจน) หรือดีเอ็นเอของเชื้อจากแผลหรือสิ่งคัดหลั่ง การทดสอบทางน้ำเหลืองเพื่อหาระดับสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี)
-
ลมพิษ
สาเหตุ
-
-
-
-
การติดเชื้อ เช่น เชื้อไวรัส, เชื้อแบคทีเรีย, เชื้อรา, ท้องเสีย, ทอนซิลอักเสบ, ฟันผุ, หูอักเสบ, เป็นหวัด ฯลฯ
-
-
-
-
การวินิจฉัยโรค
-
สอบถามประวัติอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่เป็นไปได้ เช่น เริ่มเป็นผื่นเมื่อใด หรือได้รับประทานอาหารหรือสัมผัสกับสิ่งใดมาบ้าง ซึ่งอาจเป็นสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดลมพิษ รวมไปถึงประวัติการเป็นลมพิษของคนในครอบครัวหรือสภาพแวดล้อมที่ทำงานและที่อยู่อาศัย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
-
-
-
-
-
-
- Film sinus PA and lateral
- Cryoglobulin and cryofibrinogen
-
- Liver function test, Hepatitis B, C profile
- Thyroid function test, Thyroid autoantibodies
-