Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมสัมพันธภาพมารดาและทารกหลังคลอด, image, image, image, image,…
การส่งเสริมสัมพันธภาพมารดาและทารกหลังคลอด
การพัฒนาสัมพันธภาพในระยะหลังคลอด
ในระยะหลังคลอดตั้งแต่ระยะนาทีแรกจนถึง1ชั่วโมงแรกหลังคลอดเป็นช่วงเวลาที่มารดามีความรู้สึกไวที่สุด(Sensitive period)และทารกมีความตื่นตัว จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เหมาะต่อการสร้างสัมพันธภาพระหว่ามารดาและทารก
กระบวนการสร้างสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก มีพัฒนาการลำดับ 9 ขั้นตอนดังนี้
ระยะก่อนตั้งครรภ์
ขั้นที่1การวางแผนการตั้งครรภ์
ระยะตั้งครรภ์
ขั้นที่2 การยืนยันการตั้งครรภ์
ขั้นที่3 การยอมรับการตั้งครรภ์
ขั้นที่4 การรับรู้การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์
ขั้นที่5 การยอมรับว่าทารกในครรภ์เป็นบุคคลคนหนึ่ง
ระยะคลอดและระยะหลังคลอด
ขั้นที่6 การสนใจดูแลสุขภาพของตนเองและทารกในครรภ์และการแสวงหาการคลอดที่ปลอดภัย
ขั้นที่7 การมองดูทารก
ขั้นที่8 การสัมผัสทารก
ขั้นที่9 การดุแลทารกและให้ทารกดูดนม
พฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างมากดาและทารก
1.การสัมผัส(Touch,Tactile sense)
เป็นพฤติกรรมที่จะผูกพันมารดาและบุตร โดยจะเริ่มสัมผัสบุตรด้วยการใช้นิ้วสัมผัสแขน ขา จากนั้นจะบีบนวดสัมผัสตามลำตัวทารกจะมีการจับมือและดึงผมมารดาเป็นการตอบสนอง
2.การประสานสายตา(Eye to eye contact)
เป็นสื่อที่สำคัยต่อการเริ่มต้นพัฒนาการด้านความเชื่อมั่น ความไว้วางใจและความสัมพันธ์กับุบคคลอื่น
3.การใช้เสียง(Voice)
เป็นการตอบสนองเริ่มทันทีที่ทารกเกิด มารดาจะรอฟังเสียงทารกร้องครั้งแรกเพื่อยืนยันภาวะสุขภาพของทารก
4.การเคลื่อนไหวเป็นจังหวะตามเสียงพูด(Entrainment)
ทารกจะเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายเป็นจังหวะสัมพันธ์กับเสียงพูดสูงต่ำของมารดา
5.จังหวะชีวภาพ(Biorhythmcity)
หลังคลอดทารกจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งเเวดล้อมภายนอกที่แตกต่างจากครรภ์มารดา มารดาจะช่วยให้ทารกสร้างจังหวะชีวภาพได้ โดยขระที่มารกร้องไห้มารดาอุ้มทารกแนบอก ทำให้ทารกมีความรู้สึกมั่นคง
6.การรับกลิ่น(Odor)
มารดาจา กลิ่นกายของทารกได้ตั้งแต่ แรกคลอดและแยกกลิ่น ทารกออกจากทารกอื่นได้ภายใน 3-4 วันหลังคลอด ส่วนทารกสามารถแยกกลิ่นมารดา และหัน เข้าหากลิ่นน้ำนมมารดาได้ภายในเวลา 6 –10วันหลังคลอด
7.การให้ความอบอุ่น(Body warmth หรือ Heat)
มีการศึกษาพบว่าหลังทารกคลอดทัน ทัน ได้รับการเช็ดตัวให้แห้ง ห่อตัวทารกและนำทารกให้มารดาโอบกอดทันที ทารกจะไม่สูญเสียความร้อน และทารกจะเกิดความผ่อนคลายเมื่อได้รับความอบอุ่นจากมารดา
8.การให้ภูมิคุ้มกันทางน้ำนม(T and B lymphocyte)
ทารกจะได้รับภูมิคุ้มกันในนมแม่ได้แก่ T lymphocyte, B lymphocyte และ Immunoglobulin A ช่วย ป้องกันและทำลายเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหาร
9.การให้ภูมิคุ้มกันทางเดินหายใจ(Bacteria nasal flora)
ขณะที่มารดาอุ้มโอบกอดทารก จะมีการถ่ายทอดเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจของมารดาสู่ทารก เกิดภูมิคุ้มกันช่วยป้องกันทารกติดเชื้อจากสิ่งเเวดล้อมภายนอก
บทบาทของพยาบาลผดุงครรภ์ในการส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก
ระยะตั้งครรภ์
ส่งเสริมให้มารดายอมรับการตั้งครรภ์และแนะนำให้ครอบครัวคอยให้กำลังมารดาเพือเป็นการปรับบทบาทการเป็นมารดา พยาบาลแนะนำการช่วยกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์
ระยะคลอด
สร้างบรรยากาสให้เกิดความไว้วางใจ ลดความวิตกกังวลของผู้คลอด พยาบาลให้ข้อมูลเป็นสื่อกลางระหว่างผู้คลอดเเละครอบครัวรวมถึงส่งเสริมให้การคลอดผ่านไปอย่างปลอดภัย
ระยะหลังคลอด
ส่งเสริมให้มารดาสัมผัสโอบกอดทารกทันทีในระยะ Sensitive period กระตุ้นให้มารดามีปฏิสัมพันธ์กับทารกและให้มารดา บิดา ทารกอยู่ด้วยกันตามลำพัง
นางสาววิภาดา สอนสุภาพ เลขที่34 ห้องB