Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การให้ออกซิเจน - Coggle Diagram

- - - - Volume cycle เป็นการหายใจออกทันทีที่ปริมาตรที่กำหนดไว้หมดพอดี
      - Pressure cycle เป็นการหายใจออกทันทีที่ค่าความดันถึงที่กำหนดไว้
      - Time cycling เป็นการหายใจออกทันทีเมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้
  - - - 1.2Pressure control ventilation (PCV)
      - 1.1 Volume control ventilation (VCV)
      - เป็นรูปแบบการช่วยหายใจที่เครื่องช่วยหายใจจะควบคุมตัวแปรในการหายใจทั้งหมดโดยไม่มีการตอบโต้จากผู้ป่วย
      - Assist-Control Ventilation (ACV)
        
        เป็นรูปแบบการช่วยหายใจที่ผู้ป่วยสามารถเริ่มต้นการหายใจเข้าได้เองแต่ถ้าเวลาในการหายใจล่วงเลยมาถึงกำหนดระยะเวลาหนึ่งและผู้ป่วยยังไม่สามารถกระตุ้นให้เครื่องเริ่มหายใจเข้าได้ก็จะเป็นฝ่ายเริ่มต้นการหายใจเข้าเองโดยจะมีอัตราการทำงานของเครื่องเป็นอัตรากำลังสำรอง
    - - 2.1SIMV (Synchronized intermittent mandatory ventilation)
        
        เป็นรูปแบบการหายใจที่มีการหายใจโดยธรรมชาติเองของผู้ป่วยสลับกับการช่วยหายใจด้วยความดันบวกตามที่กำหนดไว้
      - 2.2PS (Pressure support)
        
        เป็นการหายใจเองตามธรรมชาติของผู้ป่วยโดยที่เครื่องช่วยหายใจในลักษณะการส่งเสริมความดันบวกให้สูงถึงระดับความดังที่ปรับตั้งไว้
      - 2.3CPAP (Continuous positive airway pressure)
        
        เป็นการหายใจเองโดยธรรมชาติของผู้ป่วยแต่เป็นการหายใจในขณะที่ความดันทางเดินหายใจมีค่าเป็นบวกตลอดเวลาทั้งเข้าและออก
  - - - 2.1ป้องกันการเกิดอันตรายจากภาวะพิษจากออกซิเจน โดยปรับFiO2
      - 2.2ป้องกันการเกิดปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ
    - - 1.1 ประเมินสภาพผู้ป่วย
      - 1.2จัดท่านอนให้ทางเดินหายใจตรง
      - 1.3Check & Record Ventilator Setting
      - 1.4ดูแลทางเดินหายใจโล่งตามจำเป็น
      - 1.6Monitor V/S, O2 saturation
      - 1.7สังเกตลักษณะสี กลิ่น ปริมาณของเสมหะ
      - 1.9ติดตามผลChest X-ray
- - - - เด็กทารกปรับอัตราการไหลของออกซิเจนไม่เกิน 2 ลิตรต่อนาที
      - เด็กโตให้เพิ่มอัตราการไหลของออกซิเจนได้ถึง 6 ลิตรต่อนาที
    - - แสบจมูก
      - เยื่อบุจมูกแห้ง
    - - ประหยัด
      - สามารถให้นมหรืออาหารแก่ผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องหยุดให้ออกซิเจน
    - - ขนาด Nasal prong ที่ใหญ่เกินไป
        
        ขนาด Nasal prong ที่ใหญ่เกินไป จะทำให้เกิดการอุดกั้นและระคายจมูก
      - Nasal prong เลื่อนหลุด
        
        ทำให้เกิดการขาดออกซิเจน
      - อัตราการไหลของออกซิเจนมากเกินไป
        
        ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อจมูก
      - ในรายที่ใช้Nasal prong ขนาดใหญ่และให้อัตราการไหลออกซิเจนมากเกินไป
        
        ทำให้เกิดความดันบวกในทางเดินหายใจ
      - อาจเกิดอาการระคายเคืองของผิวหนังบริเวณที่สายกดทับและบริเวณที่ปิดเทปเหนียว
      - ในเด็กเล็ก ควรติดสายให้พ้นคอ
        
        เพื่อป้องกันการอุดกั้นทางเดินหายใจ
      - อุปกรณ์ทำความชื้นที่นำไปต่อกับflow meter ต้องใช้ชนิด Bubble humidifier
        
        เพื่อป้องกันการได้รับอันตรายจากการได้รับออกซิเจน
        
        ทารกจะได้รับออกซิเจนผสมกับอากาศผ่าน oxygen blender
        
        ซึ่งสามารถกำหนดความเข้มข้นของออกซิเจน ควรปรับ FiO2 ให้เด็กทารกเกิดก่อนกำหนด ให้อยู่ระหว่าง 91-95%
  - - - สามารถปรับความเข้มข้นของออกซิเจนที่ผู้ป่วยได้รับสูงขึ้นได้
      - ให้continuous positive airway pressure ช่วยถ่าง airway และ alveoli ทำให้ lung compliance ดีขึ้น work of breathing ลดลง
      - ให้ความชุ่มชื่นแก่ทางเดินหายใจอย่างต่อเนื่อง ตลอด24ชั่วโมง ช่วยลดความเหนียวของเสมหะ
      - ทารกสามารถดูดนมได้ ในขณะที่ได้รับออกซิเจนอย่างต่อเนื่อง
      - ช่วยลดการบาดเจ็บของจมูก
    - - การทำให้แรงดันบวกไม่คงที่ แรงดันบวกที่สูงมาก ทำให้ปอดขยายตัวมากกว่าปกติจนเกิดอันตราย
      - การใช้ก๊าซที่ไม่ได้มีความชื้นมากพอ จะทำให้เยื่อจมูกแห้ง มีเลือดออก และเสมหะอุดตัน
    - - เลือกขนาดของnasal ให้เหมาะสม เพื่อให้มีช่องว่างรอบรูจมูกในการระบาย CO2 ขณะหายใจออก
      - 2.ควรติดผนังเทียมบริเวณจมูก ก่อนใส่ Nasal cannula เพื่อป้องกันแผลกดทับ
      - 3.ตรวจสอบheated humidifier ให้มีอุณหภูมิที่ระดับ 37 องศาเซลเซียสและตรวจระดับน้ำใน heated humidifier ไม่ให้แห้งทุก 2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ทางเดินหายใจแห้งและหมั่นเทน้ำที่เกาะอยู่ตามสายเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้ทารกสำลักน้ำเข้าจมูกหรือปอด
      - 4.ใส่สายยางกระเพาะอาหาร เบอร์8 เปิดปลายสายหรือดูดลมออกจากระเพาะทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อระบายลม ป้องกันภาวะท้องอืด
      - 5.ดูแลทำความสำอาด ช่อง cannula และรูจมูก ไม่ให้อุดตัน
      - 6.หากทารกได้รับการพ่นยา ควรขยับท่อ cannula ออกจากจมูกและปิดเครื่อง heated humidifier
  - - - 5.สังเกตบาดแผลและการบวมของรูจมูกและทำความสะอาด prong อย่างน้อยเวรละครั้งหรือเมื่อมีการอุดตัน
      - 6.ใส่สายยางกระเพาะอาหารเบอร์ 8 เปิดไปเพื่อระบายลมออกจากกระเพาะอาหารหรือดูดลมออกเป็นระยะระยะทุก 2-3 ชั่วโมงและสังเกตอาการท้องอืดเพิ่มขึ้น
      - 4.ให้ทารกนอนหงายก่อน ลำคอเหยียดเล็กน้อย โดยใช้ผ้าหนุนใต้ไหล่สูง ประมาณ 1-2 เซนติเมตร สามารถนอนตะแคงได้ข้างใดข้างหนึ่งและวางชุด CPAP ไว้บนที่นอน
      - 7.ปรับอุณหภูมิ heated humidifier ให้ตั้งอุณหภูมิที่ mode ของ invasive (รูป mask) หากใช้เครื่องทำความชุ่มชื้นรุ่นที่สามารถปรับอุณภูมิอัตโนมัติได้ ให้ปรับอุณหภูมิก๊าซอยู่ระหว่าง 32-34 องศาเซลเซียส
      - สวมหมวกหรืออุปกรณ์ยึดสายท่อทางเดินหายใจด้านบนศีรษะของทารก
      - 8.ตรวจระดับน้ำใน heated humidifier ไม่ให้แห้งทุก 2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ทางเดินหายใจแห้ง และหมั่นเทน้ำที่เกาะอยู่ตามสายเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้ทารกสำลักน้ำเข้าจมูกหรือปอด
      - การยึด nasal prong อยู๋ในตำแหน่งที่คงที่ ไม่ดึงรั้งหรือกดจมูกทารกและไม่กดริมฝีปากบนของทารก
      - 9.รบกวนทารกให้น้อยที่สุด เพื่อลดการใช้ออกซิเจน
      - 1.เลือกขนาด nasal แล้วแต่ละชนิดให้เหมาะสมกับขนาดจมูกของทารก ติดผิวหนังเทียมที่บริเวณจมูกและริมฝีปากก่อนใส่nasal prong ดูแลให้ nasal prong อยู่ในจมูกตลอดเวลา
    - - ปอดขยายมากเกินไป
      - ท้องอืดจากลมเข้าไปในกระเพาะอาหาร
      - prong อุดตันจากเสมหะ
      - เยื่อบุจมูกและผิวหนังบริเวณจมูกได้รับบาดเจ็บ
      - จมูกตัน
  - - - เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนและเปลี่ยนก๊าซได้อย่างเพียงพอ ลด work of breathing