Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หัดเยอรมัน Rubella - Coggle Diagram
หัดเยอรมัน Rubella
การพยาบาล
- ซักประวัติการได้รับวัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน
- ประเมินความวิตกกังวลหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ระหว่างฟังผลเลือด HAI titer
- ในรายที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคหัดเยอรมัน และพิจารณาทำแท้ง พยาบาลควรอธิบายให้มารดาทราบถึงการดำเนินโรคอันอาจมีผลต่อทารกในครรภ์ ความสำคัญและความจำเป็นของการทำแท้งเพื่อการรักษา
- กรณีที่คลอดบุตรพิการ เสียชีวิต หรือเกิดอาการแท้ง ควรใช้หลักการพยาบาล ผู้คลอดที่บุตรเสียชีวิตหรือพิการ
- กรณีถ้าหญิงตั้งครรภ์เป็นหัดเยอรมันขณะมาคลอดควรใช้เทคนิค Respiratory isolation เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากทางเดินหายใจ
- ผู้ป่วยต้องอยู่ห้องแยกและปิดประตูเสมอ (ถ้าไม่มีห้องแยก ให้กั้นม่าน)
- ทุกคนที่เข้าเยี่ยมต้องสวม Mask ถ้าไม่มีภูมิคุ้มกันโรคนั้น
- ล้างมือก่อนและหลังออกจากห้องมารดา
- เครื่องใช้และภาชนะที่สัมผัสเสมหะผู้ป่วย หรือสิ่งคัดหลั่งอื่นๆ ต้องท าลายเชื้อ
- ถ้าผู้ป่วยออกนอกห้องต้องผูกผ้าปิดจมูก
-
ข้อวินิจฉัย
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อหัดเยอรมันเนื่องจากมีการแพร่กระจายของโรค
- มีโอกาสติดเชื้อหัดเยอรมันเนื่องจากไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรค หรือสัมผัสผู้เป็นโรคหัดเยอรมัน
- ทารกมีโอกาสพิการแต่กำเนิด เนื่องจากมารดาติดเชื้อหัดเยอรมัน
- กลัวและวิตกกังวล เกี่ยวกับอาการของโรคที่มีต่อตนเองและทารกในครรภ์
-
การประเมินและการวินิจฉัย
1.หญิงตั้งครรภ์
-
-
ถ้าหญิงตั้งครรภ์ใน 3 เดือนแรก สัมผัสกับผู้ป่วยที่หัดเยอรมันมาใน 1 สัปดาห์ให้เจาะ HAI ถ้ามี Antibody ถือว่ามีภูมิคุ้มกันแล้ว แต่ถ้าไม่มี Antibody ให้เจาะเลือดซ้ำใน
4 สัปดาห์ต่อมา ถ้าครั้งที่ 2 มี Antibody ขึ้นแสดงว่าเป็นหัดเยอรมัน
กรณีที่สตรีตั้งครรภ์สัมผัสเกิน 1 สัปดาห์แล้วไปเจาะหา HAI ถ้ามี Antibody อยู่อาจจะเป็นยจากภูมิคุ้มกันที่มีอยู่ หรือเกิดจากการรับเชื้อใหม่ก็ได้ ควรเจาะหา HAI ซ้ำ เพื่อดูการเพิ่มขึ้นไตเตอร์ภายใน 1-2 สัปดาห์ต่อมา ถ้าไตเตอร์สูงกว่าครั้งแรก 4 เท่าขึ้นไปถือว่าเป็นหัดเยอรมัน
ทารกในครรภ์ วินิจฉัยจากการตรวจ IgM ในเลือดทารกที่เก็บตัวอย่างจากการเจาะโดยจากสายสะดือ (Cordocenesis)
-
ผลกระทบ
ต่อการตั้งครรภ์
-
-
-
-
-
-
3.โรคหัวใจแต่กำเนิด เช่น Patent ductus arteriosus,Ventricular septal defect,Artrail septal defect
-
2.อาจพบความผิดปกติเกี่ยวกับตาคือ ต้อกระจก(cataracts) ต้อหิน(Glaucoma) โรคเรตินาชนิดไม่อักเสบ(Retinopathy) และตาเล็กผิดปกติ(Micropthalmia)
-
-
กรณีศึกษา: หญิงตั้งครรภ์ (อายุครรภ์ 30 สัปดาห์) ให้ประวัติว่าเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน มีอาการไข้ต่ำๆ ปวดศรีษะ 3 วันต่อมามีผื่นแดงเล็กๆ ขึ้นที่หน้าและลำตัว ไปพบแพทย์ตรวจพบมีต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอและหลังหูโต หากแพทย์สงสัยว่าจะเป็นโรคหัดเยอรมัน จะมีแนวทางในการวินิจฉัยเบื้องต้นอย่างไร ที่มา : รศ.พญ.พรอำภา บรรจงมณี และ รศ.พญ.อัจฉรา
ตั้งสถาพรพงษ์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
การพยาบาล
-
ระยะหลังคลอด
การพยาบาลทั่วไป
แนะนำการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะท่าการให้นมบุตรที่ถูกวิธี การให้ทารกอมหัวนมอย่างถูกต้อง และการประเมินประสิทธิภาพของการให้นมบุตร ที่จะช่วยป้องกันการเจ็บหัวนม หัวนมแตกมากจนเลือดไหลที่เพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ
แนะนำการคุมกำเนิดและการวางแผนครอบครัวอย่างเหมาะสม และแนะนำตรวจประเมินภาวะสุขภาพประจำปี และตรวจเลือดในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
ประเมินภาวะสุขภาพของมารดาหลังคลอด และแนะนำการปฏิบัติตัวเพื่อส่งเสริมสุขภาพในระยะหลังคลอด ได้แก่ การหดรัดตัวของมดลูกเพื่อป้องกันการตกเลือดหลังคลอด การบรรเทาอาการปวดมดลูก การดูแลแผลฝีเย็บ การสังเกตน้ำคาวปลา และการส่งเสริมสุขภาพในการปฏิบัติตัวทั่วไป เช่น การพักผ่อนนอนหลับ การรับประทานอาหาร การบริหารร่างกาย การรักษาอนามัยส่วนบุคคล เป็นต้น ตลอดจนการส่งเสริมการปรับตัวด้านจิตสังคม การสร้างสัมพันธภาพกับทารกและการปรับตัว
ต่อบทบาทการเป็นมารดา
การพยาบาลเฉพาะ
ช่วยแพทย์ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อการวินิจฉัยการติดเชื้อหัดเยอรมัน ในทารกที่คลอดจากมารดาที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อหัดเยอรมัน โดยเก็บสิ่งส่งตรวจจากหลังโพรงจมูก จากปัสสาวะ หรือจากน้ำไขสันหลังของทารก
ตรวจติดตามการดำเนินของโรคอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการดำเนินของโรคที่รุนแรงขึ้นแนะนำให้สตรีหลังคลอดได้รับการตรวจร่างกายประจำปี
ใช้วิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการวินิจฉัย หากพบว่าทารกไม่ได้รับเชื้อหัดเยอรมัน ดูแลให้ทารกได้รับภูมิคุ้มกันโดยการฉีดวัคซีนหัดเยอรมัน (MMR) เมื่ออายุ
ครบ 9 เดือน และ 2 ปี6 เดือน
ทารกที่คลอดออกมาและได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิด
ผู้ปกครองควรหลีกเลี่ยงการพาไปในที่สาธารณะเป็นเวลา 1 ปี เพราะเด็กเหล่านี้ยังมีเชื้อไวรัสอยู่ในตัวและสามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ เว้นแต่ว่าจะได้รับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการหลังจากอายุ 3 เดือนไปแล้ว และผลการตรวจไม่พบการติดเชื้อ
ระยะตั้งครรภ์
- ดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการไข้และผื่นขึ้น หรือสงสัยว่าเป็นโรคหัดเยอรมัน ให้เข้าถึงการรักษาของแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคหัดเยอรมันหรือตรวจทางห้องปฏิบัติการ และซักประวัติการได้รับวัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน
2.แนะนำวิธีการลดการแพร่กระจายของเชื้อด้วยการใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น ถุงมือ และหน้ากากอนามัย เป็นต้น
3.สร้างสัมพันธภาพด้วยสีหน้าและท่าทางที่เป็นกันเอง แสดงถึงการยอมรับและให้เกียรติลักษณะส่วนตัวหรือลักษณะเฉพาะของหญิงตั้งครรภ์
4.เป็นผู้ฟังที่ดีเพื่อช่วยให้หญิงตั้งครรภ์เกิดความรู้สึกสบายใจ ไม่อึดอัด ไว้วางใจพร้อมที่จะระบายความรู้สึก
-
สมาชิก
1.นางสาวชนาภา ใจงาม เลขที่ 22 รหัส 601901025
2.นายชยานันท์ ตาทา เลขที่ 23 รหัส 601901026
3.นางสาวชลดา พลูสวัสดิ์ เลขที่ 24 รหัส 601901027
4.นางสาวชลธิฌา วังกาวี เลขที่ 25 รหัส 601901028
5.นางสาวชาลินี อยู่เจริญกิจ เลขที่ 26 รหัส 601901029
6.นางสาวณัฐมณฑน์ จูสนิท เลขที่ 27 รหัส 601901030