Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้ตนเองเพื่อการบำบัด การสร้างสัมพันธภาพและการสื่อสารเพื่อการบำบัด,…
การใช้ตนเองเพื่อการบำบัด การสร้างสัมพันธภาพและการสื่อสารเพื่อการบำบัด
การใช้ตนเองเพื่อการบำบัด
(Therapeutic use of self)
เป้าหมาย
เพื่อให้การช่วยเหลือและแก้ไขให้ผู้ป่วยมีความคิดและการกระทำที่เหมาะสม
คุณสมบัติในการใช้ตนเองเพื่อการบำบัด
1.บุคคลทุกคนมีคุณค่า (positive regard)
ต้องปฏิบัติต่อผู้ป่วยโดยเชื่อว่าบุคคลทุกคนมีศักดิ์ศรี
2.ไม่ตัดสินผู้อื่น (nonjudgmental)
ไม่ตัดสินพฤติกรรมว่าถูกหรือผิด ดีหรือเลว
3.ให้การยอมรับ (unconditioning positive regard)
คือการยอมรับในตัวบุคคลที่ผู้ป่วยเป็น
ปฏิบัติต่อผู้ป่วยโดยไม่อคติ
4.ท่าทีอบอุ่น (warmth)
เป็นการแสดงออกทางท่าทางมากกว่าแสดงออกทางคำพูด
5.เข้าใจความรู้สึก (empathy)
ตระหนักรู้ว่าที่ผู้ป่วยแสดงฤติกรรมต่างๆนั้นผู้ป่วยรู้สึกอย่างไร
6.ความจริงใจ (genuine)
แสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ
ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของวิชาชีพ
7.ความสอดคล้อง (congruency)
การสอดคล้องทั้งคำพูดและการกระทำ
8.ให้ความเคารพ (respect)
เรียกชื่อผู้ป่วยอย่างถูกต้อง
ยอมรับในการแก้ปัญหาของผู้ป่วย
9.เชื่อถือได้ (trustworthiness)
แสดงความรับผิดชอบ
ไม่เปิดเผยความลับของผู้ป่วย
10.การเปิดเผยตัวเอง (self-disclosure)
บอกความรู้สึก ความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวเองให้ผู้ป่วยรับรู้
11.มีความรู้ (knowledge)
ทฤษฎีต่างๆ
การนำกระบวนการพยาบาลมาวางแผนการพยาบาล
12.มีความสม่ำเสมอ (consistency)
การตรงต่อเวลาในการทำกจกรรม
ควบคุมอารมณ์ตนเองได้
รู้จักและจัดการกับความรู้สึกของตนเอง
ความตระหนักในตนเอง (self awareness)
มโนมติพื้นฐาน3
อัตมโนทัศน์ (self concept)
ความหมาย
ความคิดการรับรู้และการประเมินผลที่บุคคลมีต่อตนเอง
ตรงกับความเป็นจริงหรือคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง
ตัวตนด้านร่างกาย(physical self)
การรับรู้เกี่ยวกับร่างกายของตนเอง
สูง
ผอม
เตี้ย
ตัวตนส่วนบุคคล (personal self)
การรับรู้คุณค่าของตนเอง
ตัวตนด้านปณิธานหรือความคาดหวัง (ideal self or self expectation)
ความรู้สึกนึกคิดหรือทัศนคติเกี่ยวกับตนเองที่ตนเองปรารถนาจะเป็นตามความคาดหวังไว้
จะพยายามเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นอย่างที่ตั้งปณิธานไว้
ตัวตนด้านความสม่ำเสมอแห่งตน (self-consistency)
เป็นความรู้สึกหรือการรับรู้ใน
ลักษณะประจำตัวบางอย่างของตัวเอง
ใจเย็น
หงุดหงิดง่าย
ตัวตนด้านการยอมรับนับถือตนเอง (self esteem)
ความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับคุณค่าของตนเองในหลายๆด้าน
เปรียบเทียบคุณค่าที่ตนเองรับรู้ว่าตนเองมีอยู่หรือเป็นอยู่
(self concept) กับคุณค่าที่ตนเองปรารถนาจะเป็น (ideal self)
self concept สอดคล้องกับ ideal self
บุคคลจะยอมรับนับถือตนเองและพึงพอใจในความเป็นตนเองสูง
ตัวตนด้านศีลธรรมจรรยา (moral-ethical self)
การถูกผิดที่บุคคลประเมินจากการกระทำ
ความตระหนักรู้ในตนเอง (self awareness)
หมายถึง
เป็นภาวะที่บุคคลรู้สึกตัว ของตนเอง และ สิ่งแวดล้อมรอบตัว ณ ขณะนั้นรู้ว่าตนเองเป็นใคร คิดและรู้สึกอย่างไรกำลังทำอะไรอยู่
ปัจจุบันขณะเป็น
ในฐานะบุคคล
บุคคลมีความแตกต่างกัน
มีลักษณะเฉพาะตนเอง
เจตคติ
ความต้องการที่แตกต่างกัน
ความรู้สึก
ในฐานะวิชาชีพ
สัมพันธภาพระหว่างเพื่อนร่วมวิชาชีพ
ระดับความจริงใจและความทุ่มเทในวิชาชีพ
ความรู้และทักษะทางการพยาบาลจิตเวช
แนวทางในการพัฒนาการการตระหนักรู้ตนเอง
เพื่อพิจารณาตนเอง
พยายามเรียนรู้พฤติกรรมของตัวเองให้มากที่สุดเพิ่มการรับรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับตัวเรา
รับฟังและเรียนรู้จากผู้อื่น
ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นที่เขาวิเคราะห์ วิจารณ์ พฤติกรรมของเราในสถานการณ์ต่างๆ
การเปิดเผยตนเอง
บอกความรู้สึก
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองในด้าน
ความเชื่อ
ข้อมูลส่วนตัว
ความคิดเห็น
อัตตา/ความเป็นตัวของตนเอง (self)
ส่วนรวมทั้งหมดของบุคคล
ค่านิยม
พฤติกรรม
ความรู้สึก
ความคิด
ร่างกาย
เข้าใจตนเอง (self understanding)
ให้พยาบาลสามารถเข้าใจผู้อื่นได้
การสื่อสารเพื่อการบำบัด
(Therapeutic Communication)
องค์ประกอบที่มีผลต่อการสื่อสาร
ระยะห่างระหว่างพยาบาลกับผู้ป่วย
ระยะห่างให้เหมาะสมบางครั้งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้าผู้ป่วยมีอารมณ์โกรธอาจจะนั่งห่างนิดนึง แต่ถ้าระยะห่างสําหรับการปรึกษา หรือในสังคมที่เหมาะสมอาจมีระยะห่างระหว่าง 4-12 ฟุต
ท่านั่ง
นั่งท่าที่เหมาะสมและผ่อนคลายทั้งสองฝ่าย มองเห็นคู่สนทนาที่ชัดเจน ไม่ควรนั่งเผชิญหน้ากันเพราะจะให้ผู้ป่วยอึกอัด ให้นั่งทำมุม 45 องศากับผู้ป่วยโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
เทคนิคการสื่อสารเพื่อการบําบัด
การส่งเสริมให้ผู้ป่วยรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง
Listening
การฟัง
Ex : สบตา ท่าทางสนใจ
Offering self
เป็นการเสนอตนเองเพื่อรับฟังปัญหาให้การช่วยเหลือ
Ex : "ฉันยินดีรับฟังเรื่องที่คุณเล่า"
Giving recognition
แสดงความจําและระลึกได้
Ex : กล่าวชื่อผู้ป่วย ได้ถูกต้อง
"อาหารวันนี้เป็นของโปรดคุณ"
positive reinforcement
การให้แรงเสริมทางบวก
คุณสามารถทํางานได้เสร็จตามเวลาเพื่อนทุกคนปรบมือให้ด้วยค่ะ
ช่วยพยาบาลกับผู้ป่วยเข้าใจให้ตรงกัน
Verbalization
impliedthought and feeling
ผู้ป่วยพูดเป็นนัยๆให้พยาบาลเข้าใจเองเราควรสอบถามความรู้สึกที่แท้จริงก่อน
Ex: "คุณหมายความว่าที่ทํางานไม่มีใครเข้าใจคุณ
Validating
การตรวจสอบความรู้สึกของผู้ป่วย
Ex : คุณติดต่อญาติได้แล้ว ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไร
Clarifying
ขอคําอธิบายเพิ่มเติม ในกรณีที่ผู้ป่วยพูดคลุมเครือ
Ex
ผู้ป่วย"หัวหน้าก็ไม่ดี ลูกน้องก็พูดไม่รู้เรื่อง"
พยาบาล"คุณช่วยยกตัวอย่างการพูดไม่รู้เรื่องของลูกน้องคุณหน่อย"
กระตุ้นให้ผู้ป่วยพูดระบายความคิดความรู้สึก
Sharing observation
บอกในสิ่งที่เราสังเกตเห็นในตัวผู้ป่วย
Ex : "ดูท่าทางคุณโกรธมาก เมื่อพูดถึงสามีคุณ"
Using silence
ผู้ป่วยคิดไตร่ตรองและพูดความรู้สึกตนเองพยาบาลจะสังเกตพฤติกรรมผู้ป่วย
Ex : ใช้ความเงียบ สบตา แสดงท่าทางสนใจ
Accepting/listening
ยอมรับในสิ่งที่ผู้ป่วยพูดและอาจแสดงออกด้วยท่าทาง
น้ําเสียงหรือ คําพูด
Ex : การพยักหน้า การฟังโดยไม่โต้แย้ง/คัดค้านไม่แก้ตัวแทนบุคคล ที่ผู้ป่วยกล่าวถึง
Giving information
การให้ข้อมูลที่เป็นจริง
Ex : "ฉันให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา"
Reflecting(content/feel)
กล่าวซ้ำสะท้อนความคิดความรู้สึกโดยใช้คําพูดใหม่ที่มีความหมายและความรู้สึกเดิม
Ex
ผู้ป่วย “อยากกลับบ้านวันนี้อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรดีขึ้น”
พยาบาล "คุณรู้สึกท้อใจ"
Presenting reality
เป็นการให้ความจริงแก่ผู้ป่วยในกรณีที่ผู้ป่วยมีความคิดหรือการรับรู้ที่ผิดไปจากความเป็นจริง
EX
ผู้ปุวย “ผมกําลังคุยกับเทวดาอยู่"
พยาบาล”ไม่เห็นใครอยู่ที่นี่นอกจากคุณกับฉัน"
ช่วยส่งเสริมความเข้าใจในการปรับตัวผู้ป่วย
Encouraging
evaluation
การขอให้ผู้ป่วยประเมินประสบการณ์หรือสถานการณ์ที่ผู้ป่วยเคยเผชิญมาก่อน
Ex : "เหตุการณ์ครั้งนั้นคุณรู้สึกอย่างไร"
Encouraging formulation of a plan of action
การเตรียมผู้ป่วยให้วางแผนเลือกพฤติกรรมที่เหมาะสมกับเหตุการณ์ในอนาคต
Ex
"คุณจะทําอย่างไรถ้าเกิดปัญหากับผู้ร่วมงานอีก"
"คุณคิดวางแผนจะทําอะไร ถ้าเพื่อนมาชวนคุณดื่มสุรา"
Focusing
มุ่งความสนใจให้อยู่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
Ex : "เรื่องนี้น่าสนใจเรามาคุยเรื่องนี้กันก่อนไหมค่ะ"
Summarizing
การสรุปเนื้อหาด้วยคําพูดสั้นๆเพื่อให้ได้ใจความทั้งหมดหรือสรุปประเด็นที่คุยกัน
Ex
สรุปเมื้อสิ้นสุดการสนทนา
เมื่อผู้ป่วยเล่าหลายๆเรื่องพยาบาลสรุปว่ามีเรื่องอะไร
Exploring
เป็นการสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูล/ปัญหา/รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ป่วยเพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
Ex
ผู้ป่วย"ที่บ้านไม่มีใครชอบหนู"
พยาบาล"มีใครบางค่ะที่ไม่ชอบ"
กระตุ้นและส่งเสริมการสนทนา
Using general lead
การพูดหรือการแสดงออกว่าเรากำลังสนใจในสิ่งที่ผู้ป่วยพูด เพื่อให้เขาพูดต่อ
Ex: ค่ะ, ฮื่ม, แล้วอย่างไรต่อคะ"
Restating
พูดทวนเนื้อหาหรือใจความสําคัญในสิ่งที่ผู้รับบริการพูด
Ex
ผู้ป่วย "เมื่อคืนฉันตื่นตลอดคืน"
พยาบาล"คุณบอกว่าเมื่อคืนคุณตื่นตลอดคืน”
Using broad opening Statement
พูดกว้างๆ ใช้คำถามง่ายๆ เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยเลือกหัวข้อในการสนทนา
EX : อยากคุยเรื่องเกี่ยวกับอะไร
กําลังคิดอะไรอยู่ค่ะ
Questioning
การตั้งคําถามทั่วไปเพื่อเปิดประเด็นการสนทนาและรวบรวมข้อมูล
Ex : คุณมีพี่น้องกี่คน
สถานที่
คนต้องไม่พลุกพล่าน อากาศปลอดโปร่ง มีความเป็นส่วนตัว ไม่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอึดอัด
หลักปฏิบัติในการสื่อสาร
ไม่เสนอข้อมูลมากเกินไปจนทําให้ผู้ป่วยสับสน เบื่อหน่าย
ไม่พูดถึงอดีตที่ปวดร้าวเกินไป ขณะที่ผู้ป่วยยังไม่พร้อม
ฟังทั้งเนื้อหาและเจตนาว่าผู้ป่วยพูดถึงอะไรหมายความว่าอย่างไร
สื่อสารที่เน้นเรื่องราวที่เป็นปัจจุบัน
ใช้หลักการสื่อสารที่ให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสระบายความรู้สึก
ใช้หลักการต่างๆที่ง่ายๆ ชัดเจน ตรงไปมา
ให้สําคัญกับความสอดคล้องระหว่างเนื้อหา คําพูด ท่าทาง สีหน้า และน้ําเสียงของพยาบาล
อุปสรรคในการติดต่อสื่อสาร
สิ่งแวดล้อมไม่เหมาะสมเช่น มีผู้ป่วยอื่นมาวุ่นวาย
ข้อจํากัดทางอาการของผู้ป่วย
การดําเนินวิธีการสื่อสารและใช้เทคนิคการสื่อสารที่ไม่เหมาะสม
ท่านั่ง ที่แสดงถึงความไม่สนใจผู้ป่วย
ใช้เทคนิคการสนทนาไม่เหมาะสม
ระยะห่างระหว่างบุคคลมาหรือน้อยเกินไป
การสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด(Therapeutic relationship)
สัมพันธภาพระหว่างพยาบาลและผู้ป่วย(nurse-patient relationship)
พยาบาลและผู้ป่วยมีการติดต่อกันระยะเวลาหนึ่ง
เป้าหมาย
ให้ผู้ป่วยมีความสามารถที่จะสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกับผู้อื่น
ให้ผู้ป่วยปรับปรุงการกระทำในการดำรงชีวิต
ให้ผู้ป่วยรู้จักตัวเองดีขึ้น ปรับปรุงด้านความคิดและการแสดงออก
ให้โอกาสผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึกไม่สบายใจ
ให้ผู้ป่วยตระหนักในตนเอง ยอมรับตนเอง
ระยะการสร้างสัมพันธภาพ(Phase of therapeutic relationship)
ระยะก่อนการสนทนา(preinteracting phase)
พยาบาลวางแผนและเตรียมตัว
กิจกรรมการพยาบาล
ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของผู้ป่วย
ภูมิหลัง
อาชีพ
สถานสมรส
แผนการรักษาที่ผ่านมา
วางแผนการสทนาเกี่ยวกับ
สถานที่
เวลา
ให้ข้อมูลต่างๆกับทีมผู้รักษา
วัตถุประสงค์การสนทนา
เตรียมตัวในด้านการสร้างสัมพัรธภาพกับผู้ป่วย
พยาบาลตรวจสอบร่างกายและจิตใจของตนเองให้พร้อม
ปัญหาที่พบ
พยาบาลวิตกกังวลจนขาดทักษะการสร้างสัมพันธภาพ
ระยะเริ่มสนทนา(initiation or orienting phase)
พยาบาลทำให้ผู้ป่วยเกิดความไว้วางใจ
สิ้นสุดลงเมื่อ
ผู้ป่วยสำรวจตนเอง
ผู้ป่วยสามารถบอกปัญหาของตนเอง
กิจกรรมการพยาบาล
เพิ่มความไว้วางใจ
บอกบทบาทหน้าที่
บอกวัตถุประสงค์
เตรียมสถานที่
กำหนดข้อตกลง
สร้างความไว้วางใจ
การค้นหาหรือระบุปัญหาที่แท้จริง
ปัญหาที่พบ
ความวิตกกังวล(anxiety)
ผู้ป่วย
วิตกกังวลว่าพยาบาลเป็นคนแปลกหน้า
พฤติกรรมที่แสดงถึงความวิตกกังวล
บิดมือ
เคลื่อนไหวร่างกาย
พยาบาล
กังวลว่าจะช่วยผู้รับบริการไม่ได้
กังวลในเทคนิคการสนทนา
การทดสอบ(testing)
ผู้ป่วย
ทดสอบขอบเขตสัมพันธภาพ
พฤติกรรมการทดสอบ
ไม่มาพบตามนัด
มาพบแต่อยู่ไม่ครบเวลา
พยาบาลจะช่วยเหลือได้จริงหรือ
การต่อต้าน(resistance)
ผู้ป่วยไม่รับรู้
พฤติกรรม
ไม่เปิดเผยตนเอง
ไม่มาพบพยาบาล
ระยะแก้ไขปัญหา(working phase)
ผู้ป่วยไว้วางใจพยาบาล
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินการเจ็บป่วยว่ามีผลอย่างไรต่อชีวิต
ร่วมกับผู้ป่วยในการวิเคราะห์หาสาเหตุ
สนับสนุนด้านจิตใจ
ค้นหาสาเหตุ ปัญหาโดยให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก
รักษาสัมพันธภาพ
ปัญหาที่พบ
มีความรู้สึกร่วมกับผู้ป่วย(sympathy)
ถ่ายโยงความรู้สึกของผู้ป่วยไปสู่พยาบาล(tranference)
ความรู้สึกที่ผู้ป่วยมีต่อพยาบาล
ทางบวก
เป็นมิตร
ร่วมมือกับผู้รักษา
รู้สึกเคารพ
ทางลบ
น้อยใจ
เกลียด
โกรธ
ความวิตกกังวลของพยาบาล
ถ่ายโยงความรู้สึกของพยาบาลไปสู่ผู้ป่วย(counter transference)
คล้ายกับ tranference
พยาบาลรักษาควร
สังเกตอารมณ์ จิตใจ ของตนให้ดี
เมื่อมีความรู้สึกบางอย่างให้พยายามรู้เท่าทัน
ระวังไม่ให้มีผลต่อการรักษา
ตระหนักรู้ในตนเอง
ระยะยุติสัมพันธภาพ(termination phase)
ผู้ป่วยได้รับการคลี่คลายปัญหาแล้ว
การเตรียมผู้ป่วย
ผู้ป่วยอยู่โรงพยาบาล
บอกให้ผูป่วยทราบอาการอะไรที่ดีขึ้น อาการที่ยังต้องแก้ไข
บอกประโยชน์ทีนศ.ได้จากการสนทนากับผู้ป่วยและผู้ป่วยได้จากการสนทนา
บอกให้ผู้ป่วยทราบระยะเวลที่จะยุติสัมพันธภาพล่วงหน้า
ประเมินความรู้สึกของผู้ป่วยต่อการยุติสัมพันธภาพ
บอกแหล่งที่ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือได้
ผู้ป่วยกลับบ้าน
บอกถึงอาการของผู้ป่วยที่ดีขึ้น และอาการของผู้ป่วยที่ต้องแก้ไข
แนะนําข้อปฏิบัติในการดูแลสุขภาพ
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการสร้างสัมพันธภาพ
พยาบาลควรสรุปในส่วนที่ได้ร่วมแก้ปัญหากับผู้ป่วย
เสริมความมั่นใจในความสามารถที่จะช่วยตนเองของผู้ป่วย
ประเมินปฏิกิริยาของผู้ป่วยและให้เวลาผู้ปุวยได้บอกความรู้สึก
ปฏิกิริยาต่อการยุติสัมพันธภาพ (Reaction to termination)
ทั้งพยาบาลและผู้ป่วยจะเกิดความรู้สึกวิตก
กังวล เนื่องจากการแยกจากกัน (Separation anxiety)
พยาบาล
ความรู้สึกเศร้า
ผู้ป่วย
ไม่ยอมรับการยุติสัมพันธภาพ (denial)
ขอที่อยู่เพื่อที่จะติดต่อทางจดหมาย
ขอรูปพยาบาลไว้ดูต่างหน้า
ไม่ยอมรับในตัวพยาบาล (reject)
ผู้ป่วยรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งผู้ป่วยจึงแสดงออกโดยการไม่ยอมรับในตัวพยาบาล
โกรธและไม่เป็นมิตร (Anger and hostility)
การไม่มาพบพยาบาลตามเวลาที่นัดหมาย
การพูดคุยแบบผิวเผิน
มีพฤติกรรมถดถอย (regression)
มีการป่วยมากขึ้น
มีความรู้สึกเศร้า(grief)
ที่พยาบาลจะต้องจากไป
ปัญหาการสร้างสัมพันธภาพ
บุคลากรอื่นๆต้องการจะอ่านข้อมูล
โดยละเอียดที่บันทึกไว้
วิธีแก้
อธิบายให้ชัดเจนว่าจะมีใครบ้างที่จะอ่านข้อมูลเหล่านี้ พยายามให้ผู้ป่วยได้ทราบว่าข้อมูลเหล่านี้แม้ว่าจะมีผู้รับทราบบ้าง แต่ก็จะเป็นบุคคลในทีมสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลโดยตรงเท่านั้นและเป็นความลับสําหรับบุคคลอื่น ๆ
ผู้ป่วยซักไซ้เรื่องส่วนตัว
ของพยาบาล
วิธีแก้
อธิบายให้ทราบถึงผลการคืบหน้าของผู้ป่วย
ปฏิเสธการให้ดูข้อมูลรายละเอียดที่ได้บันทึกไว้โดยละม่อม
ผู้ป่วยตั้งคําถามว่าจะมีใครอ่านบันทึกที่
พยาบาลบันทึกเกี่ยวกับตนบ้าง
วิธีแก้
อนุญาตให้อ่านได้ (ผู้ป่วยมีสิทธิจะรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง)
ผู้ป่วยเรียกชื่อพยาบาล
โดยชื่อเฉยๆโดยไม่มีสรรพนาม
วิธีแก้
ตอบคําถามอย่างสั้น ๆ เฉพาะที่เป็นความจริงและเป็นข้อมูลทั่วไป
สนทนาเพื่อความสืบค้นในความต้องการซักไซ้ในข้อมูลส่วนตัวของพยาบาล
ผู้ป่วยต้องการอ่านข้อความที่บันทึก
วิธีแก้
อธิบายความจําเป็นของการจดบันทึก และเหตุผลที่ต้องจด
พยาบาลใหม่เรียกผู้ป่วย
โดยเรียกชื่อเฉยๆโดยไม่มีสรรพนาม
วิธีแก้
อภิปรายกับผู้ปุวยเรื่องความแตกต่างความสัมพันธ์ในสังคมกับสัมพันธภาพเพื่อการบําบัด
ไม่ตอบโต้ผู้ป่วย ให้นิ่งและสงบ
ผู้ป่วยปฏิเสธไม่ยอมให้พยาบาล
จดบันทึกข้อมูลการสนทนา
วิธีแก้
พยาบาลต้องฟังการปฏิเสธอย่างสงบ
ผู้ป่วยไม่ต้องการพูดคุย
วิธีแก้
นั่งเงียบ ๆ ด้วยความสงบ
มองผู้ป่วยโดยความสนใจและด้วยสีหน้าที่เป็นมิตร
ผู้ป่วยลุกออกไปจากการสนทนาอย่างกะทันหัน
วิธีแก้
ถามว่า “คุณกําลังจะไปไหน”
และหากว่าผู้ปุวยกําลังเดินออกไป พยาบาลบอกผู้ป่วยต่อไปเลยว่า “ดิฉันจะนั่งรอคุณอยู่ที่นี่จนกระทั่งเวลา........”
ผู้ป่วยกล่าวว่า “ฉันไม่มีอะไรจะพูด” หรือ “ฉันไม่รู้”
วิธีแก้
ลองตั้งคําถามใหม่
ลองประเมินความรู้สึกของพยาบาลเองดูเมื่อได้ฟังคําพูดในลักษณะนี้จากผู้ป่วย
ผู้ป่วยขอให้การสนทนาจบเร็วๆกว่าเวลาที่
กําหนดไว้ หรือขอเปลี่ยนกําหนดการนัด
วิธีแก้
สํารวจความต้องการที่ขอเช่นนั้น
กําหนดการนัดหมายใหม่ตามความเหมาะสมของทั้งสองฝ่าย
ผู้ป่วยบอกพยาบาลไม่ให้เข้าใกล้หรืออาจพูดว่า“อย่ามาวุ่นกับฉัน”
วิธีแก้
ให้ฟังอย่างสงบ
ให้ประเมินระดับความไม่เป็นมิตรของผู้ป่วย
พยาบาลเองเป็นฝ่ายมาช้ากว่าเวลานัด หรือต้องของเปลี่ยนเวลานัด
วิธีแก้
ให้แจ้งผู้ปุวยโดยตรง หรือผ่านบุคคลที่จะส่งข่าวให้ผู้ปุวยทราบหรืออาจเขียนโน๊ตบอก
พยาบาลเองตอบโต้กับผู้ป่วยในขณะสนทนาด้วยคําพูดซ้ำๆเพราะคิดไรไม่ออก
วิธีแก้
ดีแล้ว ที่ตระหนักอย่าเพิ่งหมดกําลังใจพยายามต่อไป
ฝึกให้ตนเองเป็นคนไวต่อการตอบโต้ที่ผิดพลาดและเรียนรู้
ผู้ป่วยมาพบตามนัด แต่มาช้าเป็นประจํา
วิธีแก้
พยาบาลไปให้ตรงเวลา และรอผู้ป่วย ณ สถานที่นัดอย่างสงบ
คุยเตือนกับผู้ปุวยเรื่องเวลานัดที่เคยตกลงไว้ว่าเริ่มเวลาเท่าใด และเลิกเวลาเท่าใด
คําถามของพยาบาลทําให้ผู้ป่วยไม่พอใจหรือ
หงุดหงิด
วิธีแก้
ไม่เป็นไร ไม่ต้องตกใจ แสดงว่าคําถามจะต้องไปกระทบความรู้สึกบางอย่างของผู้ป่วยและน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ปัญหา
อย่าเปลี่ยนเรื่อง ให้มุ่งการสนทนาที่ประเด็นดังกล่าวนั้น
ยกประเด็นขึ้นมาให้ชัดเจนอีกครั้ง
พยาบาลพยายามแยกแยะปัญหาจากข้อมูลให้ละเอียด อย่าให้เบนเรื่องออกนอกทาง
ผู้ป่วยไม่มาตามนัด
วิธีแก้
ตามหาผู้ป่วย,นัดหมายใหม่ อาจต้องจัดเวลาและสถานที่ใหม่
นางสาวมาริษา คงจันทร์
รหัส 612001096
นางสาวรติมา มณีคำ
รหัส 612001097 รุ่น36/2