Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเตรียมและช่วยเหลือมารดาทารกที่ได้รับการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ,…
การเตรียมและช่วยเหลือมารดาทารกที่ได้รับการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ
Biochemical Assessment
Amniocentesis
ความหมาย
การตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดโดยเจาะน้ำคร่ำ เพื่อตรวจโครโมโซมทารกในครรภ์ที่ผิดปกติ
วิธีการเจาะ
ทำโดยวิธีการปราศจากเชื้อ เจาะโดยใช้เข็มขนาดเล็กเจาะผ่านหน้าท้อง และผนังมดลูกเข้าสู่ถุงน้ำคร่ำ มาส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ทำเมื่ออายุครรภ์ 16-18 สัปดาห์
ภาวะแทรกซ้อน
ปวดเกร็งเล็กน้อยบริเวณท้องน้อย มีเลือดหรือน้ำคร่ำออกทางช่องคลอด
การติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ
กลุ่มเลือด Rh negative มารดาสร้างภูมิต้านทานต่อเม็ดเลือดแดงของทารกในครรภ์
คำแนะนำหลังการเจาะ
• ควรสังเกต และมาพบแพทย์หากมีอาการเหล่านี้
ปวดเกร็งหน้าท้องมาก
ไข้ภายใน 2 สัปดาห์
มีน้ำหรือเลือดออกทางช่องคลอด
• พักหลังจากการเจาะ1 วัน ควรงดการออกแรงมากอีก 4-5 วัน ไม่ควรเดินทางไกลภายใน 7 วันหลังการเจาะน้ำคร่ำ
การพยาบาล
• ดูแลให้ปัสสาวะเพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
• ดูแลจัดท่า วัดความดันโลหิต และฟังเสียงหัวใจของทารก
• จัดเตรียมอุปกรณ์ให้สะอาดปราศจากเชื้อ
• ภายหลังเจาะให้นอนหงาย กดแผลหลังจากเอาเข็มออก ประมาณ 1 นาที และปิดแผลด้วยพลาสเตอร์
• ฟังเสียงหัวใจทารกทุก 15 นาที จนครบ 1 ชั่วโมง
• วัด Vital signs 2 ครั้ง ห่างกัน 15 นาที
Amniotic fluid analysis
วิธีที่นิยมทำ 3 วิธี
1.จากการดูสีของน้ำคร่ำ มีเลือดปนใสหรือขุ่น มีสีของขี้เทาปนหรือไม่
2.การตรวจหาค่า L/S ratio (Lecithin Sphingomyelin Ratio)
ตรวจหาอัตราส่วนระหว่าง สาร Lecithin ต่อสาร Sphingomyelin ในน้ำคร่ำของทารก
26 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ค่า S > L
อายุครรภ์ 26-34 สัปดาห์ ค่าL / S ratio = 1:1
อายุครรภ์ 34-36 สัปดาห์ ค่า L จะเพิ่มมากขึ้นทำให้ ratio สูงขึ้น
L/S ratio > 2 แสดงว่าปอดทารกสมบูรณ์เต็มที่ไม่ค่อยเกิดภาวะ RDS
Shake Test
เป็นการทดสอบความสมบูรณ์ของปอดทารกในครรภ์
วิธีการทดสอบ
ใช้หลอด 5 หลอด ใส่น้ำคร่ำจำนวน 1 cc , 0.75 cc , 0.5 cc , 0.25 cc และ 0.2 cc ตามลำดับแล้วเติม normal saline solution ในหลอดที่ 2, 3, 4 และ 5 ทำให้ส่วนผสมเป็น 1 cc ทุกหลอดแล้วเติม Ethanol 95% ทุกหลอด เขย่านาน 15 วินาที ทิ้งไว้นาน 15 นาที
การแปลผล
• ถ้าพบว่ามีฟองอากาศเกิดขึ้น 3 หลอดแรกแสดงว่าได้ผลบวก ปอดทารกเจริญเต็มที่
• ถ้าพบฟองอากาศ 2 หลอด ปอดทารกยังไม่เจริญเต็มที่
• ถ้าพบฟองอากาศเพียงหลอดเดียวหรือไม่พบเลย แสดงว่าการทดสอบปอดทารกยังเจริญไม่เต็มที่
Alpha fetoprotein (AFP)
AFP เป็นค่าโปรตีนที่สร้างมาจากรก ใช้ค่านี้ในการตรวจสอบความผิดปกติของรก และเนื้อเยื่อที่เกี่ยวข้องกับรก
ค่าปกติ AFP 2.0 – 2.5 MOM (Multiple of median)
ค่า AFP สูงขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่ 15 ของการตั้งครรภ์ แสดงว่าทารกมีความผิดปกติของ open neural tube เช่น anencephaly , myelomeningocele , Spinabifida
anencephaly
myelomeningocele
Spinabifida
Fetoscopy
การส่องกล้องดูทารกในครรภ์ หรือเรียกว่า laparo amnioscope สอดเข้าไปในถุงน้ำคร่ำโดยผ่านผนังหน้าท้องของหญิงตั้งครรภ์เพื่อดูความผิดปกติของทารก
ขั้นตอนการทำ
• งดน้ำงดอาหารก่อนทำ 6-8 ชั่วโมง
• ตรวจสอบ FHS ก่อนและหลังทำ
• ใช้ ultrasound เป็นตัวช่วยในการทำ
• ต้องตรวจสอบปริมาณน้ำคร่ำหลังทำ
• งดการทำงานหนัก1 – 2 สัปดาห์ เนื่องจากอาจมีอาการปวดท้อง
• ภาวะแทรกซ้อน แท้งบุตร12% เลือดออกทางช่องคลอด ติดเชื้อน้ำคร่ำรั่วอย่างรุนแรงเลือดแม่กับเลือดลูกปนกัน
Biophysical Assessment
Ultrasound
การใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่สูง ผ่านผิวหนังเข้าไปเนื้อเยื่อที่ต้องการตรวจ ดูขนาด ขอบเขต รูปร่าง การเคลื่อนไหวของอวัยวะ
แนวทางการตรวจ ultrasound
• ดูจำนวนและการมีชีวิตของทารก
• ดูลักษณะและตำแหน่งของรก
• ปริมาณน้ำคร่ำ
• ประเมินอายุครรภ์และการเจริญเติบโตของทารก
• ตรวจ 4- chamber view ของหัวใจทารก
• ตรวจลักษณะทางกายวิภาคของทารก
ข้อบ่งชี้ด้านมารดา
• ใช้วินิจฉัยการตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรก
• ใช้วินิจฉัยการตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติ
• ตรวจดูตำแหน่งที่รกเกาะ
• ตรวจดูภาวะแฝดน้ำ / น้ำคร่ำน้อย
• ตรวจในรายสงสัยครรภ์ไข่ปลาอุก
• ใช้วินิจฉัยการตั้งครรภ์นอกมดลูก
• การตั้งครรภ์ที่มีห่วงอนามัยอยู่ด้วย
• เพื่อดูความผิดปกติ เช่น ก้อนเนื้องอกที่อุ้งเชิงกราน
• ตรวจดูตำแหน่งที่เหมาะสมก่อนทำ amniocentesis
ข้อบ่งชี้ด้านทารก
• ดูการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ หรือคาดคะเนอายุครรภ์
• ตรวจดูความผิดปกติของทารกในครรภ์
• เพื่อวินิจฉัยภาวะทารกตายในครรภ์
• เพื่อดู lie position และส่วนนำของทารกในครรภ์
• เพื่อตรวจดูการหายใจของทารกในครรภ์ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (IUGR)
• เพื่อตรวจดูจำนวนของทารกในครรภ์
การแปลผล
Gestational Sac : GS
ขนาดของถุงการตั้งครรภ์ ทราบเมื่ออายุครรภ์ 5 -7 week
Crown-rump lerght : CRL
ความยาวของทารก อายุครรภ์ 7-14 week
Biparietal diameter : BPD
เส้นผ่าศูนย์กลางของส่วนที่ยาวที่สุดของศีรษะของทารก
Femur length : FL
ความยาวของกระดูกต้นขา วัดจากส่วนหัวกระดูก-ปลายแหลมของปลายกระดูก
Head cicumference : Hc
Abdominal circumference : Ac
เส้นรอบท้อง วัดยาก ไม่ค่อยนิยม เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของหน้าท้องจากสาเหตุบางอย่าง
Fetal Biophysical profile
(BPP)
คือ การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงตรวจวัดการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆของทารกที่ถูกกระตุ้นและควบคุมด้วยระบบประสาทส่วนกลาง
วิธีการตรวจ
• เตรียมหญิงตั้งครรภ์ในท่านอน Semi-fowler ตะแคงซ้ายเล็กน้อย
• ใช้ Ultrasound ตรวจวัดข้อมูล 5 ตัวแปรที่ต้องการ
• กำหนดค่าคะแนนของแต่ละข้อมูล ข้อละ 2 คะแนน
• เมื่อพบว่าปกติให้ 2 คะแนน และให้ 0 คะแนนเมื่อพบว่าผิดปกติ
เกณฑ์ปกติ (2คะแนน)
• การหายใจของทารกในครรภ์ : หายใจอย่างน้อย 1 ครั้ง นาน 30 วินาที
• การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ : ขยับตัวหรือเคลื่อนไหวแขนขาอย่างน้อย 3 ครั้ง
• แรงตึงตัวของกล้ามเนื้อ : เหยียดตัว กางแขนขา และหดกลับอย่างรวดเร็ว หรือกำและคลายมือ อย่างน้อย 1 ครั้ง
• การเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ : อัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์เพิ่มขึ้นไม่มากกว่า 15 ครั้ง/นาที ภายหลังการเคลื่อนไหว
• ปริมาณน้ำคร่ำ : ตรวจพบโพรงน้ำคร่ำอย่างน้อย 1 แห่ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 1 เซนติเมตร
การแปลผล
• คะแนน 8-10 คะแนน แสดงว่า ปกติ ไม่มีภาวะเสี่ยงควรตรวจซ้ำใน 1 สัปดาห์
• คะแนน 6 คะแนน แสดงว่า มีภาวะเสี่ยงต่อการขาดภาวะออกซิเจนเรื้อรังของทารก ควรตรวจซ้ำใน 4-6 ชั่วโมง
• คะแนน 4 คะแนน แสดงว่า มีภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง
• คะแนน 0-2 คะแนน แสดงว่า มีภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรังอย่างรุนแรง ควรให้มีการคลอดโดยเร็ว
Electronic Fetal monitoring
เป็นเครื่องมือทาง Electronic ที่ได้นำมาใช้เพื่อตรวจดูสุขภาพทารกภายใน
Tocodynamometer หรือ tocometer จะเป็นส่วนที่วางอยู่บนหน้าท้องมารดาบริเวณยอดมดลูกเพื่อประเมินความรุนแรงของการหดรัดตัวของมดลูก
ultrasonic transducer สำหรับฟังอัตราการเต้นของหัวใจทารกจะเป็นส่วนที่วางอยู่บนหน้าท้องบริเวณหัวใจทารก เพื่อประเมินการเต้นของหัวใจและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการหดรัดตัวของมดลูก
Variability
• อัตราการเต้นของหัวใจทารกที่มีการเปลี่ยนแปลง
Absent : ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
Minimal : มีการเปลี่ยนแปลง 0 ถึง 5 beat / min
Moderate : มีการเปลี่ยนแปลง 6 ถึง 25 beat/min
Marked : มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 25 beat/min
acceleration การเพิ่มขึ้นของ FHR
อายุครรภ์ > 32 สัปดาห์ มากกว่าหรือเท่ากับ 15 bpm นานกว่า 15 วินาที
อายุครรภ์ < 32 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 10 bpm นานกว่า 10 วินาที
deceleration ซึ่งแบ่งเป็น 4 แบบ
Early deceleration การลดลงของ FHR สัมพันธ์กับการหดรัดตัวของมดลูก
Late deceleration การลดลงของ FHR ไม่สัมพันธ์กับการหดรัดตัวของมดลูก
Variable deceleration การลดลงของ FHR โดยอาจจะสัมพันธ์กับการหดรัดตัวของมดลูกหรือไม่ก็ได้ ไม่นานเกิน 2 นาที
Prolonged deceleration การลดลงของ FHR นานอย่างน้อย 2 นาที แต่ไม่ถึง 10 นาที
Non-Stress Test (NST)
การแปลผล
Reactive
• มี acceleration (การเพิ่มขึ้นของอัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 15 ครั้ง/นาที และคงอยู่นานอย่างน้อย 15 วินาที เมื่อทารกเคลื่อนไหว โดยบันทึกการตอบสนองดังกล่าวได้อย่างน้อย 2 ครั้งภายใน 20 นาที)
• มี baseline FHS ระหว่าง 120-160 ครั้ง/นาที
• มี long term variability ที่ปกติ (6-25 bpm.)
• ไม่มี deceleration ของการเต้นของหัวใจทารก
Non-reactive
ผลที่ได้จากการทดสอบไม่ครบตามข้อกำหนดของ reactive NST ในระยะเวลาของการทดสอบนาน 40 นาที
Suspicious
มีการเพิ่มของอัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 2 ครั้งหรืออัตราการเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 15 ครั้ง/นาที และอยู่สั้นกว่า 15 วินาที เมื่อมีทารกดิ้น แต่กราฟที่ได้ต้องมี long term variability ที่ดี
Uninterpretable
คุณภาพของการทดสอบไม่สามารถแปลผลได้ตามข้อกำหนด ควรทำการทดสอบซ้ำภายใน 24-48 ชั่วโมง
Contraction Stress test (CST)
การทดสอบดูการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจทารก ในครรภ์ขณะที่มดลูกหดรัดตัว
การแปลผล
• Negative : มี UC 3 ครั้งใน10 นาที โดยไม่มี late deceleration
• Positive : พบ late deceleration ทุกครั้งในระยะช่วงท้ายของการหดรัดตัวของมดลูก
• Suspicious : มี late deceleration แต่ไม่เกิดขึ้นทุกครั้งของการหดรัดตัวของมดลูก หรือมีการลดลงของ FHS ในช่วงท้ายของการหดรัดตัวของมดลูกร่วมกับมดลูกหดรัดตัวถี่มากเกินไป
• Unsatisfactory : เส้นกราฟไม่มีคุณภาพเพียงพอ หรือ UC ไม่ดีพอ
นางสาวอุสนา รัญจวนจิตร์ เลขที่ 121 รหัส 602601123