Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 การเตรียมและการช่วยเหลือ มารดา ทารก ที่ได้รับการตรวจด้วยเครื่องม…
บทที่ 3
การเตรียมและการช่วยเหลือ
มารดา ทารก ที่ได้รับการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ
Biophysical assessment
วิธีนับลูกดิ้น
Count to ten
การนับการดิ้นของทารก ครบ 10 ครั้ง ในช่วงเวลา 2 ชั่วโมงต่อวัน
Cardiff count to ten
นับจำนวนเด็กดิ้นจนครบ 10 ครั้ง ในเวลา 4 ชั่วโมง
นิยมนับในช่วงเช้า 8.00-12.00 น.
ให้คำแนะนำ
daily fetal movment record : DFMR = นับลูกดิ้น 3 เวลาหลังมื้ออาหาร ครั้งละ 1 ชั่วโมง
UItrasound
Gestation Sac : GS
ทำเมื่ออายุครรภ์ 5-7 สัปดาห์
ใช้ยืนยันในการหาอายุครรภ์ วัดเส้น่านศูนย์กลางของถุงการตั้งครรภ์ 3 แนว คือ กว้าง ยาว สูง
ขนาดถุงของการตั้งครรภ์
Crow-rump lrght: CRL
ทำเมื่ออายุครรภ์ 7-14 สัปดาห์
หาความยาวของทารก
คลาดเคลื่อน 3-7 วัน
Biparietal diameter : BPD
ส่วนที่ยาวที่สุดของศีรษะทารก
แม่นยำเมื่ออายุครรภ์ 14-16 สัปดาห์
คำนวณอายุครรภ์โดย BPD (cm.)* 4 สัปดาห์
Femur length : FL
ความยาวของกระดูกต้นขา
วัดจากส่วนหัวกระดูก - ปลายแหลมของปลายกระดูก
วัดก่อนอายุครรภ์ 24 สัปดาห์
Head cicumference : HC
Abdominal circumference : Ac
เส้นรอบท้อง
วัดยากไม่ค่อยนิยมเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของหน้าท้อง
Fetal Biophysiacal profile : BPP
วัดการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่าง ๆของทารก
ตัวแปร
การเคลื่อนไหว =ขยับแขน ขา อย่างน้อย 2 ครั้ง
แรงตึงตัวของกล้ามเนื้อ= กางแขนขา เหยียดตัว หดกลับอย่างรวดเร็ว กำและคลายมือ อย่างน้อย 1 ครั้ง
การเต้นของหัวใจทารก = NST ได้ผลปกติ
ปริมาณน้ำคร่ำ = พบโครงน้ำคร่ำ 1 แห่ง เส้นผ่านศูนย์กลาาง 2 cm.
วิธีการตรวจ
ท่านอน Semi - Fowior ตะแคงซ้ายเล็กน้อย
ตรวจวัด 5 ตัวแปร
กำหนดค่าคะแนน ปกติ 2 คะแนน สังเกตนาน 20 วินาที
การแปลผล
8-10 คะแนน = ปกติ
ุ6 คะแนน = มีภาวะเสี่ยงต่อการขาดออกวิเจน
4 คะแนน = มีภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง
0-2 คะแนน = มีภาวะขาดออกซิเจนรุนแรง
Electronic Fetal monitoring
Tachycardia > 160 ครั้ง/นาที
Bradycardia < 110 ครั้ง/ นาที
Baseline fetal heart rate ปกติ 110-160 ครั้ง/นาที
Variablility
Absent = ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
Minimal = มีการเปลี่ยนแปลง 0 -5 ครั้ง/นาที
Moderate = มีการเปลี่ยนแปลง 6-25 ครั้ง/นาที
Marked = มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 25 ครั้ง/นาที
Periodic change
acceration การเพิ่มของ FHR
อายุครรภ์ > 32 สัปดาห์ เพิ่มมากว่า/เท่ากับ 15 bpm
อายุครรภ์ < 32 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 10 bpm
2.deceleration
Early deceleration
late deceleration
varible deceleration
Prolong deceleration
แนวทางการดูแลรักษา
จัดท่ามารดา นอนตะแคงซ้าย
มีภาวะ uterine hyperstimulation หยุดการให้ยา oxytocin
ให้ออกซิเจนทางหน้ากาก 8-10 ลิตร/okmu
ประเมินการเต้นของหัวใจทารกตลอดเวลา
NST : Non-stess Test
ตรวจเมื่อ
ตั้งครรภ์เกินกำหนด
ทารกเติบโตช้าในครรภ์
มารดาเป็นเบาหวาน
มารดามีประวัติความดันโลหิตสูง
มารดาเป็นโรคโลหิตจาง
มารดาอายุมากว่า 35 ปี
ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลง
การแปลผล
มี acceration (FHS > 15 ครั้ง/นาที อยู่นานอย่างน้อย 15 วินาที บันทึกอย่างน้อย 2 ครั้ง ภายใน 20 นาที)
มี baseline FHS = 120-160 bpm
มี long term variability ปกติ 6-25 bpm
ไม่มี deceleration
contraction stress test : CST
ทดสอบดูการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจทารก ในครรภ์ขณะที่มดลูกหดตัว
การแปลผล
negative
positive
Suspicious
unsatisfactory
Biochemical assessment
Amniocentesis
การเจาะน้ำคว่ำ
วิธีการเจาะ
ทำเมื่ออายุครรภ์ 16 -18 สัปดาห์
ใช้เข็มขนาดเล็กเจาะผ่านหน้าท้องและผนังมดลูกเข้าสู่ถุงน้ำคร่ำ ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจตั้งแต่อายุตั้งแต่ 35 ปี
ภาวะแทรกซ้อน
ปวดเกร็งเล็กน้อยบริเวณท้องน้อย
การติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ
กลุ่มเลือด Rh negative มารดาสร้างภูมิต้านทานต่อเม็ดเลือดแดงของทารกในครรภ์ ฉีด Anti-D immunoglobin หลังตรวจ
คำแนะนำหลังการเจาะ
สังเกตและมาพบแพทย์เมื่อมีอาการ
ปวดเกร็งหน้าท้องมาก
ไข้ภายใน 2 สัปดาห์
มีน้ำหรือเลือดออกทางช่องคลอด
พักหลังการเจาะ 1 วัน งดการออกแรงมาก
งดการร่วมเพศอีก 4-5 วัน
ไม่ควรเดินทางไกลภายใน 7 วันหลังการเจาะ
บทบาทพยาบาล
ดูแลให้ปัสสาวะเพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
ดูแลจัดท่า วัด BP และฟังFHS
เตรียมอุปกรณ์ให้สะอาดปราศจากเชื้อ
ภายหลังการเจาะให้นอนหงาย กดแผลหลังจากเอาเข็มออก ประมาณ 1 นาทีและปิดด้วยพลาสเตอร์
ฟัง FHS ทุก 15 นาที จนครบ 1 ชั่วโมง
วัด v/s 2 ครั้ง ห่างกัน 15 นาที
Amniotic fluid analysis
การดูสีของน้ำคร่ำ
Amniotic fluid clear
Thin meconium
Thik mecronium
L/S ratio
( Lecithin Sphinomyelin)
อายุครรภ์ 30 สัปดาห์ สัดส่วน L/Ssphingomyelin จะคงที่ และ lecithin จะเพิ่มขึ้น
ค่าปกติของL/S ratio
26 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ค่า S>L
อายุครรภ์ 26-34สัปดาห์ ค่า L/S ratio =1:1
อายุครรภ์ 34-36 สัปดาห์ ค่า L/S = 2:1
L/S ratio >2 แสดงว่าปอดทารกสมบูรณ์เต็มที่โอกาสเกิด RDS ต่ำ
เพื่อดู Lung marturity เนื่องจาก lecithin ทำหน้าที่เป็นSurfactant คลุมบริเวณ alveoli ส่วน sphingomyelin เป็นไขมันในน้ำคร่ำ
Shake test
ทดสอบความสมบูรณ์ของปอด ใช้หลักการคงสภาพของฟองอากาศ
การแปลผล
ถ้ามีฟองอากาศ 3 หลอด = ปอดทารกเจริญเต็มที่
2 หลอด = ได้ผล intermediate ปอดทารกยังไม่เจริญเต็มที่
ถ้าผลลบ ควรหาค่า L/S ratio ต่อไป
Fetoscopy
การส่องกล้องดูทารกในครรภ์
laparo amnioscope สอดเข้าไปในถุงน้ำคร่ำโดยผ่านผนังหน้ท้อง
ขั้นตอนการทำ
งดน้ำงดอาหารก่อนทำ 6-8 ชั่วโมง
ตรวจ FHS ก่อนและหลังทำ
ใช้ ultrasound เป็นตัวช่วยในการทำ
ตรวจสอบริมาณน้ำคร่ำหลังทำ
หลังทำงดการทำงานหนัก 1 -2 สัปดาห์
Alpha fetorotein (AFP)
เป็นการตรวจเลือดมารดา ดูค่าโปรตีนที่สร้างจากรก ตรวจสอบความผิดปกติของรกและเนื้อเยื่อที่เกี่ยวข้องกับรก
ตรวจเมื่ออายุครรภ์ 16-18 สัปดาห์
ค่าปกติ AFP= 2.0-2.5 MOM
ค่า AFP สูงขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่ 15 ทารกมีความผิดปกติ
Spinabifida
nephosis
Turner's syndrome
ทารกตายในครรภ์
ค่า AFP ต่ำ สัมพันธ์กับ Down's syndrome
Chorionic villous sampling: CVS
การดููดเอาตัวอย่างของรกเด็กมาตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซม
ทำช่วง 10-13 สัปดาห์ ไม่ควรทำก่อนอายุครรภ์ 10 สัปดาห์ เพราะเกิดความพิการแบบ limb reduction defect
cordocentesis
การเจาะดูดเลือดจากหลอดเลือดสายสะดือ จากหลอดเลือดดำ
ทำอายุครรภ์ 18 สัปดาห์