Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การทำสูติศาสตร์หัตถการ - Coggle Diagram

- - - - ภาวะติดเชื้อในน้ำคร่ำ
      - ภาวะน้ำคร่ำน้อย
      - ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์
      - ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด
      - ภาวะครรภ์เกินกำหนด
      - ภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรมของมารดา
      - ภาวะความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะ
        ภาวะครรภ์เป็นพิษชนิดรุนแรง หรือภาวะชัก
    - - ทารกพิการไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เช่น ทารกไม่มีสมอง ทารกหัวบาตร
      - ทารกมีหมู่เลือด Rh ไม่เข้ากับมารดา
      - ทารกตายในครรภ์
- - - - ให้ความรู้แก่ผู้คลอดเกี่ยวกับวิธีการช่วยคลอดท่าก้นและการปฏิบัติตน
      - ดูแลความสุขสบายทั่วไป
      - ถ้าพบถุงน้ำทูนหัวแตกให้ฟังอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ทันทีและตรวจภายใน
      - ฟังอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์
      - ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกเป็นระยะๆ
      - แนะนำผู้คลอดให้สังเกตการดิ้นของทารกในครรภ์
      - ตรวจภายในเพื่อประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
      - แนะนำให้นอนพักบนเตียง
    - - ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ฟังเสียงหัวใจทารก
      - สอนการเบ่งที่ถูกวิธี
      - ดูแลให้ได้รับสารน้ำทดแทนทางหลอดเลือดดำ
      - เตรียมการคลอดรวมทั้งคีม Piper และอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพทารกตามสถานการณ์
      - ช่วยเหลือแพทย์ในการคลอดทารก เช่น ใช้มือกดบริเวณยอดมดลูก
      - แนะนำให้ผู้คลอดสังเกตอาการผิดปกติ
    - - วัดสัญชีพทุก 2-4 hr เพื่อประเมินการตกเลือดหลังคลอด
      - สังเกตเลือดที่ออกทางช่องคลอด
      - สังเกตการหดรัดตัวของมดลูกเป็นระยะๆ
      - สังเกตอาการและอาการแสดงของการตกเลือดหลังคลอด
      - ดูแลมารดาให้ได้รับเครื่องดื่ม หรืออาหารอ่อนในระยะ 2 hr แรก
        หลังคลอด
      - ดูแลมารดาให้ได้รับการพักผ่อนเพียงพอในระยะ 2 hr แรกหลังคลอด
      - แนะนำเทคนิคการหายใจและการเบี่ยงเบนความสนใจ
        เพื่อลดความเจ็บปวดมดลูก และปวดแผลฝีเย็บ
      - ให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวหลังคลอดและการเลี้ยงดูทารก
- - - - การคลอดระยะที่ 2 ยาวนาน
      - มารดามีโรคร่วมที่ไม่ควรออกแรงเบ่งคลอดมาก หรือมีภาวะแทรกซ้อน
        เช่น myasthenia gravies รกลอกตัวก่อนกำหนด ความดันโลหิตสูง
        โรคปอดและโรคหัวใจ
    - - การหมุนของศีรษะผิดปกติ เช่น occiput posterior และ
        occiput transverse
      - ทารกอยู่ในภาวะ fetal distress ที่ไม่รุนแรง
  - - - พยาบาลควรอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา
      - ฟังเสียงหัวใจทารกทุกครั้งที่มดลูกคลายตัว
      - เมื่อแพทย์ใส่ถ้วยสุญญากาศในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว
        พยาบาลจะช่วยต่อสายยางกับขวดสุญญากาศ และช่วยจับเวลา
      - ตรวจสอบการหดรัดตัวของมดลูกเป็นระยะ
      - หลังศีรทารกเกิดพยาบาลต้องดึงสายยางออกจากขวดสุญญากาศ
        และปิดเครื่อง
      - เตรียมคีม เพื่อช่วยคลอดในกรณีที่การช่วยคลอดด้วยเครื่องสุญญากาศ
        ไม่สำเร็จ
      - ตามกุมารแพทย์ไว้คอยช่วยเหลือทารกแรกเกิด
    - - ประเมินภาวะตกเลือดหลังคลอด
      - สังเกตการหดรัดตัวของมดลูก
      - วัดสัญญชีพ
      - ดูแลกระเพาะปัสสาวะให้ว่าง
      - ประเมินการติดเชื้อ
      - ดูแลความสุขสบายทั่วไปของมารดาภายใน 24 hr แรกหลังคลอด
      - ตรวจดูแผลฝีเย็บ
      - ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาและบุตรให้เร็วที่สุด
- - - - วัดสัญญาณชีพมารดา
      - สังเกตและบันทึกจำนวนเลือดที่ออำจากช่องคลอดและแผลทางหน้าท้อง
      - ในรายที่ได้รับยาชาเข้าทางไขสันหลัง
        ชนิด epidural anesthesia ให้นอนราบ 6-8 hr
        ชนิด spinal anesthesia ให้นอนราย 12 hr
      - ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ
      - ในรายที่ได้รับยาสลบ ให้นอนหงายราบ ตะแคงหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง
    - - ดูแลให้ได้รับสารน้ำและยาก่อนผ่าตัด
      - Retained Foley’s cath
      - สวนอุจจาระเพื่อให้ลำไส้ว่าง
      - NPO อย่างน้อย 6-8 hr ก่อนผ่าตัด
- - - - การพยาบาล
        
        นอนพักผ่อนอย่างน้อย 30 นาทีหลังให้ยา
        
        ตรวยติดตามประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
        
        การหดรัดตัวของมดลูกเป็นเวลา 2 ชั่วโมง
        
        หลังให้ยา 6 ชั่วโมงตรวจภายในอีกครั้ง
        
        หากปากมดลูกยังไม่พร้อมสามารถให้ยาซ้ำ
      - ภาวะแทรกซ้อน
        
        มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศรีษะ ปวดศีรษะ ถ่ายเหลว มดลูกหดรัดตัวรุนแรงจนอาจเกิดมดลูกแตก และทารกขาดออกซิเจน
    - - Cytotec
        
        ออกฤทธิ์ทำให้มดลูกหดรัดตัว
        
        ราคาถูก เก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องได้
      - การพยาบาล
        
        หลังเหน็บยา จัดให้ผู้คลอดนอนราบ 30 นาที - 1 ชั่วโมง
        
        นำเจลมาไว้ที่อุณหภูมิห้องปกติก่อนใช้ยาประมาณ 30 นาที
        
        ตรวจการหดรัดตัวของมดลูก และฟังอัตราการเต้นของหัวใจทารก
        
        ถ้ามดลหดรัดตัวรุนแรงให้เอายาออก (กรณี PV พบเม็ดยา)
        
        ประเมินสภาวะผู้คลอด ประวัติโรคหอบหืด ต้อหิน ตับ หัวใจ
        ห้ามใช้ prostaglandin E2
  - - - ก่อนให้ยา
        
        ตรวจภายในเพื่อประเมินความก้าวหน้าของการคลอดเป็นระยะ
        
        ประเมินอาการและอาการแสดงที่ต้องรายงานแพทย์ ได้แก่ มดลูกหดรัดตัวรุนแรง มดลูกแตก ภาวะน้ำเกิน
        
        ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและอัตราการเต้นของหัวใจทารก
        ทุก 30 นาที
        
        บันทึกเกี่ยวกับจำนวนของยาที่ให้ เวลาที่เริ่ม เวลาที่เพิ่มขนาดของยา และเวลาที่หยุดให้ยา ปฏิกิริยาตอบสนองของมารดาและทารกในครรภ์
      - หลังให้ยา
        
        ให้ออกซิเจนปริมาณ 5 ลิตร/นาที
        
        รายงานแพทย์
        
        นอนตะแคงซ้าย
        
        ตัวยาออกฤทธิ์สั้นประมาณ 5 นาที
        ภาวะนี้จะหายไปเองภายหลังหยุดให้ยา
        
        พิจารณาให้ยาบรรเทาอาการเจ็บครรภ์
        
        ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและตรวจติดตามสุขภาพทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด
      - ที่ต้องหยุดให้ยา
        
        มดลูกหดรัดตัวนานเกิน 90 วินาที และระยะห่างในการหดรัดตัว < 2 นาที
        
        เสียงหัวใจทารกในครรภ์ < 100 ครั้ง/นาที หรือ > 160 ครั้ง/นาที
    - - ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน
      - รกลอกตัวก่อนกำหนด
      - Amniotic fluid imbalance
      - ปากมดลูกฉีกขาดจากการคลอดเร็วเกินไป
      - มดลูกแตก
      - ตกเลือดหลังคลอด
      - มดลูกหดรัดตัวแบบไม่คลาย