พัฒนาการวิชาชีพการพยาบาล
ต่างประเทศ ♻
การปฏิการพยาบาล ❤
สมัยโบราณก่อนคริสต์ศักราช 🏁
ไม่มีการกล่าวถึงการพยาบาลที่แน่นอน
ภายในครอบครัวผู้หญิงหรือแม่จะมีหน้าที่ดูแลปกป้อง
เด็ก 💥
คนชรา 💥
คนในครอบครัว 💥
เกิดจากสัญชาตญาณของการรักตนเอง 💥
ระยะเริ่มต้นแห่งอารยธรรม 🏁
วิธีการรักษาผู้ป่วย
ผู้ที่มีบทบาทสำคัญด้านการรักษา
ยาที่ใช้รักษา
ความเชื่อทางศาสนา 💥
โชคลาง 💥
พระ 💥
พืชสมุนไพร 💥
เวทมนต์คาถา💥
ยุคเริ่มต้นศาสนาคริสเตียน 🏁
คำสอนของคริสต์ศาสนา
ช่วยให้
ยอมรับคุณค่าของบุคคล 💥
ความเมตตา💥
โอบอ้อมอารี 💥
การพยาบาลอยู่ในมือ
กลุ่มแม่ชี 💥
สตรีใจบุญ 💥
การพยาบาล
ดูแล 💥
ช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยตามบ้าน 💥
ให้การพยาบาลในโบสต์และโรงพยาบาล 💥
ยุคกลางระยะต้น(ค.ศ.500-1000) 🏁
สงครามครูเสด
ใช้ระเบียบวินัยทหาร
มีบุรุษพยาบาล 💥
หลังสงครามครูเสด
เกิดกาฬโรค
ผู้คนอพยพออกนอกเมือง 💥
จ้างคนรับใช้ดูแลผูป่วย💥
งานพยาบาลตกอยู่ในมือของคนรับใช้จนถึงช่วงปลาย
ยุคกลาง💥
ยุคเรเนสซองค์(ค.ศ.1500-1700) 🏁
การเมืองเข้ามาแทรกแซง
บุคคลที่เข้ามาเป็นผู้อำนวยการรพ.ไม่ได้มีจิตเป็นกุศล
แพทย์และนักศึกษาแพทย์ทำหน้าที่การพยาบาลเอง
นักโทษหญิงจากเรือนจำมาช่วยให้การพยาบาล
สถานภาพของของงานบริการทางการพยาบาลตกต่ำลง
มิสฟอเรนท์ ไนติงเกล
จัดการแก้ไขสภาพการณ์ต่างๆ 💥
จัดการหาเครื่องมือเครื่องใช ้ 💥
จัดทำหน้าที่รับผิดชอบ 💥
เข้าทำห้าที่ต่างๆที่หาคนประจำไม่ได ้ 💥
ทำการปฏิรูปรพ.สำเร็จภาพในระยะเวลา8เดือน💥
ทำให้การเสียชีวิตของทหารลดลงเหลือ 2% 💥
จัดทำห้องชำแหละศพ 💥
" The lady with the lamp " 💥
มารดาแห่งวิชาชีพพยาบาลสากล 💥
ยุคแรกในอเมริกา 🏁
พระทำหน้าที่เป็นแพทย์ผู้รักษา 💥
การสวดมนต์อ้อนวอน 💥
โรงพยาบาลมีหลายลักษณะ💥
มีการพัฒนาเป็นลำดับขั้นเหมือนยุโรป 💥
มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงจนทุกคนได้เห็นความสามารถและผลงาน💥
มีการเพิ่มคุณภาพของการให้ความรู้ด้านสุขภาพ 🏁
ปรับปรุงคุณภาพของพยาบาล 🏁
การวิจัยทางการพยาบาล ❤
เริ่มมีตั้งแต่สมัยมิสฟลอเรนท์ไนติงเกล 🏁
ค.ศ.1950 🏁
มีการเปลียนแปลงทศนคติของพยาบาลเกี่ยวกับการทำวิจัย ⭐
มีการยอมรับว่างานวิจัยถือเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง ⭐
เปลี่ยนแปลงการศึกษาพยาบาลจากโรงพยาบาลมาเป็นการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ⭐
เนื้อหาการวิจัยในระยะแรกเน้น 🏁
click to edit
การศึกษาพยาบาล ⭐
การบริหารการพยาบาล ⭐
ความรู้พื้นฐานสำหรับการปฏิบัติพยาบาล ⭐
สร้างหลักและกฎเกณฑ์ในการพยาบาล ⭐
ค้นหาความรู้องค์ความรู้ของวิชาชีพ ⭐
มีการทำวิจัยเป็นกลุ่มระหว่าง 🏁
พยาบาลกับพยาบาล ⭐
พยาบาลกับบุคคลในวิชาชีพสาขาอื่น ⭐
มีการวิจัยเชิงทดลอง 🏁
ทำให้ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ⭐
ในusa 🏁
การศึกษาระดับปริญญาเอกและโทมีการพัฒนาอย่างเต็มที่ ⭐
มีพยาบาลเป็นนักวิจัยมากขึ้น ⭐
จุดประสงค์การวิจัย 🏁
พัฒนาวิชาชีพและการบริการให้มีคุณภาพ ⭐
พัฒนาทฤษฎีการพยาบาล 🏁
การพัฒนาองค์กร ❤
เป็นการสร้างเอกภาพเอกสิทธิของวิชาชีพ 🏁
มุมมองของสังคม ❤
จากการมีส่วนร่วมการดำเนินกิจกรรมขององค์กรวิชาชีพ
นำไปสู่การพัฒนา
วิชาชีพอย่างเป็นรูปธรรม🏴
การสร้างผู้นำวิชาชีพพยาบาล หรือการพัฒนาบุคลากรในวิชาชีพให้มีภาวะผู้นำ 🏁
ภาวะผู้นำ
ประกอบด้วย
click to edit
อิทธิพล (Influence)🏴
ความตั้งใจ (Intention) 🏴
มีการจูงใจผู้ตาม (Follower) 🏴
การมีจุดหมายร่วมกัน (Share Purpose)🏴
การเปลี่ยนแปลง (Change)🏴
การพัฒนาภาวะผู้นำ
กิจกรรมทั้งปวงที่ใช ้
ในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล
นำองค์การในยุคการเปลี่ยนแปลงอย่างมี
ประสิทธิภาพ
เพื่อให้มี
วิสัยทัศน์🏴
ศักยภาพ🏴
ทักษะในการแก้ปัญหา🏴
ภาวะผู้นำด้านวิชาชีพการพยาบาล
ความสามารถของบุคคล
เป็นผู้ที่สร้างสรรค์และพัฒนาวิชาชีพ🏴
แสดงความเป็นวิชาชีพของตนเองให้
เห็นถึงความสามารถทางวิชาชีพการพยาบาล🏴
เพื่อนำองค์กรพยาบาลและพัฒนาวิชาชีพการพยาบาลไปในทางที่ดีขึ้น
ให้เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ 🏁
มองว่าพยาบาลที่เป็นผู้หญิงให้การดูแลได้ดีกว่าบุรุษพยาล 🏁
ในช่วงแรกสังคมมองว่าพยาบาลเป็นอาชีพที่หมือนคนรับใช ้ 🏁
สังคมในช่วงหลัง 🏁
พยาบาลคือผู้ที่มีใจเมตตา ❎
เรียบร้อย ❎
มีความรับผิดชอบ ❎
มีความซื่อสัตย์ ❎
พูดจาไพเราะ ❎
มีท่าทางเป็นมิตรต่อผู้รับบริการ ❎
การศึกษาพยาบาล ❤
ขยายการศึกษาถึงปริญญาเอก 🏁
ซึ่งการเพิ่มจำนวนพยาบาลที่สำเร็จการศึกษาระดับนี้จะ
เป็นก้าวแรกที่สำคัญต่อการพัฒนาวิชาชีพ
สมัยไนติงเกล 🏁
โรงเรียนมิสไนติงเกล
งานบริการ
แตกต่างไปจากการปฏิรูปในแบบทางศาสนาหรือในแบบทาง
การเมืองมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงไปบ้าง
ใช้บุคลิกลักษณะส่วนตัว
เข้มแข็ง🚫
มีวินัย🚫
คล่องแคล่วว่องไว🚫
ไม่ท้อแท้เมื่อมีอุปสรรค🚫
มีความเชื่อมั่นในตนเอง 🚫
มีความรักในเพื่อนมนุษย์🚫
ก่อนสมัยไนติงเกล 🏁
ไม่ได้มีการจัดการศึกษาที่มีการเตรียมตัวเป็นอย่างดีในการพยาบาล
มีแต่แรงจูงใจแต่ไม่มีความรู้พอ
มีเพียง
กฎระเบียบ
จรรยาบรรณ
ผู้ที่จะทำการพยาบาลแค่เป็นผู้มีความปรารถนาที่จะดูแลผู้ป่วย
ก็ถือว่าเพียงพอแล้วไม่ต้องจัดหลักสูตรการศึกษา
การปฏิรูปสังคม
การศึกษาเป็นเรื่องจำกัดในวงบุคคลที่มีฐานะดี
สตรีไม่ได้รับการสนับสนุนในการศึกษา
ทีโอดอร์ฟลีดเนอร์(Theodor Fliedner)
พบปัญหาการขาดทรัพยากร
บาทหลวงเดินทางทั่วยุโรปเพื่อเสาะหาผู้ช่วยทำงาน
จากการเดินทางทำให้เกิดแนวคิดหลักสูตรการศึกษาเพื่อผลิตพยาบาล
ค.ศ.1836 หรือ พ.ศ. 2389
ก่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดพยาบาล
รับผู้เรียนที่เป็นผู้หญิงอายุ 18 ปี
มีความประพฤติดีสุภาพเรียบร้อย
สุขภาพแข็งแรง
ทดลองเรียน3ปี
หลักสูตร
วิชาจริยศาสตร์
ศาสนา
เพื่อทดสอบว่าเป็นพยาบาลได้หรือไม่
ต่อจากนั้นนเรียนต่ออีก3 ปี
ระหว่างเรียนจะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบผู้ป่วย
ระหว่างเรียนต้องมีเวลาทำพิธีทางศาสนา
หมุนเวียนตามแผนกต่างๆ เพื่อที่จะได้มีประสบการณ์