Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พัฒนาการวิชาชีพพยาบาลในต่างประเทศ - Coggle Diagram
พัฒนาการวิชาชีพพยาบาลในต่างประเทศ
ด้านการปฏบัติทางการพยาบาล
การพยาบาลในยุคเรเนสซองค์ (ค.ศ.1500-1700)
เรียกการพยาบาลว่า ยุคมืด เริ่มตั้งแต่ค.ศ.1600 - กลาง1900 เพราะ
คนที่เข้าเป็นผู้อำนวยการไม่ได้มีใจรัก เกิดการฉ้อโกง
การปฏิบัติงานด้านการพยาบาล
เป็นหน้าที่พยาบาล แพทย์ นศ.แพทย์
การพยาบาลเรื่องส่วนตัวผู้ป่วยเป็นงานคนใช้
ถ้าผู้ให้การพยาบาลไม่เพียงพอจะใช้นักโทษญจากเรือนจำ
สถานภาพงานบริการพยาบาลตกต่ำลงเรื่อยๆ
การเมืองเข้ามาแทรกแซงการบริหารโรงพยาบาล
ช่วงนี้มีบันทึกระบุหน้าที่พยาบาลประจำตัวผู้ป่วยคือ
ล้างและขัดถังไว้ใส่เบียร์และล้างจานที่ใช้แล้ว
ทำความสะอาดเตียงทุกเตียง
พยาบาลอาจนำผู้ป่วยที่หัวหน้าเห็นสมควรไปช่วยปฏิบัติงาน
ทำตามแพทย์สั่ง เป็นธุระสิ่งที่ผู้ป่วยอาเจียน
ทำให้ให้มิสฟอเรนท์ ไนติงเกลมาแก้ไขสถาณการณ์
แสดงให้เห็นพยาบาลยุคมืดไม่ต่างจากคนใช้
มิสฟอเรนท์ ไนติงเกล
ปฏิรูปรพ.สำเร็จ ใน 8 เดือน
ทำให้การเสียชีวิตของทหารลดลงเหลือร้อยละ 2
จัดการแก้ไขโดยหาเครื่องมือ เครื่องใช้ จัดทำหน้าที่รับผิดชอบและเข้าทำหน้าที่ต่างๆ
การปฏิบัติการพยาบาลของท่าน
อุทิศทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อการศึกษาในวิชาชีพพยาบาล
กลางคืนท่านใช้ตะเกียงเล็กๆเดินเยี่ยมผู้ป่วย จนได้สมญานามว่า The lady with the Lamp
นับว่าเป็นมารดาแห่งวิชาชีพพยาบาลสากล
ใช้ทุนทรพย์ตนเองจัดทำห้องชำแระศพ
การพยาบาลในยุคกลางระยะต้น (ค.ศ.500-1000)
สงครามครูเสดทำให้เกิดผล
เกิดบุรุษมาทำหน้าที่พยาบาล
การปฏิบัติการพยาบาล ใช้วินัยทหาร
พยาบาลคือผู้ที่ติดตามสามีไปสงคราม
เมื่อสิ้นสุดสงครามครูเสด
จ้างคนรับใช้ให้ดูแลผู้ป่วย
งานพยาบาลอยู่ในมือของคนรับใช้ตั้งแต่ช่วงปลายยุคกลาง
เกิดฟาฬโรคระบาด คนอพยพออกนอกเมือง
การพยาบาลในยุคเริ่มต้นศาสนาคริสเตียน
การพยาบาลยุคนี้อยู่ในมือแม่ชีและสตรีใจบุญ
การปฏิบัติการพยาบาล
ดูแล ช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยตามบ้าน
ต้นกำเนิดพยาบาลอนามัยพวกแรก
ให้การพยาบาลในโบสถ์และโรงพยาบาล
เป็นไปในลักษณะการพยาบาลชุมชน
การพยาบาลในระยะเริ่มต้นแห่งอารยธรรม
การรักษาขึ้นอยู่กับความเชื่อทางศาสนา
ด้านการพยาบาล เฉพาะอินเดียที่บัญญัติของศาสนาฮินดูระบุหน้าที่และคุณสมบัติพยาบาลไว้ชัดเจน
ยาที่ใช้คือ พืชสมุนไพร เวทมนต์คาถา
พระมีบทบาทสำคัญในการักษา
การพยาบาลยุคแรกในสหรัฐอเมริกา
การสวดมนต์อ้อนวอนเป็นหนึ่งในวิธีรักษา
การพยาบาลในอมเริกามีการพัฒนาเป็นลำดับขั้นเหมือนยุโรป
พระทำหน้าที่แพทย์ผู้รักษา
สงครามโลกครั้งที่2 พยาบาลทหารออกทำงานอย่างกล้าหาญ ส่งผลให้มีการพัฒนาจนกระทั่งปัจจุบัน
การพยาบาลในสมัยโบราณก่อนคริสต์ศักราช
ภายในครอบครัวผู้หญิงหรือแม่จะดูแลปกป้องเด็ก คนชรา คนป่วย
การกระทำเกิดจากสัญชาตญาณการรักตัวเองและความเป็นแม่ที่มีมาแต่เกิด
ไม่มีการกล่าวถึงการพยาบาลที่แน่นอน
ด้านการวิจัยทางการพยาบาล
ค.ศ.1960-1969
นักทฤษฎีเริ่มเขียนหนังสือแนวคิดพยาบาลการใช้กระบวนการทางพยาบาลในการปฏบัติการพยาบาล
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยด้านการปฏิบัติการพยาบาล
ส่วนใหญ่เป็นวิจัยนักศึกษาปริญญาโท
เรื่องที่วิจัยส่วนใหญ่
การตอบสนองของผู้ป่วย
การปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในภาวะต่างๆ
การดูแลผู้สูงอายุ
การดูแลแม่และเด็ก
การดูแลผู้ป่วยสาขาอายุรกรรมและศัลยกรรม
มีการพัฒนาศาสตร์ทางการพยาบาลอย่างจริงจัง
ค.ศ.1980-1989
วิจัยทางการพยาบาลก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะ
มีหลักสูตรป.เอกเพิ่มกว่า 40 หลักสูตร
พยาบาลที่จบหลักสูตรป.โทและเอกมากขี้นจึงช่วยให้การวิจัยเพิ่มขึ้น
งานวิจัยส่วนใหญ่
วิจัยทางคลินิก ที่ครอบคลุมปัญหาสุขภาพ
ส่่วนใหญ่เป็นเชิงทดลองหรือกึ่งทดลองทกว่าร้อยละ50
รองลงมา การวิจัยเชิงบรรยาย การหาความสัมพัมธ์ระหว่างตัวแปร
การวิจัยเชิงคุณภาพเริ่มมีบ้าง
ค.ศ.1900-1949
ช่วงปลายของระยะ
เริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับการบริหารและการบริการพยาบาล เช่น คุณภาพของพยาบาล
ต่อมาเริ่มมีงานวิจัยเพิ่มเล็กน้อย
ทางด้านการศึกษาพยาบาล เพราะรูปแบบการศึกษาไม่ชัดเจน
พยาบาลในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำวิจัยค้นคว้าทางการพยาบาล
เป็นวิจัยที่เน้นการศึกษาพยาบาลมากกว่าการปฏิบัติ
เริ่มมีงานวิจัยเล็กน้อย
สมัยมิสฟลอเรนซ์ไนติงเกล
ดังนั้นวิวัฒนาการการพฒนาวิชาชีพจึงช้าและขอบเขตจำกัด
พบว่าแนวคิดการวิจัยไม่ได้รับการสานต่ออย่างต่อเนื่อง
แนวคิดไนติงเกลเน้นการพยาบาลโดยวิธี
สังเกตอย่างมีจุดมุ่งหมาย
ละเอียด รอบคอบ
พร้อมทั้งมีการบันทึกข้อมูลที่สังเกตได้
ใช้การวิจัยเพื่อพิสูจน์ให้เห็นวิธีการลดอัตราการตายของทหารจากการบาดเจ็บในสงคราม
ด้วยการปรับปรุงสุขาภิบาลและสภาพแวดล้อม
เห็นคุณค่าของการสังเกตุ การบันทึก วิเคราะห์ข้อมูลอย่างถูกต้องมีระบบ
เพื่อประโยชน์ในการดูแลส่งเสริมสุขภาพบุคคล
การวิจัยทางการพยาบาลเกิดขึ้นพร้อมการก่อตั้งวิชาชีพพยาบาล
มุมมองของสังคมต่อวิชาชีพพยาบาล
ปี ค.ศ. 1854-1919
มุมมองต่อพยาบาลมีลักษณะเหมือนนางฟ้า (Angel of mercy)
ผู้มีความปราณี มีจริยธรรมมีความมตตากรุณา เสียสละตนเองในการทำงานและอุทิศตน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้จ็บปวยและเป็นผู้ที่มีเกียรติน่าเลื่อมใสศรัทธา
ปี ค.ศ. 1994
ภาพลักษณ์ของพยาบาลในยุคสมัยนี้คือ ภาพผู้อยู่ในกฎระเบียบ
ปี ค.ศ. 1920-1929
เป็นผู้รับใช้งรักภักดีพร้อมที่ะรับใช้แพทย์ซึ่งได้รับอิทธิพลจากยุดฮิพโพเครตีส
โดยแพทย์จะมีบทบาทเป็นผู้รักษาแทผู้ทางศาสนาพยาบาลจึงอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์
พร้อมที่จะรับใช้เจ้านายประกอบด้วยความป็นผู้ที่ชื่อสัตย์
ป็นภาพของสตรีผู้จงรักภักดี (Gir Friday)
ปี ค.ศ. 1983-1989
ประกอบด้วย ภาพพยาบาลที่มีความรู้เฉลียวฉลาดมีการตัดสินใจที่ดี เป็นตัวของตัวเอง มีเหตุผล มีความหนักแน่น กล้ำเเสดงออก
เป็นภาพลักษณ์ที่ทุกคนคาดหวังอยากให้เป็น
เป็นภาพนักวิชาชีพ (Careerist)
ปี ค.ศ. 1930-1945
ประกอบด้วยเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญ ไม่กลัวมีเหตุผล มีความคิดดี มีมนุษยธรรม และมีใจเอื้อฟื้อเผื่อแผ่
ซึ่งกาพหล่านี้ได้รับอิทธิพลมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 พยาบาลต้องให้การดูแลทหาร และผู้ได้รับบาดเจ็บในสงคราม
ภาพวีรสตรี (Heroine)
ปี ค.ศ. 1966-1932
พยาบาลถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่มีลักษณะถาบฉวย ปล่อยตัว เชื่อถือไม่ได้
มีการนำเรื่องของพยาบาลไปสร้างเป็นภาพยนตร์ที่เป็นลักษณะโป๊เปลือย เย็นชา ไม่ใส่ใจดูแลผู้ป่วยและโกรธง่าย
เป็นภาพที่เปรีบพยาบาลเป็นวัตถุทางเพศ (Sex objet)
ปี ค.ศ. 2006 Tzeng (2006)
คือ นางฟ้ผู้เมตตาผู้เพ้อฝัน นักวิชาชีพผู้เชื่อฟัง และผู้อยู่ในกฎระเบียบ
พบว่าภาพลักษณ์ของพยาบาลในทางบวก คือ นางฟ้าผู้เมตตา และนักวิชาชีพ
ศึกษาภาพลักษณ์ของพยาบาลโดยใช้แนวคิดของ Kalisch andKalisch (1987)
ภาพลักษณ์ในทางลบ ได้แก่ผู้อยู่ในกฎระเบียบ
ปี ค.ศ. 1946-1965
เป็นภาพภรรยาหรือมารดา (Wife/ Mother)
ประกอบด้วย ความเป็นมารดา มีความเห็นอกเห็นใจ ไม่กล้ำแสดงออก ทำหน้ที่เป็นภรรยา และคอยเลี้ยงดูบุตร ไม่นิยมออกไปทำงานนอกบ้าน
การพัฒนาองค์กรทางวิชาชีพทางการพยาบาล
เพื่อนำองค์กรพยาบาลและพัฒนาวิชาชีพการพยาบาลไปในทางที่ดีขึ้นให้เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ
Timeline การพัฒนา
ระยะต้นๆมุ่งเน้นความสำเร็จของงานเป็นหลัก
ระยะต่อมา
คำนึงถึงความพึงพอใจ
ความสะดวกสะบายของผู้ปฏิบัติงาน
มนุษย์สัมพันธ์
ปัจจุบัน กำลังพัฒนาการทำงานเป็นทีม
เป็นการสร้างเอกภาพ เอกสิทธิ์ของวิชาชีพ
จากการมีส่วนร่วมการดำเนินกิจกรรมขององค์กรวิชาชีพ
ด้านการศึกษาการพยาบาล
หลักสูตรการศึกษาทางการพยาบาลครั้งแรก
เป็นการเตรียมให้เป็นพยาบาลเวชปฏิบัติ
ผู้ริเริ่ม ทีโอดอร์ ฟลีดเนอร์ (นักบวชนิกายลูเทอร์)
ความเป็นมาในการริเริ่ม
ด้านการปฏิบัติศึกษา
ต้องเป็นนักเรียนทดลอง 3 ปี
และศึกษาต่ออีก 3 ปี
แพทย์ : สอนทฤษฎี , นางฟลีดเนอร์ : สอนภาคปฏิบัติ
มีการศึกษาวิชาวิชาเภสัชศาสตร์ด้วย
นักเรียนพยาบาลต้องผ่านการสอบของมลรัฐในวิชาต่างๆ
ระหว่างเรียน