Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

พัฒนาการทางการพยาบาล - Coggle Diagram

- - - - ยังไม่มีการศึกษา
    - - การรักษาขึ้นอยู่กับความเชื่อทางศาสนา โชคลาง และเวทมนต์ รักษาโดยพระ
    - - ยังไม่มีการวิจัยทางการพยาบาล
    - - คนยังเชื่อว่าการรักษาขึ้นอยู่กับเวทมนต์
    - - ยังไม่มีองค์กรทางการพยาบาล แต่มีการรักษาโดยพระ
  - - - ไม่มีการศึกษาที่แน่ชัด มีเพียงการบอกหรือการฝึกหัด
    - - ให้การพยาบาลโดยแม่ชีหรือสตรีใจบุญ มีทั้งไปดูแลตามบ้าน ในโบสถ์และโรงพยาบาล เป็นต้นกำเนิดของพยาบาลอนามัย
    - - ยังไม่มีการวิจัยทางการพยาบาล
    - - มองว่าสตรีหรือชีเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลรักษา
    - - มีการให้การพยาบาลตามชุมชน บ้าน โบสถ์
  - - - ยังไม่มีการศึกษาที่เป็นแบบแผน
    - - มีสงครามยืดเยื้อทำให้ภรรยาที่ติดตามสามีและบุรุษในสงครามทำหน้าที่การพยาบาล
        แต่เมื่อสิ้นสุดสงครามมีโรคระบาดจึงจ้างคนใช้ให้ดูแลผู้ป่วยตั้งแต่นั้นมางานพยาบาลจึงอยู่ในมือคนใช้
    - - ยังไม่มีวิจัยทางการพยาบาล
    - - หน้าที่การพยาบาลเป็นหน้าที่ของคนใช้
    - - ยังไม่มีองค์กร
  - - - ยังไม่มีการศึกษาในทางการพยาบาล
    - - แม่หรือผู้หญิงภายในบ้านเป็นผู้ดูแลผู้ป่วย เด็ก คนชรา โดยเชื่อว่าทำตามสัญชาติญาณ
    - - ยังไม่มีการวิจัยทางการพยาบาล
    - - มองว่าการพยาบาลเป็นของสตรีภายในบ้าน
    - - ไม่มีองค์กรทางการพยาบาล ดูแลรักษากันภายในบ้าน
  - - - ยังไม่มีการวิจัยทางการพยาบาล
    - - เป็นอาชีพที่ต่ำต้อย
    - - การรักษาเป็นหน้าที่ของแพทย์และการพยาบาลเป็นหน้าที่ของคนใช้เมื่อมีคนดูแลที่ไม่เพียงพอจึงนำนักโทษหญิงมาช่วยด้วย
    - - มีโรงพยาบาลที่บริหารด้วยการฉ้อโกงไม่ได้มีจิตเมตตา
    - - ผู้ที่มีความรู้เริ่ม พยายามที่จะให้พยาบาลได้รับการอบรมตามที่ควร โดยเปิดทางให้มิสเฟอเรนท์ไนติงเกลเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ที่มีการฉ้อโกงทางการบริหารโรงพยาบาล
  - - - มิส เฟอเรนท์ ไนติงเกลใช้เครื่องมือในการรักษาจัดแจงหน้าที่และปฏิรูปโรงพยาบาลด้วยทรัพย์ส่วนตัว
    - - ในยามค่ำคืนท่านจะถือตะเกียงเพื่อไปรักษาและให้กำลังใจทหารที่รับบาดเจ็บจากสงครามการสาธารณะสุขเป็นทีย่อมรับและกำเนิดวิชาชีพพยาบาล
    - - เน้นให้เห็นคุณค่าของการสังเกตและการบันทึกข้อมูลที่ถูกต้องรวมทั้งวิเคราะห์อย่างมีระบบเพื่อประโยชน์ในการดูแลและส่งเสริมสุขภาพ
    - - มีการยอมรับในวิชาชีพนี้มากขึ้นและมีเพียงผู้ที่ฐานะดีจึงจะทำอาชีพนี้ได้
    - - มีการจัดตั้งโรงเรียน และเผยแพร่ความรู้ต่างๆ
  - - - มีการศึกษาที่ก้าวหน้าขึ้นจนกระทั้งปัจจุบัน
    - - พระทำหน้าที่เป็นแพทย์ผู้รักษาการสวดมนต์อ้อนวอนเป็นวิธีรักษาอย่างหนึ่งมีโรงพยาบาลแรกๆที่ตั้งขึ้นไม่ได้เพียงแค่รักษาแต่ยังเป็นที่เลี้ยงคนจน และในสงครามโลกครั้งที่ 2 มีพยาบาลทหารได้ออกปฏิบัติงานอย่างกล้าหาญ ทำให้มีการพัฒนาทางการพยาบาลเพิ่มขึ้น
    - - เป็นหลายช่วง
        
        ค.ศ.1900
        
        มีวิจัยทางการพยาบาลที่น้อย แต่เน้นศึกษามากกว่าปฏิบัติและในช่วงปลายมีการจัดตั้งโรงเรียนที่มีวิจัยเกี่ยวกับการบริหาร
        
        ค.ศ.1950
        
        มีการเสนอให้พัฒนาการศึกษาในระดับปริญญาโทและเอกเพื่อเร่งพัฒนาการวิจัย และมีวิจัยหลายอย่างเกิดขึ้น
        
        ค.ศ.1952
        
        จัดตั้งแผนกวิจัยและสถิติ
        วิจัยระยะนี้เป็นวิจัยด้านการศึกษาพยาบาลเพื่อหาวิธีที่จะให้พยาบาลมีประสิทธิภาพมากที่สุด
        
        ค.ศ.1960
        
        เป็นวิจัยด้านการปฏิบัติงานการพยาบาล
        ส่วนใหญ่เป็นการตอบสนองของผู้ป่วย การดูแลผู้สูงอายุแม่เเละเด็ก
        
        ค.ศ.1970
        
        การวิจัยด้านการปฏิบัติการพยาบาลเจริญอย่างรวดเร็วทฤษฎีการพยาบาลเด่นชัดขึ้น มีผลงานวิจัยเยอะมาก
        
        ค.ศ.1980
        
        การวิจัยเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องมีนักศึกษาปริญญาโทเอกจบเยอะ วิจัยเน้นไปทางคลินิก
    - - พยาบาลมีหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยและผู้ที่มีฐานะจึงจะสามารถเรียนได้
    - - มีพยาบาลเพิ่มขึ้นแต่ยังขาดความรู้ในการปฏิบัติงาน
- - - - ยังไม่มีการศึกษาที่แน่นอนส่วนใหญ่เรียนรู้จากโดยการฝึกปฏิบัติ และการรักษาแพทย์แผนใหม่จากทหาร
    - - มีการรักษาแบบแผนโบราณรวมกับไสยศาสตร์
    - - ยังไม่มีวิจัยทางการพยาบาล
    - - มองว่าการรักษาหรือการพยาบาลเป็นของคณะมิชชันนารี
    - - คณะมิชชันนารีได้ตั้งคลินิกที่บ้านและมีแพทย์แผนใหม่เริ่มกำเนิดขึ้นจากทหารที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ
  - - - 2439 เปิดโรงเรียนผดุงครรภ์โดยสมเด็จพระราชินีหลักสูตร3ปีต่อมาได้ปลี่ยนเป็น3ปีครึ่งและเรียนการผดุงครรภ์และพยาบาล
      - 2457 จัดตั้งโรงเรียนพยาบาลสภากาชาดไทย
      - 2459 ทหารได้ตั้งโรงพยาบาลชายที่อบรมโดยสาภากาชาด
      - 2465 โรงเรียนพยาบาลสภากาดไทยมีหลักสูตรวิชา สูตินารี เด็ก แต่สอนไม่นานก็ยุบ
      - 2467 คณะมิชชันนารีตั้งโรงพยาบาลแม็คคอมิคหลักสูตรเดียวกับสภากาชาดที่จังหวัดเชียงใหม่และโรงพยาบาลศิริราชได้เปิดหลักสูตรพยาบาลชาย
    - - มีการให้พยาบาลแก่เพศเดียวกัน
        แต่หลังๆสาภากาชาดได้ทดลองพยาบาลแก่เพศตรงข้ามและได้รับการยอมรับ
    - - ยังไม่มีการวิจัยทางการพยาบาล
    - - มองว่าเป็นการดูแลรักษา ยังไม่มีป้องกันหรือสร้างเสริม
    - - มีการจัดตั้งสภาอนุโลมแดง
        และราชการพยายามขยายการสาธารณสุขแก่ผู้คน
        ออกกฎหมายประกอบโรคศิลปะ
  - - - ให้คนไทยไปศึกษาในต่างประเทศทั้งระยะสั้นและระยะยาวมีการศึกษา
    - - มีการปฏิบัติที่คล้ายคลึงกับชาวตะวันตกมากขึ้นเพราะมีการส่งบุคคลในประเทศไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศแต่การพยาบาลยังคงเป็นการรักษาไม่ได้ป้องกัน
    - - ยังไม่มีการวิจัยทางการพยาบาล
    - - เป็นอาชีพที่รักษาเพียงอย่างเดียว ยังไม่มีการป้องกัน
    - - มีการจัดตั้งโรงเรียนพยาบาลหลายแห่ง
        และได้จัดตั้งสมาคมพยายบาล
        อีกทั้งยังปรับวิธีการศึกษาให้ใกล้เคียงกับตะวันตก
  - - - หลักสูตรการสอนยังคงเป็นการพยาบาลผดุงครรภ์ขั้นมาตรฐานและการพยาบาลเป็นการพยาบาลทั่วไปไม่สอนเฉพาะสาขา
    - - มีเทคนิค ระบบงาน เครื่องมือ
        สิ่งก่อสร้างที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น
    - - ยังไม่มีวิจัยทางการพยาบาล
    - - ประชาชนเห็นคุณค่าของอาชีพนี้เพิ่มมากขึ้น
    - - รัฐได้ขยายกิจการด้านสาธารณสุขได้แก่ ดูแลเฉพาะโรครักษา ป้องกัน สร้างอนามัย โรงพยาบาลตามชุมชนเป็นสมาชิกองค์กรในด้านสาธารณสุข
        และยังกำเนิดโรงเรียนผู้ช่วยพยาบาลจัดตั้งกองการพยาบาลในกระทรวงสาธารณสุข
  - - - หลักสูตรได้รับการปรับปรุงในเนื้อหาและวิธีการสอนเพื่อให้พยาบาลมีสมรรถภาพเพิ่มขึ้น
    - - การบริการด้านสาธารณสุขขยายออกไปอย่างรวดเร็ว
        โดยให้ผู้ป่วยช่วยตนเองและตระหนักถึงร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย
    - - ยังไม่มีวิจัยทางการพยาบาล
    - - เป็นอาชีพที่ดี คอยช่วยเหลือผู้อื่น
    - - มีอนามัย โรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขในชุมชน
  - - - เพิ่มหลักสูตรการพยาบาลเบื้องต้น
        และให้นักศึกษาพยาบาลออกฝึกหัดในชุมชนและโรงพยาบาลเพื่อให้ทุกคนได้ปฏิบัติงานได้
    - - ได้เพิ่มความสำคัญในการส่งเสริมฟื้นฟูและป้องกัน
        โดยรัฐมีนโยบายให้กระจายไปในทุกพื้นที่โดยเฉพาะที่ชุมชนห่างไกลอบรมประชาชนในท้องถิ่น
        อาสาสมัครและกองทัพจัดหน่วย กอ.รมน.
    - - มีวิจัยทางการพยาบาลเกิดขึ้นเล็กน้อย
    - - เป็นอาชีพที่ดีได้ช่วยเหลือผู้อื่น
        และมีผู้สนใจในการศึกษาในด้านนี้เพิ่มมากขึ้น
    - - มีสถานบริการทั้งรัฐและเอกชนมากมาย
        และมีผู้ที่มีความรู้ด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้นทั้งในเมืองและในชนบทห่างไกลมีการจัดตั้งกองงานวิทยาลัยพยาบาลในกระทรวงสาธารณสุข
- - - - สุโขทัยธรรมาธิราช.(๒๕๕๓).ประเด็นและแนวโน้มทางการบริหารการพยาบาล หน่วยที่ ๑-๔ Issues and trends in nursing management/บัณฑิตศึกษา สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ(สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม 2563)