Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วย 3-4 การประยุกต์ทฤษฎีทางการพยาบาล สำหรับการพยาบาลจิตเวช …
หน่วย 3-4 การประยุกต์ทฤษฎีทางการพยาบาล
สำหรับการพยาบาลจิตเวช
และทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
กระบวนการพยาบาลจิตเวช
การประเมินการพยาบาลจิตเวช
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การใช้เครื่องมือในการประเมิน
การสัมภาษณ์
การตรวจสภาพจิต
แบ่งออกเป็น 6 องค์ประกอบ
1.3. อารมณ์และความรู้สึก
1.4. การรับรู้
1.2. การพูด
1.5. รูปแบบความคิด
1.1. ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมที่แสดงออก
1.6. การรู้คิด
ประเมินครอบคลุม
ความตั้งใจและสมาธิ
ความจำ ความจำในทันทีทันใด ความจำในปัจจุบัน ความจำในอดีต
การรับรู้เวลา สถานที่ บุคคล
ความรู้ทั่วไป
ความคิดแบบรูปธรรมและนามธรรม
การรู้จักตนเองเมื่อเจ็บป่วย
การตัดสินใจ
การสังเกต
การวินิจฉัยการพยาบาลจิตเวช
การวางแผนการพยาบาลจิตเวช
การปฏิบัติการพยาบาลจิตเวชตามแผนการพยาบาลที่วางไว้
การประเมินผลการพยาบาลจิตเวช
การนำทฤษฎีการพยาบาลมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยจิตเวช
ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเรม
มุ่งให้ผู้ป่วยจิตเวชได้เรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง
สามารถปฏิบัติตนได้ตามอัตภาพ
ทฤษฎีการปรับตัวของรอย
มุ่งให้มีการปรับตัวได้อย่างเหมาะสมทั้ง 4 ด้าน
การปรับตัวตามความต้องการด้านสรีระ การออกกำลังกายและการพักผ่อน อาหาร การขับถ่าย น้ำ
การปรับตัวด้านอัตมโนทัศน์ ความสูญเสีย ความรู้สึกผิดบาป รู้สึกด้อยค่าในตนเอง ไม่พึงพอใจในภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
การปรับตัวด้านการแสดงบทบาท ความล้มเหลวในการแสดงบทบาท ความขัดแย้งในการแสดงบทบาท ไม่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงบทบาทใหม่ได้
การปรับตัวด้านความสัมพันธ์พึ่งพาระหว่างกัน ความรู้สึกห่างเหิน ถูกปฏิเสธ
ให้มีการดำเนินชีวิตร่วมกับบุคคลอื่นได้อย่างมีความสุข
ทฤษฎีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของเพบพลาว
เชื่อว่า ความร่วมมือระหว่างผู้ป่วยกับพยาบาลมีความจำเป็นอย่างมากในการปฏิบัติการพยาบาล
ระยะของการพยาบาล หรือการสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
ระยะเริ่มต้น
เป็นระยะที่พยาบาลและผู้ป่วยพบกันในลักษณะของคนแปลกหน้า
บทบาทพยาบาล- ตอบนองความต้องการผู้ป่วย อธิบายบทบาทของทั้งสองฝ่าย ช่วยค้นหาปัญหาและเลือกใช้แหล่งสนับสนุนและบริการต่างๆที่เหมาะสม ลดความวิตกกังวลและความเครียด รับฟังเรื่องราวของผู้ป่วย
เน้นสนใจที่ปัญหา และทำความเข้าใจกับเป้าหมาย
ระยะระบุปัญหา
บทบาทพยาบาล- ให้ผู้ป่วยพูดถึงปัญหาใดปัญหาหนึ่งเป็นเรื่องๆไป ยอมรับผู้ป่วยแบบไม่มีเงื่อนไข ใช้คำพูดให้ผู้ป่วยเกิดการเปลี่ยนแปลง
ระยะแก้ปัญหา
บทบาทพยาบาล-ประเมินผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ทำความเข้าใจ วางแผนแก้ปัญหา จัดการการแก้ปัญหาที่ยังหาทางออกไม่ได้ ลดความวิตกกังวล
ระยะสรุปผล
บทบาทพยาบาล- รักษาสัมพันธภาพตามความจำเป็น ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธภาพกับสมาชิกในครอบครัว บอกแนวทางและวิธีการป้องกันการเจ็บป่วย สอนให้ดูแลตนเองและดำเนินการยุติสัมพันธภาพ
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช
ทฤษฎีชีวภาพ
มีการพบว่าการที่ผู้ป่วยแสดงอารมณ์ ความคิดและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือผิดปกติไปเกิดจากสมองบางส่วนทำงานผิดปกติ หรือระดับของสารสื่อประสาทในสมองไม่สมดุล
เช่น สมองส่วนหน้าถูกกระทบกระเทือนจนทำให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆไม่เหมาะสม
ความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทต่างๆ พบว่า
Norepinephrine และ serotonin มากเกินไป ทำให้มีอาการ mania คลุ้มคลั่ง อาระวาด ก้าวร้าว
ระดับ Dopamin สูงผิดปกติ ผู้ป่วยมีพฤติกรรมก้าวร้าว หลงผิด ประสาทหลอน
epinephrine เพิ่มขึ้น เกิดอาการแพนิค
Norepinephrine และ epinephrine มากไป วิตกกังวล
Cortisol สูง ซึมเศร้า
Norepinephrine และ serotonin น้อยเกินไป มีอารมณ์ซึมเศร้า
ทฤษฎีทางจิตสังคม
ทฤษฎีจิตสังคม
อีริคสันเชื่อว่า บุคลิกภาพเป็นผลมาจากความสำเร็จหรือความล้มเหลวในแก้ไขปัญหา ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน
พัฒนาการแบ่งออกเป็น 8 ขั้นตอน
ขั้นความขยันหมั่นเพียร : ความรู้สึกมีปมด้อย
ขั้นการรู้เอกลักษณ์ของตนเอง : สับสนในบทบาท
ขั้นความคิดริเริ่ม : ความรู้สึกผิด
ขั้นความผูกพันใกล้ชิด: ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว
ขั้นความเป็นตัวของตัวเอง : ความสงสัยไม่แน่นอน
ขั้นการทำประโยชน์ให้สังคม : การคิดถึงแต่ตนเอง
ขั้นความไว้วางใจ : ไม่ไว้วางใจ
ขั้นความมั่นคงทางจิตใจ : ความสิ้นหวัง
ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม
เกิดจากการเรียนรู้ ประสบการณ์
พฤติกรรมที่กระทำด้วยความตั้งใจ มีจุดหมาย
พฤติกรรมที่กระทำเมื่อมีความคับข้องใจ
พฤติกรรมที่กระทำโดยอัตโนมัติ
วิธีการบำบัดตามแนวคิดของ Skinner
ควบคุมได้โดยการให้รางวัลและการลงโทษ
Positive Reinforcement ให้รางวัล
Negaive Reinforcement ให้ในสิ่งที่ไม่พึงประสงค์หรืองดสิ่งที่ต้องการ
การปรุงแต่งพฤติกรรม (Shaping Technique)
ทฤษฎีมนุษยนิยม
ทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์
ความต้องการที่จะรู้และเข้าใจ
ความต้องการประสบความสำเร็จ เน้นศักดิ์ศรีและคุณค่าในตนเอง
ความต้องการเป็นตนเองอย่างแท้จริง
ความต้องการการยอมรับยกย่อง
ความต้องการความรัก และการเป็นเจ้าของ
ความต้องการความปลอดภัย
ความต้องการด้านร่างกาย
ทฤษฎีเกี่ยวกับตนเองของโรเจอร์
เป้าหมาย ตระหนักรู้ในตนเองและพอใจในตนเอง
การรับรู้ตนเอง
ตนเองที่ตนรับรู้
ตนเองในอุดมคติ อยากมีอยากเป็น
ตนเองที่แท้จริง
ทฤษฎีอัตถภาวะนิยม
เป้าหมาย- การช่วยให้ผู้รับบริการมีประสบการณ์รับรู้ถึงความมีอยู่ของตนเอง และศักยภาพของตนที่มีอยู่ มีเสรีภาพในการตัดสินใจด้วยตนเอง รับผิดชอบ เปิดโอกาสให้ตนได้พัฒนา
ทฤษฎีปัญญานิยม
เชื่อว่า ความคิด ความเชื่อมีอิทธิพลต่อความรู้สึก และการกระทำของมนุษย์ มีสองทฤษฎี
ทฤษฎีทางปัญญาของเบค มุ่งตรวจสอบการรับรู้ที่บิดเบือน ที่มุ่งไปสู่อารมณ์ที่ไม่เหมาะสม
ทฤษฎีการบำบัดแบบเน้นเหตุผลอารมณ์และพฤติกรรม ขจัดความเชื่อไม่สมเหตุสมผล
ทฤษฎีการเรียนรู้เชิงปัญญาสังคม
เชื่อว่า พฤติกรรมการเรียนรู้ของมนุษย์นั้นเกิดจากการปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องระหว่างบุคคล และสิ่งแวดล้อม
แบนดูราเชื่อว่า สามารถเรียนรู้พฤติกรรมใหม่ได้โดยสังเกตพฤติกรรมของผู้อื่น(เลียนแบบพฤติกรรม)
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล ของ ซุลลิแวน
เชื่อว่า ตนเองเป็นการการสะสมของประสบการณ์
ไม่ใช่ฉัน(Not me) ตนไม่อยากมีไม่อยากเป็น เกิดจากการได้รับการเลี้ยงดูแบบขู่เข็ญ
ฉันไม่ดี(Bad me) ไม่พึงพอใจในตนเอง ถูกลงโทษ ไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดี
ฉันดี(Good me) พึงพอใจในตนเอง มีความสุข ได้รับการสนับสนุนที่ดี ได้รับการชมเชย
กระบวนการคิด
Syntaxic มีความสามารถทางภาษาเพิ่มขึ้น สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้
Parataxic เริ่มเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆทั้งจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง
Prototaxic รับรู้ไม่เฉพาะ เจาะจง ไม่เข้าใจความหมาย ผ่านไปแล้วผ่านไปเลย
ทฤษฎีจิตวิเคราะห์
ฟรอยด์ เชื่อว่า พฤติกรรมมนุษย์ทุกพฤติกรรมมีความหมาย
การเข้าใจมนุษย์ต้องเข้าใจหลักการ 3 ประการ
ระดับของจิตใจ
ระดับจิตใต้สำนึก
ระดับจิตไร้สำนึก
ระดับจิตสำนึก
โครงสร้างของจิตใจ
Ego มีการใช้เหตุผลเพิ่มขึ้น
Superego การรู้จักผิดชอบชั่วดี
มโนธรรม ความละอายต่อบาป
อุดมคติแห่งตน ความรู้สึกดีงาม
ID ยึดตนเป็นหลัก
พัฒนาการทางบุคลิกภาพ
เกิดที่อวัยวะ 3 แห่ง คือ ปาก อวัยวะขับถ่าย และสืบพันธ์
ระยะพัฒนาการจะเป็นไปตามการเคลื่อนย้ายของ Libido
ฟรอยด์เชื่อว่า เพศเป็นศูนย์กลางของความพอใจของมนุษย์ มนุษย์จะแสวงหาความสำราญทางเพศตั้งแต่เริ่มวัยทารก