Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พัฒนาการทางการพยาบาลต่างประเทศ, อ้างอิง, https://prezi.com/zosqbni8hppj,…
พัฒนาการทางการพยาบาลต่างประเทศ
ด้านการศึกษาพยาบาล
เเบ่งเป็น 2 ยุค
ยุคก่อนไนติงเกล
สมัยโบราณ
สืบทอดมาจากคนในครอบครัว/ชนเผ่า
รักในการบรการทางการพยาบาล เเต่องค์ความรู้ไม่พอ การรักษาจึงเป็นเเบบง่ายๆ
เรียนรู้มาจากสัญชาตญาณความเป็นเเเม่
สังเกตุจากสัญชาตญาณสัตว์ป่า
การปฏิรูปหลักสูตรทางการพยาบาล
โดยทีโอดอร์ ฟลีดเนอร์
ก่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดพยาบาล ในปี ค.ศ.1826-2389
แพทย์เป็นผู้สอน เเละต้องผ่านการสอบของมลรัฐในวิชาต่างๆ
ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบผู้ป่วย โดยหมุนเวียนหน้าที่กัน
เป็นนักเรียนทดลอง 3 ปี เเละศึกษาอีก 3 ปี
ผู้เรียนต้องสวมเครื่องเเบบ เเละได้เบี้ยเลี้ยงเล็กน้อย
สุขภาพเเข็งเเรง ได้รับการรับรองจากแพทย์เเละผู้บริหาร
ในระหว่างเรียนต้องมีเวลาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยเเม่ชีเป็นคนฝึก
รับผู้เรียนเป็นหญิงอายุ 18 ปี ที่มีความประพฤติดี
ยุคสมัยไนติงเกล
โรงเรียนมิสไนติงเกล ริเริ่มจากโบสถ์คริสต์ทางศาสนา
ขยายการศึกษาถึงระดับปริญญาเอก
ด้านการปฏิบัติการพยาบาล
สมัยเริ่มต้นศาสนาคริสเตียน
การพยาบาลเกิดขึ้นในโบสถ์เเละโรงพยาบาล เเละให้ความช่วยเหลือตามบ้านเรือน
ต้นกำเนิดพยาบาลอนามัย เป็นไปในลักษณะของการพยาบาลชุมชน
การพยาบาลเป็นหน้าที่ของชี สตรีใจใจบุญที่อุทิศตนช่วยเหลือผู้ยากไร้
การถ่ายทอดความรู้ เป็นไปในลักษณะของการบอกเเละฝึกปฏิบัติตาม
ยุคกลาง(ค.ศ.500-1000)
การทำหน้าที่ใช้ระเบียบวินัยของทางทหาร
เกิดการระบาดของกาฬโรค มีการจ้างคนรับใช้ให้ดูเเลผู้ป่วยการพยาบาลจึงเป็นหน้าที่ของคนรับใช้ตั้งเเต่ยุคกลางตอนปลาย
เริ่มมีผู้ชายมาทำหน้าที่ทางการพยาบาล เป็นผลมาจากสงครามครูเสด
สมัยเริ่มต้นอารยธรรม
อินเดียได้กำหนดหน้าที่เเละคุณสมบัติของพยาบาลไว้ชัดเจน
วิธีรักษาผู้ป่วยขึ้นอยู่กับความเชื่อทางศาสนา เเละเรื่องของโชคราง
ส่วนใหญ่กล่าวถึงด้านการให้การบริการเท่านั้น ยังไม่มีการกล่าวถึงเรื่องการศึกษา
นักบวชมีบทบาทสำคัญในการักษา โดยจะใช้พืชสมุนไพรเเละคาถาต่างๆ
ยุคเรเนสซองค์(ค.ศ.1500-1700)
มีการสั้งให้นักโทษหญิงจากเรือนจำมาช่วยในการพยาบาลภาพของงานบริการพยาบาลจึงตกต่ำลง เรียกว่ายุคมืดของพยาบาล (ค.ศ.1600-1900)
เริ่มมีการเมืองเข้ามาเเทรกเเซงการบริหารโรงพยาบาล
Miss Florence Nightingale
ปฏิรูปโรงพยาบาลสำเร็จในระยะเวลา 8 เดือน
ลดอัตราการเสียชีวิตของทหารเหลือเพียง 2%
ได้สมญานามว่า "The lady of the lamp"
เเก้ไขสถานการณ์ในยุคมืดให้ดีขึ้น
เป็นมารดาเเห่งพยาบาลสากล
สมัยก่อนคริสต์ศักราช
ผู้หญิงหรือเเม่จะทำหน้าที่ดูเเล เด็ก คนเเก่ เเละคนในครอบครัว
เกิดจากสัญชาตญาติของมนุษย์เเละความเป็นเเม่ในการดูเเลคนในครอบครัว
ยังไม่มีการกล่าวถึงการพยาบาลที่เเน่นอน
ยุคเเรกในสหรัฐอเมริกา
มีลำดับการพัฒนาเช่นเดียวกับยุโรป
การสวดมนต์อ้อนวอน เป็นเเนวทางในการรักษา
นักบวชเป็นผู้รักษาคนไข้
ในสมัยสครามโลกครั้งที่2
พยาบาลทหารออกทำหน้าที่อย่างกล้าหาญ ทำให้มีการพัฒนาการพยาบาลมาจนถึงปัจจุบัน
การวิจัยทางการพยาบาล
ค.ศ.1900
มีการวิจัยเเบบ Case studies
เป็นการวิเคราะห์ประเมินผลเพื่อให้เกิดความเข้าใจในการพยาบาลมากขึ้น
Case studies เป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การวิจัย
ค.ศ.1950-1959
มีการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในการวิจัยทางการพยาบาล
มีการเสนอให้พัฒนาการศึกษาในระดับปริญญาโทเเละเอก
ค.ศ.1960-1969
การวิจัยเรื่องการปฏิบัติการพยาบาล
ระดับนักศึกษาปริญญาโท
เรื่องที่ใช้วิจัย
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในภาวะต่างๆ
การดูเเลผู้สูงอายุเเละเด็ก
การตอบสนองต่อผู้ป่วย
การดูเเลเเม่เเละเด็ก
การดูเเลผู้ป่สยอายุรกรรมเเละศัลยกรรม
ค.ศ.1900-1949
การวิจัยมุ่งเน้นไปที่การศึกษาพยาบาลมากกว่าการปฏิบัติ
ช่วงปลายเริ่มมีการวิจัยเกี่ยวกับการบริหาร
พยาบาลในสหรัฐเป็นผู้นำด้านการวิจัย
ค.ศ.1970-1979
การวิจัยเรื่องการปฏิบัติการพยาบาล
ผลการวจัย 275 เรื่อง 71 เรื่องเป็นการปฏิบัติการพยาบาล
เรื่องเทคนิคการพยาบาล 46%
วิธีการให้การรักษา 25%
การดูเเลสุขภาพจิต 29%
การวิจัยด้านการศึกษา
การเรียนโดยใช้คอมพิวเตอร์
การเรียนการสอนจากประสบการณ์
สมัยหลัง Miss Florence Nightingale
มุ่งเน้นในด้านการบริการเพียงอย่างเดียว
เรียนรู้โดยการถ่ายทอดประสบการณ์เดิมที่สืบทอดกันมา มากกว่าการคิดค้น
เป็นไปอย่างช้าๆ เเละมีขอบเขต
ค.ศ.1952
วิจัยด้านการพยาบาล มีศูนย์การวิจัยทางการพยาบาล
เริ่มนำการวิจัยเข้ามาสอนในระดับปริญญาตรี
ค.ศ.1980-1989
ประเภทงานวิจัย
รองลงมา คือ การวิจัยหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวเเปรเเละการวิจัยเชิงบรรยาย
ส่วนใหญ่เป็นเชิงทดลองหรือกึ่งทดลอง
งานวิจัยส่วนใหญ่เป็นการวิจับทางคลีนิค
สมัย Miss Florence Nightingale
เน้นคุณค่าของการสังเกตเเละการบันทึกข้อมูลที่ถูกต้อง เเละละเอียดรอบคอบ
ใช้การวิจัยพิสูจน์ให้เห็นวิธีลดอัตราการตายของทหารที่บาดเจ็บจากสงคราม
มุมมองของสังคมต่อวิชาชีพพยาบาล
ปี ค.ศ.1946-1965
พยาบาลถูกมองว่า
เป็นภาพของภรรยา/มารดา
ปี ค.ศ.1966-1982
พยาบาลถูกมองว่า
เป็นวัตถุทางเพศ (Sex object)
เป็นผู้หญิงที่มีลักษณะฉาบฉวย
เชื่อถือไม่ได้
ปี ค.ศ.1930-1945
พยาบาลถูกมองว่า
มีเหตุ-ผล มีความคิดดี
มีมนุษยธรรม มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อเเผ่
เป็นผู้ที่มีความกล้าหาญ
ในสงความโลกครั้งที่ 1
พยาบาลต้องดูเเลทหารที่ได้รับบาดเจ็บ
ปี ค.ศ.1983-1989
พยาบาลถูกมองว่า
เป็นนักวิชาชีพ (Careerist)
ปี ค.ศ.1920-1929
พยาบาลถูกมองว่า
เป็นสตรีผู้จงรักภักดี (Girl Friday)
เป็นผู้รับใช้ที่จงรักภักดีของเเพทย์ อิทธิพลมาจากยุคฮิพโพเครตีส
ปี ค.ศ.1994
พยาบาลถูกมองว่า
เป็นผู้ที่อยู่ในกฎระเบียบ
ปี ค.ศ.1854-1919
พยาบาลถูกมองว่า
เป็นนางฟ้า (Angel of mercy)
มีความปราณี จริยธรรม เเละเมตตากรุณา
มีความเสียสละ อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือคนไข้
ปี ค.ศ.2006
พยาบาลถูกมองว่า
ทางบวก
นางฟ้าผู้เมตตา
นักวิชาชีพ
ทางลบ
เป็นผู้ที่อยู่ในกฎระเบียบ
การพัฒนาองค์กรทางวิชาชีพทางการพยาบาล
องค์กรสภาการพยาบาลสากล
ก่อตั้งขึ้นในปี 1899
ได้เเก่
สมาคมพยาบาลเเห่งประเทศอเมริกา (ANA)
สภาการพยาบาลสากล (ICN)
สหพันธ์การพยาบาลเเห่งชาติ (NLN)
ทำหน้าที่
ควบคุมมาตรฐานการรักษาพยาบาล
เผยเเพร่นโยบายด้านสุขภาพ
ส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้าด้านวิชาการเกี่ยวกับการพยาบาล
ประกอบด้วย 130 ประเทศทั่วโลก มีพยาบาลเป็นสมาชิกมากว่า 16 ล้านคน
อ้างอิง
https://prezi.com/zosqbni8hppj
https://portal.nurse.cmu.ac.th
https://www.sutir.sut.ac.th
นายสุวัฒน์ คล้ายเอี่ยม รหัส 622001103