Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลในระยะที่ 2 ของการคลอด - Coggle Diagram
การพยาบาลในระยะที่ 2 ของการคลอด
จากวิดิโอ
ขั้นตอนการทำคลอดจากวิดิโอ
จากคลิปวิดิโอ ผู้ทำคลอดฉีดยาที่ตำแหน่ง Perineum หลังจากนั้นตัดperineumแล้วให้แม่ช่วยเบ่งคลอด เมื่อศีรษะเด็กเริ่มออกมา ผู้ทำคลอดจะหมุนศีรษะเด็ก45องศา จากนั้นเช็ดตาเด็กทั้ง2ข้าง จากหัวตาไปหางตา แล้วsuction ปากและจมูกตามลำดับ แล้วจับศีรษะเด็กค่อยๆดึงตัวเด็กออกมา เอาผ้ารองที่ตัวเด็ก ให้เด็กหันหลังจากแม่ แล้วเช็ดตัวเด็กให้แห้ง จากนั้นผูกเชือกที่สายสะดือชิดperineumของแม่ เพื่อดูการรอกตัวของรก แล้วclamp สายสะดือใกล้ตัวเด็ก ห่างจากตัวเด็ก4-5cm. และclamp ห่างจากตัวมี่clampตัวแรก 4-5 cm.
วัตถประสงค์จากการเรียนรู้วิดิโอ
1.เพื่อเข้าใจวิธีการทำคลอดมากยิ่งขึ้น
2.เพื่อเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ต่างๆในการทำคลอด
3.เพื่อจะได้นำความรู้ไปปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง
ระยะของการคลอด
ระยะที่ 2 ของการคลอด
เป็นระยะที่ปากมดลูกเปิดหมดจนเด็กคลอดออกมา
ระยะที่ 3 ของการคลอด
เป็นระยะที่เริ่มตั้งแต่หลัง
ทารกคลอดออกมาหมดทั้งตัว จนกระทั่งรกและเยื่อหุ้มทารกคลอดออกมาครบ
ระยะที่ 1 ของการคลอด
เป็นระยะจากแม่เจ็บครรภ์จริงจนถึงปากมดลูกเปิด10cm.
ระยะที่ 4 ของการคลอด
เป็นระยะที่รกคลอดจนถึง2ชั่วโมงหลังคลอด
ขั้นตอนการทำคลอด
ขั้นเตรียม
การเตรียมสถานที่และเครื่องมือ เครื่องใช้ในการทำคลอด
เตียงคลอดต้องสะอาดอยู่เสมอ
อุปกรณ์เซตคลอด
เซตผ้า ประกอบด้วย ผ้าสีเหลี่ยม ถุงเท้า 1 คู่ เสื้อกาวน์ ผ้าเช็ดมือ ถุงมือ ผ้าเช็ดตัวทารก ผ้าsterile รองก้น
เซตอุปกรณ์ในการทำคลอดทารก
กรรไกรตัดฝีเย็บ 1 อัน กรรไกรตัดสายสะดือ 1 อัน Artery clamp 2 อัน Tooth forceps 1 อัน ผ้า safe perineum สาลี(ชุบ normal salineใช้เช็ตา 2 ก้อน และชุบ providine solutionใช้ก่อน ตัดสายสะดือ) ถ้วยใส่น้ำยา ลูกสูบยาง 2 อัน ยางรัดสายสะดือ ชามกลม 1 ใบ และชามใส่รก 1 ใบ
เซตอุปกรณ์ในการเย็บแผล
ประกอบด้วย Syringe 5-10 cc 1 อัน เข็มเบอร์ 18 หรือ 20 และ 23 อย่างละ 1 อัน Xylocain1-2% 5-10 cc Needle holder 1 อัน เข็มสำหรับเย็บแผล(cutting ,and non cutting) กรรไกรตดัไหม 1 อัน Toothforceps 1 อัน Catgut No. 2/0 หรือ Atromatic catgut No.2/0 สำลีก้อนใหญ่ หรือ กอซ อุปกรณ์ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
อุปกรณ์ที่ต้องคีบเพิ่ม เซตสครับ น้ำยาสครับ NSS
การเตรียมตัวผู้ทำคลอด
เปลี่ยนเสื้อผ้า รองเท้า สำหรับปฏิบัติงานในห้องคลอด สวมหมวก ผูกMask ใส่แว่นตาสำหรับทำคลอด ใส่ผ้ายางกันเปื้อน ใส่รองเท้าบู๊ท ล้างมือแบบ Sterile สวมเสื้อกาวน์ ใส่ถุงมือสั้น-ยาว
การเตรียมผู้คลอด
จัดท่านอนสำหรับคลอดให้เหมาะสม
ทำความสะอาด Scrub perineum
ขั้นทำคลอด
การพิจารณาย้ายผู้คลอดเข้าห้องคลอด
ครรภห์ลัง: ย้ายผู้คลอดตั้งแต่ปากมดลูกเปิด 7-8 cm. และเข้า case ทำคลอดเมื่อปากมดลูกเปิด 10 cm.
รายที่มีประวัติคลอดเร็ว: ย้ายผู้คลอดตั้งแต่ปากมดลูกเปิด 5-6 cm. และเข้า case ทำคลอดเมื่อปากมดลูกเปิด 7-8 cm.
ครรภ์แรก: ย้ายผู้คลอดเมื่อปากมดลูกเปิด 10 cm. อยากเบ่ง เจ็บครรภ์ถี่ หรือฝีเย็บตุง และเข้าcase ทำคลอดเมื่อพบ head seen
การทำคลอดศีรษะทารก
5.ใช้มือซ้ายจับศีรษะเด็กที่อยู่เหนือ Perineumให้เงยขึ้น พร้อมกับมือขวารวบบริเวณ Perineumและดันที่ 2 ข้างของรูทวารหนักให้หน้าผากเงยขึ้น
6.เมื่อหน้าผากคลอดออกมา มือขวาช่วยรูด Perineumผ่านหน้า คางทารกและรวบผ้า safe perineum ทิ้งถังขยะทันที
7.หลังศีรษะคลอดในท่า Extention ทารกจะหมุน occiput ไปทางเดิม ถ้าไม่หมุนผู้ทำคลอดช่วยหมุน
3.เมื่อศีรษะทารกมีcrowning ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ข้างซ้าย ช่วยกดที่ยอดศีรษะ (vertex) เพื่อให้ศีรษะทารกเงยขึ้นอย่างช้าๆ มือขวาถือผ้าsafe perineum(ห่าง fourchette 1 cm.) วางมือทาบบนฝีเย็บ ให้นิ้วหัวแม่มือและอีก 4 นิ้วอยู่คนละด้าน
2.ฉีดยาชาตรง fourchette ฉีดเข้า subcutaneous ระวังต้องไม่ให้มีเลือดออกมา
8.ใช้สำลีแห้งหรือชุบ normal saline2 ก้อนเช็ดตาทารกทั้ง 2 ข้าง
1.ผู้ทำคลอดยืนอยู่ทางด้านขวาของผู้คลอด
9.สอดนิ้วชี้เข้าไปในช่องปาก เพื่อตรวจดู gag reflex และ ปากแหว่งเพดานโหว่ หลังจากนั้นsuction ที่ปากและจมูก
4.เมื่อ Sub occiput มายันใต้ขอบล่างกระดูกหัวเหน่า ใช้มือขวาช่วยดันให้ศีรษะเงยขึ้นช้าๆ จน Biparietal diameter คลอดออกมา ให้หยุดเบ่ง
การทำคลอดไหล่และลำตัวทารก
การทำคลอดไหล่หลังและลำตัวทารก
1.จับศรีษะเหมือนการทำคลอดไหล่หน้าแล้วโน้มศรีษะขึ้นในทิศทาง 45 องศา กับแนวดิ่ง
2.เมื่อเห็นซอกรักแร้ ให้ดึงทารกออกมาในแนวตรงโดยเปลี่ยนมือ ซ้ายที่วางข้างบนศรีษะทารกมารองรับลำตัวแล้วค่อยดึงทารก ออกมา ห้ามสอดนิ้วดึงใต้รักแร้ทารก ระวัง Erb-Duchenne Paralysis
การตรวจสายสะดือพันคอทารก
1.สอดนิ้วเข้าไปคลำรอบคอทารก
2.ถ้าพบสายสะดือพันคอ 1 รอบ ให้สอดนิ้วเข้าไประหว่างสายสะดือและคอทารก แล้วรูดให้ผ่านท้ายทอยมาด้านหน้าทารก
ถ้าพันคอ 2 – 3 รอบให้ใช้ Artery clamp 2 ตัวหนีบแล้วตัด
การทำคลอดไหล่หน้า
2.ค่อยๆโน้มศรีษะทารกลงมา ข้างล่างตามแนวช่องเชิงกราน ส่วนบนเมื่อเห็นซอกรักแร้จึงหยุด
3.ห้ามดึงรั้งใต้คางทารก ระวังการ เกิดภาวะคอเอียง
1.ใช้มือจับศีรษะทารกให้อยู่ระหว่างอุ้งมือทั้ง 2 ข้าง
การผูกและตัดสายสะดือ
4.วางcord พาดบนนิ้วกลางและนิ้วนางของมือซ้าย นิ้วชี้และนิ้วก้อยวางทับที่ cord สอดสำลีที่ชุบน้ำยาฆ่าเชื้อรองใต้ ตำแหน่งที่จะตัด
5.ตัด cord โดยหันปลายกรรไกรเข้าหาอุ้งมือผู้ทำคลอด และกำมือขณะตัด วาง cord ที่ตัดแล้วบนผ้าคลุมหน้าท้องหรือ ชามกาละมังที่รองรับรก
3.ทำความสะอาดบริเวณที่จะตัดด้วยน้ำายาฆ่าเชื้อ
6.ใช้ Tooth forceps หรือเส้นเชือกรูด cord ring จาก Artery clamp รัด cord และบีบ cord อีกครั้งว่ามีเลือดซึมออกมา หรือไม่
2.ใช้ Artery clamp ตัวแรกที่ใส่ cord ring หนีบ cord ห่างจาก ตัวทารก 2-3 cms. จากนั้นรีดเลือดที่ cord ก่อนใช้ Artery clamp ตัวที่ 2 หนีบห่างกัน 2-3 cms.
7.เช็ดคราบเลือดจากตัวทารกโดยใช้ผ้าแห้งสะอาด
1.ผูกเชือกชิด Vulva เพื่อดูการเคลื่อนต่ำของสายสะดือ
8.อุ้มทารกให้มารดาดูเพศ หน้า และ Bonding
การช่วยเหลือทารกภายหลังคลอดทันที
3.ประเมินสภาวะทารกแรกเกิดด้วย APGAR score นาทีที่ 1, 5, 10
4.วางทารกที่ผ้ารองคลอด ตะแคงหันหลังให้ชิดปากช่องคลอด หันศีรษะมา ทางผู้ทำคลอด ให้สายสะดือวางพาดบนลำตัว
2.เมื่อทารกคลอดหมดทั้งตัวให้ดูและขานเวลาเกิด ผู้ช่วยคลอดช่วยเขียนป้ายผูกข้อมือ(ชื่อ-สกุล ผู้คลอด เพศทารก วันที่ เวลาเกิด และน้ำหนัก)
5.ดูดมูกจากปากและจมูก จนกว่าทารกจะหายใจดี
1.การทำคลอดตั้งแต่ศีรษะเกิดจนลำตัวคลอด ควรใช้เวลา 2-3 นาที
6.เช็ดตัวทารกด้วยผ้าขนหนูแห้ง กระตุ้นให้ทารกร้อง
ตัวอย่างข้อวินิจฉัยในการพยาบาล
1.มีโอกาสเกิดการคลอดล่าช้าเนื่องจากผู้คลอดเหนื่อยล้า และเบ่งไม่ถูกวิธี
2.มีโอกาสเกิดการฉีกขาดบริเวณฝีเย็บเนื่องจากผู้คลอดไม่สามารถควบคุมแรงเบ่งได้
3.เสี่ยงต่อการติดเชื้อเนื่องจากมีการแตกของถุงน้ำคร่ำนานหรือการฉีกขาดของฝีเย็บ
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา
การเปลี่ยนแปลงที่ตัวทารก
ถุงน้ำคร่ำทำให้ตัวทารกสัมผัสผนังมดลูกมากขึ้น
การยืดขยายของ plevic floor
อาจทำให้ช่องทางคลอดฉีกขาด/ฝีเย็บและทวารหนักโป่งตึง
แรงผลักดันเด็ก
การหดรัดตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้องและdiaphragm
เกิดจากแรงเบ่งของแม่ ทำให้เกิดการเพิ่มแรงดันภายในโพรงมดลูกกว่าระยะที่1 ถึง3เท่า
Pushing reflex
เกิดจาก มารดาอยากเบ่งเพราะส่วนนำเคลื่อนต่ำลงมากดกับ pelvic floor & rectum ทำให้รู้สึกปวดถ่ายอุจจาระ และทำให้เกิดมดลูกหดรัดตัวแบบ voluntory และแบบ involuntory
การหดตัวของมดลูก ถี่ขึ้น แรงขึ้น
ทำให้เกิด Ferguson's reflex คือ ส่วนนำทารกเคลื่อนที่ต่ำถ่างขยายปากช่องคลอด และทำให้มดลูกหดตัวถี่มากขึ้น
อาการที่แสดงว่าผู้คลอดเข้าสู่ระยะที่2ของการคลอด
1.Probable signs
อยากเบ่ง ทวารหนักตุง ตวจทวารหนักไม่พบขอบcx. ปากช่องคลอดอ้าเล็กน้อย พบ Bloody showมากขึ้น มองเห็นส่วนนำทางช่องคลอด Membrane rupture ฝีเย็บโป่งตึง
2.Positive signs
ตรวจภายในไม่พบขอบของปากมดลูก
การประเมินภาวะสุขภาพ
3.ประสิทธิภาพการเบ่งของผู้คลอด
แม่ต้องเบ่งให้ถูกต้อง เบ่งยาว6-8วินาที
4.ปฏิกิริยาการตอบสนองด้านจิตสังคม
แม่จะไม่สนใจสิ่งแสดล้อม ก้าวร้าว ควรให้แม่จับที่ราวข้างเตียง
2.การประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
การประเมินระยะเวลาของการคลอด
ต้องประเมินตลอดเวลา
การเคลื่อนต่ำของส่วนนำและการหมุนภายในของทารก
ผู้ทำคลอดต้องประเมินตลอดเวลา
การหัดรัดตัวของมดลูก
ผู้ช่วยทำคลอดควรประเมินทุก15นาที สลับกับฟัง fetal heart sound ตอนมดลูกคลายตัว
5.การประเมินสภาวะของทารกในครรภ์
ฟังเสียงหายใจว่ามีความผิดปกติไหม(fetal distress) ถ้าผิดปกติต้องให้ o2
1.การประะมินสภาพทั่วไปของผู้คลอด
ประเมิน vital sign การอ่อนล้า Bladder full เหงื่อออก
6.การประเมินการปรับตัวทารกตามกลไกการคลอด
ผู้ทำคลอดประเมิน
ระยะที่2ของการคลอดประกอบไปด้วย
2.Descent/Active phase
เป็นระยะที่เด็กเคลื่อนต่ำลงมาจนเห็นศีรษะ(head seen) เห็นหัวเด็กคล้ายไข่ไก่4-5 cm.(ใช้เวลา30นาที)
3.Perineal phase
เป็นระยะที่ช่องperinium มีการโปร่งตึง มันวาว รูทวารบาน มดลูกจะขยายตัวเร็วมาก ควรตัดฝีเย็บในระยะนี้
1.Eary/late phase
เป็นระยะที่แม่สงบ ควบคุมตนเองได้ (ใช้เวลา30นาที)
การดูแลมารดา
การประเมินภาวะทารกในครรภ์
การประเมินสภาวะผู้คลอด
สังเกตอาการผิดปกติ งดน้ำงดอาหาร การให้ IV fluid การพักผ่อน/การดูแลความสุขสบายทั่วไป การบรรเทาความเจ็บปวด
การดูแลเกี่ยวกับการดำเนินการคลอด
การสังเกตการหดรัดตัวของมดลูก การสังเกตการเคลื่อนต่ำของส่วนนำ การเจาะถุงน้ำคร่ำ
การเบ่งคลอด
หน้าที่ต่างๆในการทำคลอด
หน้าที่ของผู้ช่วยทำคลอด
1.ช่วยจัดท่าผู้คลอด
7.รายงานหัวหน้าเวรเมื่อมีความผิดปกติ
2.เตรียมและดูแลความครบถ้วนของอุปกรณ์ในการทำคลอด เช่น ถังสำหรับใส่ผ้าเปื้อน โคมไฟตั้ง เทน้ำยา เตรียม Radiantwarmer
6.บันทึกเวลาคลอด ชั่งน้ำหนัก เขียนและผูกป้ายข้อมือ เช็ดตัวทารก
3.ช่วยเชียร์เบ่งคลอด
5.ฟังเสียงหัวใจทารก และประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ทุก 5 นาที พร้อมลงบันทึก
4.ดูแลความสุขสบายทั่วไปของผู้คลอด
10.เช็ดตา ป้ายตาด้วยTerramycin เช็ดสะดือทารก
9.นำทารกไปดูดนมมารดาบนเตียงคลอด
8.วัดความดันโลหิตหลังรกคลอด ถ้า BP ≤130/90 mmHg ฉีด Methergin 0.2 mg ถ้า BP>130/90 mmHg ฉีด Syntocinon 10 ยูนิต
11.ฉีดวิตามินK1, ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี