Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระยะที่ 2 ของการคลอด (second stage of labor), B6129422 นางสาวศศิธร…
ระยะที่ 2 ของการคลอด (second stage of labor)
กลไกการคลอด
Engagement คือ การที่ส่วนนำที่กว้างที่สุด (biparietal diameter) ผ่านเข้าสู่ช่องเชิงกรานโดย sagital suture อยู่ในแนวขวางหรือเฉียง มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ molding และ asynclitism (การตะแคง) ครรภ์แรกเกิด 2-3 สัปดาห์ก่อนคลอด ครรภ์หลัง เกิดเมื่อเข้าสู่ระยะคลอด ตรวจวินิจฉัย engagement โดยใช้ท่า bilateral grip, Pawlik’s grip และการ PV
👉Descent การที่ศีรษะทารกเคลื่อนต่ำลงไปในช่องเชิงกราน จากแรงดันของน้ำคร่ำ การหดรัดตัวของมดลูกและกล้ามเนื้อหน้าท้องและกระบังลม ทำให้ทารกยืดตัวในแนวที่ทำให้เกิด Fetal axis pressure
👉Flexion การก้มของศีรษะทารกจนชิดคางชิดอก ทำให้ส่วนนำเปลี่ยนจาก OF เป็น SOB
❤️Internal rotation คือ การหมุนของศีรษะทารกภายในช่องเชิงกราน เพื่อจะได้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมกับช่องเชิงกรานที่มีช่องเข้าเป็นแนวขวางแต่มีช่องออกเป็นแนวยาว เมื่อเคลื่อนผ่านช่องออกทารกต้องหมุนท้ายทอยไป ด้านหน้า เพื่อให้แนว AP อยู่ในแนวยาว สิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดการหมุนคือแรงต้านจาก Pelvic floor ต่อศีรษะทารกที่เคลื่อนต่ำลงมา
👉Extension หรือ Birth of the fetal part การที่ส่วนนำคลอดผ่านพ้นทางช่องคลอดออกมาภายนอกโดยเงยหน้า ดังนั้นจะใช้ SOB SOF ผ่านออกมาตามลำดับ มีปัจจัยที่ทำให้เกิด คือ ช่องทางคลอดส่วนล่างหักมุมโค้งมาทางด้านหน้า แรงดันจากมดลูกหดรัดตัวและแรงเบ่งของผู้คลอด ทารกมีข้อต่อต่างๆ ทำให้ส่วนของทารกเคลื่อนไปตามทิศทางที่เปลี่ยนไปตามทิศทางที่เปลี่ยนไป
👉Restitution คือ การหมุนกลับของศีรษะทารกภายนอกช่องคลอดเพื่อให้ สัมพันธ์กับส่วนที่อยู่ภายในช่องคลอดให้อยู่ในลักษณะที่เป็นธรรมชาติ
👉External rotation คือ การหมุนของศีรษะทารกภายนอกช่องคลอดเป็นการหมุนตามการหมุนภายในของไหล่ เพื่อให้ศีรษะและไหล่ตั้งฉากกันตามธรรมชาติ
👉Expusion คือ การขับเคลื่อนเอาตัวทารกออกมา
การพยาบาลยึดหลัก 6P
องค์ประกอบของการคลอด 6P
1.แรงผลักดันในการคลอด (Power)
1.1 แรงจากการหดรัดตัวของมดลูก (Uterine contraction or Primary power)
1.2 แรงเบ่ง (Bearing down effort or Secondary power)
2.ช่องทางคลอด (Passages)
2.1 เชิงกราน (Bony passage)
Pelvic inlet
Mid pelvis
Pelvic Outlet
2.2 ช่องทางคลอดที่ยืดขยายได้ (Soft passage)
กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและฝีเย็บ
ช่องคลอด
มดลูกส่วนล่าง
ปากมดลูก
6.สภาวะร่างกายของผู้คลอด (Physical condition)
ภาวะร่างกายที่มีอาการอ่อนเพลียหมดแรงและมีแรงเบ่งน้อย ทำให้การคลอดล่าช้าได้
5.สภาวะจิตใจของผู้คลอด (Psychological condition)
ภาวะจิตใจ มีความวิตกกังวล ความเครียด ความกลัวต่างๆ จะทำให้มดลูกหดรัดตัวผิดปกติ มีแรงเบ่งน้อย เป็นสาเหตุให้เกิดการคลอดยาวนาน
3.สิ่งที่คลอดออกมา (Passengers)
ทารก รก เยื่อหุ้มทารก และน้ำคร่า หากขนาด รูปร่างและลักษณะของทารกไม่เหมาะสมอาจทำให้คลอดยากหรือคลอดติดขัด
4.ท่าของผู้คลอด (Position)
ท่ายืน (standing position)
ท่านั่งยองๆ (Squatting)
ท่ายกศรีษะและลำตัวสูง (Upright Position)
ท่าคุกเข่า (Hand and knees Position)
ท่านอนตะแคง (Side-lying Position)
ระยะของการคลอด (Stage of labour)
ระยะที่ 1 ของการคลอด (First stage of labour)
นับตั้งแต่สตรีตั้งครรภ์เริ่มมีการเจ็บครรภ์จริง (True labour pain) จนถึง มีการเปิดขยายของปากมดลูก จนหมด 10 เซนติเมตร (Fully dilatation of cervix) เรียกได้ว่าระยะนี้เป็นช่วงที่สตรีตั้งครรภ์อยู่ในระหว่างการรอคลอด
ช่วงระยะเฉื่อย (Latent phase) ปากมดลูกเปิด 3 cm.
ช่วงระยะ Active phase ปากมดลูกเปิด 3-7 cm.
Transitional phase ปากมดลูกเปิด 8-10 cm.
ระยะที่ 2 ของการคลอด (Second stage of labour)
เริ่มนับตั้งแต่สตรีตั้งครรภ์มีการเปิดขยายของปากมดลูก 10 เซนติเมตร จนถึงระยะที่ทารกคลอด หรือเรียกได้ว่าสตรีตั้งครรภ์อยู่ในระหว่างการเบ่งคลอด
Eary/late phase
ปากมดลูกเปิดหมด แม่จะสงบ นอนพักช่วงสั้นๆ แม่จะควบคุมตัวเองได้ , ใช้เวลา 10- 30 นาที
Descent / Active phase
ศรีษะเด็กเคลื่อนต่ำลง สามารถเห็นศรีษะและผมเด็ก ในระยะนี้ถึงแม่จะหยุดเบ่งหรือมดลูกคลายจัวหัวน้องจะไม่พล , ใช้เวลา 30 นาที
Perineal phase
perineam โป่งตึงมันวาว รุทวารหนักจะบาน มดลูกหดรัดตัวนาน มีแรงเบ่งทำให้หัวเด็กออกมา ถ้าเป้นครรถ์แรกต้องตัดฝีเย้บ ครรภ์หลังไม่ต้องตัดฝีเย็บใช้วิธีการนวดให้ยืดออกแทน
ระยะที่ 3 ของการคลอด (Third stage of labour)
เริ่มตั้งแต่หลังจากทารกคลอดจนถึงรกคลอด หรือเรียกได้ว่าเป็นระยะเด่นของการทำคลอดรก
ระยะที่ 4 ของการคลอด (Fourth stage of labour)
เป็นชั่วโมงแรกหลังจากที่รกคลอดเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากว่าเป็นระยะที่มีความสำคัญ ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการตกเลือดหลังคลอดมักเกิดขึ้นได้บ่อยในช่วงเวลานี้
การเปลี่ยนแปลงทางสระรวิทยา
การหดรัดตัวของมดลูก ถี่ขึ้น แรงขึ้น ---> ส่วนนำของทารกเคลื่อนตำ่ไปถ่างขยายปากช่องคลอดเกิด Ferguson's reflex ---> มดลูดหดรัดตัวถี่มากขึ้น
Ferguson's reflex = Oxytocin หลั่งเพิ่มากขึ้น ---> มดลูกหดรัดตัวเพิ่มมากขึ้น ---> เพิ่มการบางและการเปิดขยายของปากมดลูก
การหดรัดตัว ของกล้ามเนื้อ หน้าท้องและ Diaphragm คือ แรงเบ่ง ของมารดา (bearing down effort or
pushing) มีความสาคัญในการช่วยขับทารกออกมา ---> เพิ่มแรงดันภายในโพรงมดลูกกว่าระยะที่ 1 ถึง 3 เท่า
Pushing reflex
มารดาอยากเบ่งเพราะส่วนนำเคลื่อนต่ำลงมากดกับ Pelvic floor และ Rectum ทำให้ปวดถ่ายอุจจาระ ---> มดลูกหดรัดตัวเป็น Voluntory ระยะแรก ---> Pelvic floor ถูกยืดมากเป็น Involuntory
การเปลี่ยนแปลงที่ตัวทารก
ถุงน้ำคร่ำแตกทำให้ตัวทารกสัมผัสผนังมดลูกมากขึ้น : ทำให้ทารกก้มมากขึ้น เคลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆตามกลไกการคลอด ,ทารกจะปรับตัวผ่านช่องเชิงกราน ถ้าเชิงกรานแคบจะเกิด CPD คือสัดส่วนของตัวเด็กไม่สัมพันธ์กับช่องเชิงกราน ทำให้ต้องช่วยด้วยสูติศาสตร์หัตถการ
การยืดขยายของพื้นเชิงกราน
ช่องทางคลอดเกิดการฉีกขาด / ฝีเย็บและทวารหนักจะโป่งตึง : มีเลือดออก ศรีษะเด็กจะใช้ SOB หมุนเข้าช่องเชิงกราน
การช่วยเหลือทารกภายหลังคลอดทันที
การทาคลอดตั้ง แต่ศรีษะเกิด จนลาตัวคลอด ควรใช้เวลา 2-3 นาที เมื่อทารกคลอดหมดทั้งตัวให้ดูและขานเวลาเกิดผู้ช่วยคลอดช่วยเขียนป้าย
ผูกข้อมือ(ชื่อ-สกุลผู้คลอดเพศทารกวันที่เวลาเกิด และน้ำหนัก)
ประเมิน สภาวะทารกแรกเกิด ด้วย APGAR score นาทที่ 1, 5, 10
วางทารกที่ผ้ารองคลอด ตะแคงหันหลังให้ชิดปากช่องคลอด หันศรี ษะมา ทางผู้ทาคลอด ให้สายสะดือ วางพาดบนลาตัว(ป้องกันSub - temperature ระมัดระวังทารกเปียกชื้น จากน้ำคร่ำ เลือด)
ดูด มูกจากปากและจมูก จนกว่าทารกจะหายใจดี (กรณีทารกActive ดีให้ผูก เชือกLandmarkชิด Vulvaก่อน)
เช็ดตัวทารกด้วยผ้าขนหนูแห้ง กระตุ้นให้ทารกร้อง
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีโอกาสเกิดการคลอดล่าช้าเนื่องจากผู้คลอดเหนื่อยล้า และเบ่งไม่ถูกวิธี
มีโอกาสเกิดการฉีกขาดบริเวณฝีเย็บ เนื่องจากผู้คลอดไม่สามารถควบคุมแรงเบ่งได้
มีโอกาสเกิดการฉีกขาดแผลฝีเย็บเนื่องจากมีการฉีกขาดต่อของแผลฝีเย็บ
มารดาและทารกมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากเบ่งไม่ถูกวิธี
มีความเจ็บปวดมากเนื่องจากการยือขยายของแผลฝีเย็บ
เสี่ยงต่อการติดเชื้อเนื่องจากมีการแตกของถุงน้ำคร่ำนานหรือการฉีกขาดของแผลฝีเย็บ
ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองลดลงเนื่องจากไม่สามารถคลอดได้เองตามธรรมชาติ
อาการแสดง
Probable signs
รู้สึกอยากเบ่ง
ตรวจทางทวารหนักไม่พบของ Cx.
พบ Bloody show มากขึ้น
Membrane rupture
ฝีเย้บโป่งตึง
ทวารหนักตุง
ปากช่องคลอดอ้าเล็กน้อย
มองเห็นส่วนนำทางช่องคลอด
Positive signs
การตรวจภายในไม่พบขอบของปากมดลูก
การประเมินภาวะสุขภาพ
การประเมินสภาพทั่วไปของผู้คลอด : vital signs , weekness , Bladder full
การประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
การหดรัดตัวของมดลูก ประเมินทุก 15 นาที ประเมินสลับกับการฟังการเต้นของหัวใจของทารก (ฟังตอนมดลูกคลายตัว)
การเคลื่อนต่ำของส่วนนำและการหมุนภายในของทารก
การประเมินระยะเวลาของการคลอด
สภาวะการเบ่งของผู้คลอด การเบ่งที่ดี 6-8 วินาที
ปฏิกิริยาตอบสนองด้านจิตสังคม
การประเมินสภาวะของทารกในครรภ์ ประเมินการเต้นของหัวใจของทารก และบันทึกการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่ทำการประเมิน
การประเมินการปรับตัวทารกตามกลไกการคลอด ประเมินด้วยการ PV
B6129422 นางสาวศศิธร ลาวกับเพ็ชร