Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ขบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศชายและเพศหญิง - Coggle Diagram
ขบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศชายและเพศหญิง
ระบบสืบพันธุ์เพศชาย
โครงสร้างอวัยวะสืบพันธุ์
1.อัณฑะ อยู่ในถุงอัณฑะมีอยู่ 2 ข้าง ซ้ายและขวาผลิตตัวอสุจิและฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเทอโรนมีองค์ประกอบอัณฑะมีดังนี้
• ถุงอัณฑะ ปรับอุณหภูมิให้ต่ำกว่าร่างกายประมาณ 2 องศาเซลเซียส
• หลอดสร้างตัวอสุจิ เป็นท่อขดในอัณฑะ สร้างอสุจิและฮอร์โมนเพศชาย
• หลอดเก็บอสุจิ เป็นแหล่งพักตัวอสุจิให้เจริญเติบโต
• ท่อนำอสุจิ เป็นท่อทางผ่านของตัวอสุจิจากท่อสู่ภายนอก
• ต่อมลูกหมาก สร้างสารเบสอ่อน เพื่อสะเทินกรดที่ออกมาจากปัสสาวะ
• ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ สร้างอาหารให้กับอสุจิ ได้แก่น้ำตาลฟรักโตสและ Glubulin
• ต่อมคาวเปอร์ สร้างเมือกสารหล่อลื่นออกมาในขณะมีความรู้สึกทางเพศ
2.ตัวอสุจิ รูปร่างคล้ายตัวอ่อนกบ แบ่งเป็น 3 ส่วน
• ส่วนหัว บรรจุสารพันธุกรรม มีนิวเคลียส โดยด้านหน้าเป็นส่วนของอะโครโวม มีลักษณะเป็นถุงบรรจุเอนไซม์เพื่อสลายเยื่อหุ้มเซลล์ไข่
• ส่วนกลาง มีลักษณะเป็นแท่ง มีไมโทคอนเดรียผลิตพลังงานไว้สำหรับการเคลื่อนที่ของอสุจิ
• ส่วนหาง มีไมโครทูบูล ทำหน้าที่โบกพัดได้เพื่อว่ายไปหาเซลล์ไข่
3.น้ำอสุจิ ประกอบด้วยตัวอสุจิและน้ำหล่อเลี้ยงต่างๆ เป็นของเหลวลักษณะสีขาวข้นที่หลั่งออกมาขณะที่ผู้ชายถึงจุดสุดยอด ซึ่งอสุจิสามารถอยู่ในโพรงมดลูกได้นาน 2 วัน
4.ลึงค์ เป็นอวัยวะช่วยนำอสุจิเข้าสู่ช่องสืบพันธุ์เพศเมีย มีหน้าที่หลัก คือป้องกันการสูญเสียอสุจิและช่วยให้มีการผสมพันธุ์ของไข่ภายในท่อสืบพันธุ์เพศเมีย
การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ในเพศชาย
• เป็นการสร้างตัวอสุจิ เกิดขึ้นที่หลอดสร้างตัวอสุจิ
• การสร้างเริ่มต้นตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ 2-8 เดือน จากเซลล์ต้นกำเนิดการแบ่งสร้างเซลล์สืบพันธุ์ คือ Primodial Germ Cell ที่มีโครโมโซม 2n ซึ่งเซลล์นี้มีต้นกำเนิดมาจากถุงไข่แดง แต่ได้เคลื่อนย้ายมาที่อัณฑะในภายหลัง
• เมื่ออยู่ในท้องแม่ 2-8 เดือน Primodial Germ Cell (2n) จะแบ่งตัวแบบไมโทซิส 4 ครั้งได้เป็น Spermatogonia (2n)
• Spermatogonia (2n) เป็นระยะพัก พบได้ตลอดชีวิต
• เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น อายุ 13 ปีขึ้นไป ฮอร์โมน FSH จะกระตุ้นให้ Spermatogonia ขยายขนาเป็น Primary Spermatocyte(2n)
• Primary Spermatocyte (2n) แบ่งเซลล์ไมโอซิสครั้งที่ 1 เป็น Secondary Spermatocyte(n)
• Secondary Spermatocyte(n) แบ่งเซลล์ไมโอซิสครั้งที่ 2 ได้เป็น Spermatid (n) จำนวน 4 เซลล์
• Spermatid (n) ผ่านการ Differentiation ได้ตัวอสุจิ คือ Spermatozoa/Sperm (n) จำนวน4 ตัวในที่สุด
ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
โครงสร้างอวัยวะสืบพันธุ์
1.อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกได้แก่ เนินหัวเหน่า เมื่อเข้าสู่สาวจะมีขนงอกขึ้นที่บริเวณนี้ ,แคมใหญ่,แคมเล็ก,คริตอริส ซึ่งมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆมีหลอดเลือดและปลายประสาทรับความรู้สึกจำนวนมาก และ vestibule ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ระหว่างแคมเล็กทั้งสองข้างบริเวณนี้มีรูเปิดของท่อต่างๆ ได้แก่ รูเปิดท่อปัสสาวะ รูเปิดของช่องคลอด (มีเยื่อพรหมจรรย์ปิดอยู่) รูเปิดของ Bartholin gland และรูเปิดของ Paraurethral glan
2.อวัยวะสืบพันธุ์ภายใน
• ช่องคลอด ตั้งอยู่ระหว่างทวารหนักและท่อปัสสาวะ ผนังภายในช่องคลอดมีลักษณะเป็นรอยย่นตามขวาง เรียกว่า rugae ทำให้ผนังช่องคลอดสามารถยืดขยายตัวได้ ในขณะที่มีเอสโตรเจนสูง จะกระตุ้นให้เซลล์เยื่อบุผิวสร้างสารไกลโคเจนออกมา เพื่อให้แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในช่องคลอดทำการสลายให้กลายเป็นกรดแลคติกทำให้ภายในช่องคลอดมีสภาพเป็นกรด
• รังไข่ มีอยู่ 2 ข้าง มีลักษณะเป็นรูปไข่แบน ขนาดประมาณหัวแม่มือ ทำหน้าที่ในการสร้างไข่
• ท่อนำไข่เป็นบริเวณที่เกิดการปฏิสนธิ ลำนำเซลล์ไข่ที่ผสมติดแล้วเดินทางเข้าสู่โพรงมดลูก
• มดลูก เป็นอวัยวะที่มีรูปร่างคล้ายลูกแพร์หรือลูกชมพู่ มีผนังเป็นกล้ามเนื้อเรียบหนา ตั้งแต่อยู่ด้านหลังของกระเพาะปัสสาวะและด้านหน้าของทวารหนัก ตอนล่างจะแคบเข้าหากันเป็นปากมดลูกและติดต่อกับช่องคลอด เมื่อตั้งครรภ์ขนาดของมดลูกจะขยายใหญืหลายเท่าและจะกลับเข้าสู่สภาพเดิมหลังคลอด เมื่อถึงวัยหมดประจำเดือนมดลูกก็จะเหี่ยวเล็กลงตามอิทธิพลของฮอร์โมน- หน้าที่ของมดลูก
1.เป็นที่ฝังตัวของเอ็มบริโอเพื่อเจริญเติบโต
2.แหล่งสำรองอาหาร รอรับการฝังตัวของตัวอ่อน
3.เป็นที่เจริญเติบโตของทารกจนครบกำหนดคลอด
4.เป็นอวัยวะที่ดันให้ทารกคลอดออกมาได้
เนื้อเยื่อมดลูก แบ่งเป็น 3 ชั้นดังนี้
2.เนื้อเยื่อชั้นกลาง มีความหนาและแข็งแรง สามารถขยายตัวได้ระหว่างที่ตั้งครรภ์
3.เนื้อเยื่อชั้นนอก ทำหน้าที่ปกคลุมด้านนอกสุดทุกส่วนยกเว้นปากมดลูกเป็นทางติดต่อกับช่องคลอด
1.เนื้อเยื่อชั้นใน เปลี่ยนแปลงความหนาได้ระยะที่ไข่ถูกผสมแล้ว และไข่ที่ถูกผสมจะเคลื่อนที่มาฝังตัวอยู่ในชั้นนี้
การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของเพศหญิง
• เป็นการสร้างไข่ เกิดขึ้นที่ชั้นนอกของรังไข่
• เริ่มต้นสร้างเมื่ออยู่ในท้องแม่ 2-8 เดือน จากเซลล์ต้นกำเนิด คือ Primodial Germ Cell ที่มีโครโมโซม 2n
• Oogonium (2n) เข้าสู่ Meiosis I ค้างไว้ที่ระยะ Prophase I กลายเป็น Primary Oocyte ที่เมื่อโตขึ้นก็จะฝ่อลงไปเรื่อยๆ
• Primary Oocyte เป็นระยะพักพบได้จนกว่าจะหมดประจำเดือน
• เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น (12ปีขึ้นไป) ฮอร์โมน FSH จะกระตุ้นให้ Primary Oocyte (2m) แบ่งตัวแบบ Meiosis I ให้จบเรียกว่าระยะไข่สุกซึ่งได้เซลล์ขนาดไม่เท่ากันจากการแบ่งไซโทพลาสซึมไม่เท่ากัน ดังนี้
1.เซลล์ขนาดใหญ่ Secondary Oocyte (n)
2.เซลล์ขนาดเล็ก First Polar Body
• จบระยะ Meiosis I และเริ่ม Meiosis II
• ฮอร์โมน LH กระตุ้นให้ไข่ในระยะ Secondary Oocyte ให้ตกจากรังไข่
• ไข่ที่สุก หากได้รับการผสมกับอสุจิ จะเกิดการแบ่งแบบไมโอซิสครั้งที่ 2 (Meiosis II) ต่อจนจบ ดังนี้
1.เซลล์ขนาดใหญ่ Egg/Ovum(n)
2.เซลล์ที่มีขนาดเล็ก Second Polar Body (n)
• First Polar Body เกิด Meiosis II ได้ Second Polar Body (n) 2 เซลล์
• Primodial Germ Cell จะแบ่งตัวแบบไมโทซิสได้ Oogonium (2n)