Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์ - Coggle Diagram
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์
การเจริญของทารกในครรภ์แบ่งเป็น3ระยะคือ
1.ระยะก่อนเกิดตัวอ่อน (Ovum, Zygote , Blastocyst) เริ่มจากการมีเพศสัมพันธุ์-2 สัปดาห์
2ระยะตัวอ่อน (The Embryonic Stage) ต้นสัปดาห์ที่3-สัปดาห์ที่ 8
3.ระยะตัวแก่ (The Fetal Stage) สัปดาห์ที่9– ครบกําหนดคลอด
การแบ่งตัวภายหลังการปฏิสนธิ
วันที่1แบ่งตัวแบบmitosisจาก1เป็น2เซลเรียกClevage stage
วันที่ 4 เจริญเป็น morula ลักษณะคล้ายลูกน้อยหน่า มีจํานวนเซล 12 – 16 เซล แต่ละเซลเรียกว่า Blastomere
วันที่ 5-6 เจริญเป็น Blastocyst ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจาก morula คือ1.zona pellucidaหายไป 2.outer cell mass เจริญเป็น trophoblast 3.inner cell mass เจริญเป็นตัวเด็กภายในช่องว่างระหว่างเซลของ inner cell Mass จะเจริญเป็น blastocoele
วันที่ 7 เกิดการฝังตัวของ Blastocyst ที่บริเวณโพรงมดลูกส่วนบน โดยจะเอาด้านที่มี inner cell mass ที่เรียกว่า embryonic pole แตะลงบนเยื่อบุโพรงมดลูก และแทรกตัวกินทะลุเข้า ไปในระบบไหลเวียนเลือดของแม่บริเวณมดลูก
วันที่ 13 การฝังตัวเสร็จสมบูรณ์ การที่ตัวอ่อนฝังตัวลงในเยื่อบุโพรงมดลูกของแม่ อาจทํา ให้มีเลือดออกมาทางช่องคลอดของแม่ เรียกว่า Implantation bleeding
สัปดาห์ที่ 3 ระยะนี้จะมีการเจริญอย่างชัดเจน 3 อย่าง คือ
1.Trophoblast ซึ่งเจริญไปเป็นรกและ chorion
2.Body stake ซึ่งเจริญไปเป็นสายสะดือ
3.Embryoblast ซึ่งเจริญไปเป็น ทารก น้ําหล่อเด็ก และ amnion
หลังจากมีการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งจะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ1.Deciduavera(perietalis) คือส่วนของเยื่อบุรอบผนังมดลูกยกเว้นบริเวณ chorionic vesicle
2.Decidua basalis (serotina) คือ ส่วนของเยื่อบุข้างใต้ chorionic vesicle และติดกับmyometrium
3.Decidua capsularis(reflexa) คือส่วนของเยื่อบุที่ปกคลุม chorionic vesicle หัน ทางด้านโพรงมดลูก
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์
อายุ1-3 เดือน
แรกจะมีการเจริญของเนื้อเยื่อภายในตัวเด็ก
1.ชั้นนอก (ectoderm) จะเจริญให้ส่วนที่ปกคลุมและสัมผัสสิ่งภายนอกได้แก่ระบบ ประสาท ผิวหนังฯลฯ
2.ชั้นกลาง (mesoderm) จะเจริญไปเป็นโครงกระดูก กล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบขับถ่ายและระบบสืบพันธุ์ )
3.ชั้นใน (endoderm) จะเจริญไปเป็นส่วนที่ดาดภายในอวัยวะต่างๆ เช่น epithelial cells
สัปดาห์ที่ 9–12
อายุครรภ์ 3 เดือน ทารกในครรภ์ (fetus) ยาวประมาณ 7.5 ซม. หนัก 28 กรัม วัดความยาว Crown-rump ได้ 6- 7 ซม. มีเล็บ นิ้วมือ นิ้วเท้า มีเปลือกตา (แต่ยังปิดอยู่) มี หลอดเสียงริมฝีปาก จมูกสูงขึ้น ศีรษะยังคงโตมากประมาณ 1/3 ของความสูงตลอดร่างกาย หน้าผาก สูง อวัยวะเพศชายหรือหญิงเห็นได้ชัด ทารกในครรภ์สามารถแสดงการตอบสนองได้ เช่น รู้จักขยับ ขา เท้า นิ้วหัวแม่มือ และศีรษะ ปากอ้าและหุบ และกลืนเป็น ถ้าแตะที่เปลือกตาจะกลอกตา แตะ ที่ฝ่ามือจะทําท่ากํา แตะที่ริมฝีปากจะดูดปาก แตะที่ผ่าเท้าจะกางนิ้วเท้า
สัปดาห์ที่ 13–16
อายุครรภ์ 4 เดือน ยาวประมาณ 16 ซม หนัก 120 กรัม ความยาว Grown-rump ของเด็กวัดได้ 12 ซม. ร่างกายยาวออกจนทําให้ศีรษะมีสัดส่วนเป็น ¼ ของความสูง ทั้งตัว สายสะดือยาวเท่ากับทารกในครรภ์โดยจะยาวคู่กันต่อไปในขณะที่รกได้พัฒนาเต็มที่แม่รู้สึกได้ว่า ทารกดิ้น
สัปดาห์ที่ 17-20
อายุครรภ์ 5 เดือน ยาวประมาณ 25 ซม. หนัก 340-450 กรัม เริ่มมีขนอ่อน และไข (vernix caseosa) มีผมและคิ้ว เล็บเจริญขึ้น สามารถฟังเสียงหัวใจได้จากการฟังเสียงหัวใจ ทางหน้าท้อง
สัปดาห์ที่ 21-24
อายุครรภ์ 6 เดือน ยาวประมาณ 30 ซม. หนัก 630 กรัม ตาหลับและลืม ได้ ผิวหนังเหี่ยวย่น มีสีชมพูหรือแดง ภายในปอดเริ่มสร้างสาร surfactant ในปอด
สัปดาห์ที่ 25-28
อายุครรภ์ 7 เดือน ยาวประมาณ 35 ซม. หนัก 1,200 กรัม ความยาว Grown-rump ของเด็กวัดได้ 25 ซม. มีพัฒนาการของปอดเพียงพอที่จะมีการแลกเปลี่ยนของก๊าช ถ้า คลอดในระยะนี้และได้รับการดูแลอย่างดีอาจมีชีวิตรอดได้ ร้องเสียงค่อย ตัวผอม การเคลื่อนไหวของ แขน ขา ดี
สัปดาห์ที่ 29-32
อายุครรภ์ 8 เดือน ยาวประมาณ 40 ซม. หนัก 1,700 กรัม ความยาว Grown-rump ของเด็กวัดได้ 28 ซม. มีไขมันมากขึ้นเพื่อช่วยปรับตัวรับอุณหภูมิที่แตกต่างไปภายนอก มดลูก เล็บยาวถึงปลายนิ้ว rooting reflex ดี sucking refles แรง อัณฑะเริ่มลงมาในถุงอัณฑะถ้า คลอดจะสามารถเลี้ยงรอดได้ร้อยละ 40-50
สัปดาห์ที่ 33-36
อายุครรภ์ 9 เดือน ยาวประมาณ 45 ซม. หนัก 2,200–2,500 กรัม
ความยาว Grown-rump ของเด็กวัดได้ 32 ซม. ผิวหนังตึง ขนอ่อนหายไปเกือบหมด เล็บพ้นปลายนิ้ว
สัปดาห์ที่ 37-40
อายุครรภ์ 10 เดือน ยาวประมาณ 50 ซม. หนัก 3,000-3,400 กรัม ความ ยาว Grown-rump ของเด็กวัดได้ 36 ซม. มีความสมบูรณ์ทุกอย่างของเด็กครบกําหนด ผิวหนังเรียบตึง สีชมพู ผมบนศีรษะยาว ลักษณะอวัยวะสืบพันธุ์เจริญสมบูรณ์ หลังคลอด ทารกจะร้องทันที มีการ เคลื่อนไหวของแขน ขา ลืมตา ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะเป็นปกติ ดูดนมได้
การเจริญของทารกในครรภ์และภายหลังคลอด
การเจริญของทารกในครรภ์และภายหลังคลอด
1) Cephalo-caudal directionเจริญจากหัวถึงหาง ศีรษะเจริญได้เร็วกว่าส่วนอื่นเป็น
การเจริญทั้งในหน้าที่และขนาด เช่น ยกศีรษะได้ก่อน แล้วจึงสามารถใช้ตัวก่อนใช้แขนขา
2) Medial- lateral direction เจริญจากส่วนกลางออกไปสู่ด้านข้าง เช่น ลําตัวมีการ เจริญก่อนแขนขาแล้วจึงไปถึงนิ้วมือ นิ้วเท้า
พัฒนาการของระบบต่างๆของทารกในครรภ์
ระบบการไหลเวียนโลหิต
ทารกในครรภ์ประมาณสัปดาห์ที่ 3 เริ่มมีการแลกเปลี่ยน สารอาหารระหว่างเลือดของตัวอ่อน และเลือดของมารดาผ่าน chorionic villi การไหลเวียนโลหิตของ ทารกในครรภ์แตกต่างจากการไหลเวียนของทารกหลังคลอดหลายอย่าง เช่น ระหว่างอยู่ในครรภ์ มารดา ทารกได้รับออกซิเจนจากการเปลี่ยนที่รกไม่ใช่ที่ปอด ส่วนเลือดที่ไหลผ่านปอดเพื่อนําไปเลี้ยง เซลของปอด ไม่ใช่ให้ปอดทําหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซ
ระบบประสาท
ระบบประสาท จะเจริญมากในระยะแรก (สัปดาห์ที่ 3 – 4) ของการตั้งครรภ์ ในขณะที่สตรีก็ยังไม่แน่ใจว่าตนตั้งครรภ์
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ
ประมาณสัปดาห์ที่ 12 มีปัสสาวะเกิดขึ้น ประมาณสัปดาห์ที่ 16 มี การหลั่งของปัสสาวะมาผสมอยู่ในน้ําหล่อเด็ก
ระบบสืบพันธุ์
ประมาณสัปดาห์ที่ 6 มีพัฒนาการของต่อมเพศ อายุครรภ์ 3 เดือน เริ่มแยกเพศได้
ระบบภูมิคุ้มกันโรค
ระบบภูมิคุ้มกันของทารกพัฒนาจนสามารถทํางานได้ตั้งแต่อายุครรภ์
การเจริญเติบโตของรก สายสะดือ เยื่อหุ้มเด็ก และน้ําหล่อเด็ก
1.รก (Placenta)
เป็นอวัยวะที่สร้างขึ้นมาในขณะตั้งครรภ์เมื่อมีการตกไข่ ไข่จะเคลื่อนที่ไปในท่อนําไข่จนมาถึงมดลูก และฝังตัวที่โพรงมดลูก ประมาณวันที่ 6-7 หลังจากตกไข่ จากนั้นเซลล์ เริ่มแบ่งตัวและพัฒนากลายเป็นตัวอ่อนทารกและรก รกประกอบด้วย เนื้อรก สายสะดือ และเยื่อหุ้ม รก โดยรกจะเกาะอยู่ตรงส่วนผนังด้านในของมดลูก แต่อยู่นอกถุงน้ําคร่ําและจะมีสายสะดือเป็นตัว เชื่อมต่อระหว่างรกกับทารก รกต่อกับเส้นเลือดที่สายสะดือของทารก เชื่อมระหว่างรกกับทารก
หน้าที่รก
1.แลกเปลี่ยนสารอาหารจากแม่สู่ลูกในท้อง (nutrition)
2.หายใจ (respiration)
3.ขับถ่ายของเสีย (excretion)
4.สร้างฮอร์โมน (hormone production)
5.ป้องกันอันตราย (protection) ลูกอ่อน
6.เป็นแหล่งเมตาโบไลต์สารบางอย่าง เช่น แอนติบอดี (antibody)
2.สายสะดือ(Umbilical cord)
สายสะดือ เป็นเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อระหว่างรกในผนังมดลูกของมารดากับหน้าท้องของเด็กสายสะดือจะประกอบไปด้วยเส้นเลือด 3 เส้น คือ เส้นเลือดดําเส้นใหญ่จะมีหน้าที่ส่งอาหารและออกซิเจนไปสู่ทารกในครรภ์ ส่วนอีก 2 เส้นจะเป็นเส้นเลือดแดง มีหน้าที่ นําของเสียออกจากร่างกายของทารกมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-2 เซนติเมตร และจะมีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร สายสะดือยังมีสารที่มีลักษณะเป็นเจลลี (Jelly) ที่ช่วยพยุง ปกป้อง และปรับอุณหภูมิของหลอดเลือดในสายสะดือและยังประกอบด้วยเซลล์กล้ามเนื้อเรียบเส้นใยหรือพังผืดที่เคยเป็นท่อที่เชื่อม ต่อระหว่างกระเพาะปัสสาวะทารกกับสะดือทารก (Urachus) ซึ่งท่อนี้จะลีบฝ่อไปเริ่มตั้งแต่เมื่อทารกอายุครรภ์ได้ประมาณ 20 สัปดาห์สายสะดือทั่วไปจะมีความยาวเท่ากับช่วงยาวของลําตัวทารกคือประมาณ 50 เซนติเมตรและมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร
น้ําหล่อเด็ก (Amniotic fluid)
น้ําหล่อเด็กบางครั้งเรียก น้ําทูนหัวทารก เป็นของเหลวที่อยู่ในถุงน้ําคร่ํา/ถุงที่เป็นที่อยู่ของทารกในครรภ์โดยน้ําคร่ําจะอยู่รอบ ๆตัวทารก ขณะอยู่ในครรภ์ในโพรงมดลูกของมารดา ทารกจะ ลอยตัวอยู่ในน้ําคร่ําในถุงน้ําคร่ํา โดยน้ําคร่ํานี้จะทําหน้าที่เป็นเกราะป้องกันการกระทบกระเทือนต่อ ทารกทําให้ทารกเคลื่อนไหวน้ําคร่ํานี้