Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การวินิจฉัยการตั้งครรภ์ - Coggle Diagram
การวินิจฉัยการตั้งครรภ์
อาการและอาการแสดงที่สงสัยว่าอาจตั้งครรภ์ (Presumtive evidences of pregnancy)
การขาดระดู (Amenorrhea)
การเปลี่ยนแปลงของเต้านม (Breast change)
เต้านมมีขนาดโตขึ้น คัดตึงเต้านม บางรายอาจมีน้านมเหลือง (colostum) พบเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 2-3 เดือน
เต้านมเทียม (secondary breast) มักพบบริเวณรักแร้ หรือ บริเวณ nipple line ซึ่งอาจทาให้รู้สึกปวดได้
ลานหัวนม (areola) กว้างและมีสีเข้มขึ้น ตุ่ม montgomery tubercle ขยายขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากต่อมไขมัน (sebaceous gland) ที่กระจายอยู่บริเวณลานหัวนมโตขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของเต้านมดังกล่าว ต้องแยกออกจากภาวะบางอย่าง เช่น สตรีที่มีเนื้องอกของต่อมใต้สมองที่สร้าง prolactin หรือในรายที่กินยากระตุ้นการหลั่ง prolactin นอกจากนี้ยังพบว่าสตรีที่คิดว่าตนเองตั้งครรภ์เนื่องจากอยากมีบุตรมาก (imaginary pregnancy) ก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของเต้านมคล้ายกับสตรีที่ตั้งครรภ์จริง
คลื่นไส้ อาเจียน (Nousea and Vomitting)
อ่อนเพลีย (Fatigue)
เป็นอาการที่พบบ่อยโดยเฉพาะระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์เนื่องจากสตรีตั้งครรภ์มีเมตตาบอลิสมเพิ่มขึ้น
ปัสสาวะบ่อย (Disterbance in urination)
เกิดในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์เนื่องจากมดลูกมีขนาดโตขึ้นและไปกดเบียดกระเพาะปัสสาวะทาให้กระเพาะปัสสาวะมีความจุลดลงจึงรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
สีผิวหนังเปลี่ยนแปลง (Skin change)
เกิดจากมีการสะสมเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น (pigmentation) ซึ่งนอกจากจะพบในสตรีตั้งครรภ์แล้ว
เยื่อบุช่องคลอดเปลี่ยนแปลง (Vaginal mucosa changes)
สีเยื่อบุช่องคลอดจะเปลี่ยนเป็นสีน้าเงินคล้าหรือม่วงแดง (Chadwick’s sign)
รู้สึกเด็กดิ้น (Fetal movement)
เป็นการรับรู้ของมารดาว่าบุตรดิ้น ซึ่งการรู้สึกว่าทารกในครรภ์ดิ้นเป็นครั้งแรกเรียกว่า quickening โดยสตรีครรภ์แรกจะเริ่มรู้สึกเมื่ออายุครรภ์ 18-20 สัปดาห์
อาการหรืออาการแสดงที่บ่งชี้ว่ามีการตั้งครรภ์ (Positive signs of pregnancy)
การเต้นของหัวใจทารก (Fetal heart movement)
การฟังเสียงเต้นของหัวใจผ่านทางหน้าท้องด้วย stethoscope โดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเริ่มได้ยินเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 17 สัปดาห์ และเมื่ออายุครรภ์ 19 สัปดาห์จะสามารถฟังเสียงหัวใจทารกเต้นได้ทุกคน ซึ่งมีอัตราการเต้นระหว่าง 120-160 ครั้งต่อนาที
การใช้ Doppler ultrasound เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงพุ่งเข้าหาหลอดเลือดของทารกที่กาลังมีการไหลเวียนเลือด
การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ (Fetal movement)
เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ใช่เกิดจากการรับรู้ของมารดา แต่ได้จากการตรวจพบของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ โดยใช้มือสัมผัสกับหน้าท้องแล้วคอยรับความรู้สึกเมื่อทารกดิ้น
การตรวจพบทารกโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง
ภาพเงากระดูกทารก
อาการหรืออาการแสดงที่บ่งชี้ว่าน่าจะตั้งครรภ์ (Probable signs of pregnancy)
ขนาดท้องโตขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของมดลูก (Uterine change)
Von Fernwald’s sign
ตาแหน่งยอดมดลูกที่รกเกาะจะนุ่มลง พบเมื่ออายุครรภ์ 4-5 สัปดาห์
Hegar’s sign
ดลูกส่วนล่าง (isthmus) นุ่มมากจนสามารถกดเข้าหากันได้ โดยไม่มีแรงต้านจากการทา bimanual examination พบเมื่ออายุครรภ์ 6-8 สัปดาห์
McDonald’s sign
ตัวมดลูก (body) นุ่มมาก จนสามารถหักพับตัวมดลูกทามุมกับปากมดลูก (cervix) ได้
การเปลี่ยนแปลงที่ปากมดลูก (Cervical change)
เมื่ออายุครรภ์ 8-10 สัปดาห์ ปากมดลูกจะนุ่มคล้ายริมฝีปากแทนที่จะแข็งคล้ายกระดูกอ่อนที่จมูกเหมือนขณะที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เรียกว่า Goodell’s sign
การหดรัดตัวของมดลูก (Contraction)
ระยะท้ายไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ มดลูกจะมีการหดรัดตัวเป็นครั้งคราว ไม่สม่าเสมอ และไม่รู้สึกเจ็บปวด อาจเกิดขึ้นทุก 5-10 หรือ 20 นาที
Ballottement
ประมาณเดือนที่ 4-5 ของการตั้งครรภ์ ภายในโพรงมดลูกจะมีน้าหล่อเด็กค่อนข้างมาก ขณะที่ทารกยังตัวเล็กอยู่ทารกในครรภ์จะเคลื่อนไหวได้สะดวก
คล้าพบขอบเขตรูปร่างทารก (Outlining the fetus)
ในระยะปลายไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป ผู้ตรวจจะคลาขอบเขตรูปร่างของทารกได้ทางหน้าท้อง
การทดสอบทางฮอร์โมนได้ผลบวก(Hormone test of pregnancy)