Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์ แต่ละสัปดาห์ - Coggle Diagram
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์ แต่ละสัปดาห์
การตั้งครรภ์โดยปกติจะมีระยะเวลา 9เดือน หรือ ประมาณ 42สัปดาห์ นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายโดยเฉลี่ยคือ 40 สัปดาห์ ช่วงเวลานี้เป็นระยะที่คุณแม่ตั้งครรภ์และทารกใช้เวลาอยู่ด้วยกันและเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ดังนั้น การเรียนรู้พัฒนาการ ทารก ในครรภ์ จะช่วยให้คุณแม่เข้าใจและสามารถปรับตัว และรวมถึงการปฎิบัติตัวอย่างถูกวิธีของคุณแม่ เพื่อให้เข้ากันได้กับลูกน้อยในครรภ์
เดือนที่ 5 (20สัปดาห์)
ทารกมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว จะมีความยาวเท่ากับครึ่งหนึ่งของน้ำหนักแรกคลอดประมาณ 9นิ้ว เริ่มมีการดิ้นมากขึ้น ไวต่อการสัมผัส เนื่องจากระบบประสาทพัฒนาอย่างสมบูรณ์จนสามารถควบคุบการทำงานของกล้ามเนื้อได้แล้ว ฟันน้ำนมเริ่มก่อตัวขึ้นในเหงือก ตามเนื้อตัวก็มีขนอ่อนๆ ถ้าจะพูดคุยกับลูกหรือร้องเพลงให้ลูกฟังช่วงนี้เหมาะที่สุด เพราะลูกเริ่มได้ยินเสียงจากภายนอกและตอบสนองได้
เดือนที่ 2 (8สัปดาห์)
เป็นเดือนที่สำคัญมากของการตั้งครรภ์ เพราะทารกในครรภ์จะมีพัฒนา การเจริญเติบโตของระบบที่สำคัญในร่างกาย อาทิ ระบบประสาท ระบบหลอดเลือด และในขณะเดียวกัน อวัยวะต่างๆที่สำคัญในร่างกายก็จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ทำให้ระยะนี้คุณแม่ต้องดูแลสุภาพอย่างดี เพราะทารกในครรภ์มีสิทธิ์เสี่ยงต่อการเกิดความพิการได้ ในเดือนที่ 2 นี้ตัวทารกจะมีความยาวประมาณ 1 นิ้วฟุต ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ทารกก็จะมี แขน ขา หน้า รูปร่างเหมือนมนุษย์ขนาดจิ๋ว และคุณแม่เองก็จะเริ่มมีอาการแพ้ท้อง
เดือนที่ 9 (36สัปดาห์)
ทารกจะสลัดขนอ่อนตามร่างกายออกเกือบหมดเหลือไว้แต่บริเวณไหล่ แขน ขา และรอยย่นตามลำตัว ผิวหนังนุ่มและเรียบ ยังคงมีไขสีขาวเคลือบอยู่บ้างบริเวณหลังเพื่อหล่อลื่นให้ทารกคลอดได้ง่าย เล็บมือจะยาว ปลายเล็บอาจข่วนบริเวณใบหน้าได้ ต่อมหมวกไตจะสร้างฮอร์โมนเร่งความสมบูรณ์ของปอด เพื่อเตรียมการหายใจครั้งแรกของชีวิตหลังคลอด ทารกแรกเกิดจะมีน้ำหนักตัว 3-4 กก. และมีความยาวจากศีรษะถึงก้นประมาณ 35-37 ซม. ทารกในครรภ์จะดิ้นน้อยลงบ้างแต่ไม่มากนัก การสังเกตการดิ้นของทารก ถือเป็นการเฝ้าระวังต่อสุขภาพเด็กทารกที่ดีที่ผู้เป็นแม่ควรปฏิบัติ โดยสังเกตดูใน 1 ชั่วโมงหลังอาหาร เด็กทารกในครรภ์ต้องดิ้นไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ถ้าน้อยกว่าให้สังวรว่า อาจจะมีความผิดปกติเกิดแก่ทารก ควรเข้าพบแพทย์โดยเร็ว
เดือนที่ 7 (28สัปดาห์)
เข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ท้องโตมากขึ้น คุณแม่จะรู้สึกได้ดีถึงการเคลื่อนไหวของทารก ระยะครรภ์นี้ทารกจะมีน้ำหนัก 1 กิโลกรัมโดยประมาณ เปลือกตาจะเปิดเป็นครั้งแรก เท่ากับว่าทารกเริ่มลืมตาและมองเห็นได้แล้ว การเต้นของหัวใจเปลี่ยนไปตามเสียงและ แสงไฟ ต่อมรับรสของทารกพัฒนาไปมาก ถึงขนาดสามารถแยกรสหวานกับรสเปรี้ยวได้ คุณแม่จะเริ่มมีอาการมดลูกบีบตัวเป็นระยะห่างๆกันและจะบีบรัดตัวครั้งละไม่นานเกิน 30 วินาที ในระยะนี้คุณแม่ควรจะได้เข้าอบรมเรียนรู้ขั้นตอนการเตรียมคลอด เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง
เดือนที่ 6 (24สัปดาห์)
ร่างกายทารกเริ่มเติบโตช้ากว่าเดิม เพื่อให้อวัยวะภายใน เช่น ปอด ระบบย่อยอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันได้พัฒนาอย่างเต็มที่ สมองพัฒนาจนเริ่มจดจำและเรียรู้สิ่งต่างๆได้ การดิ้นของทารกในช่วงนี้ก็เกิดขึ้นอย่างมีวัตถุประสงค์มากขึ้น ประสาทการได้ยินก็พัฒนามากขึ้นจนจำเสียงพ่อกับแม่ได้ ช่วงนี้ลูกยังเริ่มลืมตาขึ้นมองภาพ ต่างๆในท้องแม่ ถ้าในระยะสัปดาห์นี้ถ้าลูกคลอดตอนนี้ก็อาจมีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดได้ ถ้าได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากจะมีปัญหาเรื่องการหายใจและอุณหภูมิร่างกายต่ำ
เดือนที่ 8 (32สัปดาห์)
ร่างกายของทารกจะมีขนาดเท่ากับเด็กที่ครบกำหนดคลอด นำ้หนักโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 กก. มีการเจริญเติบโตของระบบกล้ามเนื้อมากขึ้น การทำงานของอวัยยวะต่างๆ ประสานงานกันได้ดีขึ้น หรืออาจอยู่ในท่ากลับหัวพร้อมที่จะคลอด มีการขยับตัวน้อยลงเพราะพื้นที่ในท้องแม่น้อยเกินไปเนื่องจากขนาดตัวของทารกโตขึ้น ช่วงหนึ่งเดือนก่อนคลอดคุณแม่อาจมีอาการมดลูกบีบรัดตัวซึ่งเป็นอาการที่ เรียกว่า เจ็บท้องหลอก การหดตัวรัดตัวนี้ก็เพื่อดันตัวทารก มาประชิดปากมดลุกเพื่อเตรียมพร้อมที่จะคลอด
เดือนที่ 3 (12สัปดาห์)
ในเดือนนี้ จะเริ่มเห็นอวัยวะแต่ละส่วนของทารกชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แขน ขา มือ เท้า จมูก ตา ปาก ใบหน้า ขนาดลำตัวของทารกที่โตขึ้นประมาณ 3นิ้้ว มีอวัยวะครบ 32 แต่ยังพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์ ทารกมีการตอบสนองกับสิ่งเร้าภายนอกได้ดีขึ้น คุณแม่สามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจลูกน้อยได้ ในช่วง 3เดือนแรกนี้คุณแม่ต้องระวังและดูแลตัวเองเป็นพิเศษเนื่องจากมีอัตราเสี่ยงในการแท้งค่อนข้างสูง ดังนั้นต้องดูแลตัวเองอย่างมาก และระมัดระวังเรื่องยาที่รับประทาน ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ก่อน
เดือนที่ 1 (4สัปดาห์)
จะเริ่มนับว่ามีการตั้งครรภ์ตั้งแต่วันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย ประมาณ 2สัปดาห์หลังจากการปฏิสนธิ ไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว (Fertilized egg) จะเคลื่อนตัวช้าๆ ผ่านท่อนำไข่มายังโพรงมดลูก และยึดเกาะติด ฝังตัวลงในเยื่อบุโพรงมดลูก ช่วงนี้ทารกจะมีขนาดเล็กเท่ากับเมล็ดข้าว จะเริ่มมีตุ่มเล็กๆยื่นออกมาลักษณะคล้ายมือและเท้า มีการสร้างสายสะดือและถุงน้ำคร่ำห่อหุ้ม ส่วนเซลล์ภายในจะมีเนื้อเยื่อพิเศษสองชั้นและจะกลายเป็นสามระดับชั้นตามลำดับ โดยเซลล์ชั้นแรกจะพัฒนาเป็นสมอง ระบบประสาท ผิวหนัง ตา และหู ส่วนชั้นต่อมาจะพัฒนาเป็นปอด กระเพาะอาหาร และชั้นที่สามจะกลายเป็นหัวใจ หลอดเลือด กล้ามเนื้อ และกระดูก
เดือนที่ 4 (16สัปดาห์)
ทารกในครรภ์จะมีขนาดประมาณ 6 นิ้ว พัฒนาการเจริญเติบโตคล้ายมนุษย์มากขึ้น เริ่มแสดงสีหน้าได้เป็นครั้งแรก เช่น ทำหน้าย่น ทำหน้าผากย่น ตามลำตั;ของทารกจะมีขนอ่อน และเริ่มมีขนขึ้นตามร่างกายส่วนต่างๆ อาทิ มีเส้นผมขึ้น มีสีคิ้วเข้มขึ้น และขนตาเริ่มปรากฏชัดขึ้น จมูก นิ้วมือและเท้า จะเห็นได้ชัดเจน ระบบการส่งคลื่นเสียงของหูเริ่มทำงานเต็มที่ จอตาจะเริ่มไวต่อแสงทั้งที่เปลือกตายังไม่ทำงาน เปลือกตาบนล่างยังติดกัน คุณแม่จะเริ่มรู้สึกถึงการดิ้นของลูกเป็นครั้งแรก