Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การวินิจฉัยการตั้งครรภ์, นางสาวสุปรียา บุญเพ็ง
รหัส61122230023 เลขที่20 -…
การวินิจฉัยการตั้งครรภ์
สตรีเมื่อมีเพศสัมพันธ์ กับคู่สมรสและมีตั้งครรภ์ จะมีอาการและอาการแสดงบางอย่าง เกิดขึ้นภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ สตรีทั่วไปมักเกิดความสงสัยว่าตนเองอาจตั้งครรภ์ หรือในสตรีที่ ต้องการมีบุตรมากอาจเกิดจินตนาการ และมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เหมือนกับหญิงที่ตั้งครรภ์ เรียกว่า การตั้งครรภ์เทียม(pseudo pregnancy) ซึ่งการที่จะสรุปหรือวินิจฉัยว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น จริงหรือไม่นั้น ต้องท าด้วยความรอบครอบโดยอาศัยการประเมินอาการและ อาการแสดงต่างๆ ที่ เกิดขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับอาการและอาการแสดงที่ใช้ส าหรับวินิจฉัยการตั้งครรภ์แบ่งออกเป็น 3 ระดับ โดยเรียงจากความแม่นย าน้อยที่สุดไปหามากที่สุด คือ อาการและอาการแสดงที่สงสัยว่าอาจตั้งครรภ์ อาการหรืออาการแสดงที่บ่งชี้ว่าน่าจะตั้งครรภ์ และอาการหรืออาการแสดงที่บ่งชี้ว่ามีการตั้งครรภ์
- อาการและอาการแสดงที่สงสัยว่าอาจตั้งครรภ์ (Presumtive evidences of pregnancy)
1.1. การขาดระดู (Amenorrhea) ประวัติเกี่ยวกับระดูเป็นสิ่งสำคัญในการวินิจฉัยการตั้งครรภ์เพราะการตั้งครรภ์จะทำให้ไม่มีระดู โดยเฉพาะในสตรีที่มีระดูสม่ำเสมอแล้วขาดหายไป มากกว่า 4 สัปดาห์ ให้คิดเสมอว่าอาจมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้
1.2.การเปลี่ยนแปลงของเต้านม (Breast change) เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ estrogen, progesterone และ prolactin ซึ่งจะกระตุ้นการเจริญเติบโตของท่อน้ำนม (alveoli duct) และต่อมน้ำนม (alveoli gland) ทำให้สตรีตั้งครรภ์เกิดการเปลี่ยนแปลง
1.3.คลื่นไส้อาเจียน (Nousea and Vomitting) การตั้งครรภ์จะรบกวนการทำงานของระบบทางเดินอาหารทำให้คลื่นไส้ ผะอืดผะอม รับประทานอาหารได้น้อย สตรีตั้งครรภ์บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อย่างเดียวหรือมีอาการอาเจียนร่วมด้วย เรียกว่า morning sickness พบได้ประมาณครึ่งหนึ่งของสตรีตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ระหว่าง 6-12 สัปดาห์และจะเป็นอยู่นาน 6-8 สัปดาห์ หลังจากนั้นแล้วอาการจะค่อยๆดีขึ้น
1.4. อ่อนเพลีย (Fatigue) เป็นอาการที่พบบ่อยโดยเฉพาะระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์เนื่องจากสตรีตั้งครรภ์มีเมตตาบอลิสมเพิ่มขึ้น สตรีตั้งครรภ์จะรู้สึกอ่อนเพลีย อยากนอนหรือ นั่งพัก ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกายขณะตั้งครรภ์ อาการอ่อนเพลียจะรู้สึกดีขึ้นหลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์
1.5. ปัสสาวะบ่อย (Disterbance in urination) เกิดในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์เนื่องจากมดลูกมีขนาดโตขึ้นและไปกดเบียดกระเพาะปัสสาวะทำให้กระเพาะปัสสาวะมีความจุลดลงจึงรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ แต่เมื่ออายุครรภ์มากขึ้นมดลูกจะลอยพ้นเชิงกรานมาอยู่ในช่องท้องทำให้กระเพาะปัสสาวะถูกกดน้อยลงอาการปัสสาวะบ่อยก็จะดีขึ้น
1.6. สีผิวหนังเปลี่ยนแปลง (Skin change) เกิดจากมีการสะสมเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น (pigmentation) ซึ่งนอกจากจะพบในสตรีตั้งครรภ์แล้วอาจพบได้ในสตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิดหรือสตรีที่อ้วนมาก การเปลี่ยนแปลงสีผิวหนังในสตรีที่ตั้งครรภ์ที่สังเกตได้
1.7. เยื่อบุช่องคลอดเปลี่ยนแปลง (Vaginal mucosa changes) สีเยื่อบุช่องคลอดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินคล้ำหรือม่วงแดง (Chadwick’s sign) เกิดจากมีเลือดมาหล่อเลี้ยงมากและมีเลือดคั่งที่บริเวณเยื่อบุช่องคลอดนอกจากจะพบในสตรีตั้งครรภ์แล้วยังพบได้ในสตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิดชนิด conbined pill ที่มีส่วนผสมของ estrogen และ progesterone
1.8. รู้สึกเด็กดิ้น (Fetal movement) เป็นการรับรู้ของมารดาว่าบุตรดิ้น ซึ่งการรู้สึกว่าทารกในครรภ์ดิ้นเป็นครั้งแรกเรียกว่า quickeningโดยสตรีครรภ์แรกจะเริ่มรู้สึกเมื่ออายุครรภ์ 18-20 สัปดาห์ ส่วนสตรีครรภ์หลังจะรู้สึกเร็วกว่าคือเมื่ออายุครรภ์ 16-18 สัปดาห์ การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์จะบ่อยและแรงขึ้นเมื่ออายุครรภ์มากขึ้นซึ่งการรับรู้นี้จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความหนาของหน้าท้องและตำแหน่งที่รกเกาะ
- อาการหรืออาการแสดงที่บ่งชี้ว่าน่าจะตั้งครรภ์ (Probable signs of pregnancy)
2.1 ขนาดท้องโตขึ้นขนาดของมดลูกจะโตขึ้นจนอยู่เหนือระดับรอยต่อกระดูกหัวหน่าวและสามารถคลำได้คล้ายก้อนเนื้องอกเมื่ออายุครรภ์ได้ประมาณ12 สัปดาห์ ก้อนนี้จะโตขึ้นเรื่อยๆทำให้ท้องมีขนาดโตขึ้นถ้ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นขนาดท้องที่โตขึ้นจะสัมพันธ์กับอายุครรภ์
2.2 การเปลี่ยนแปลงของมดลูก (Uterine change) จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งขนาด รูปร่าง และความยืดหยุ่นของมดลูก ซึ่งจะตรวจพบได้จากตรวจภายในโดยการทำbimanual examination การตรวจพบที่แสดงว่าน่าจะมีการตั้งครรภ์
2.3.การเปลี่ยนแปลงที่ปากมดลูก (Cervical change)เมื่ออายุครรภ์ 8-10 สัปดาห์ ปากมดลูกจะนุ่มคล้ายริมฝีปากแทนที่จะแข็งคล้ายกระดูกอ่อนที่จมูกเหมือนขณะที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เรียกว่า Goodell’s signนอกจากนี้บริเวณปากมดลูกจะมีเลือดมาคั่งทำให้มีสีคล้ำเรียกว่า Chadwick’s sign
2.4.การหดรัดตัวของมดลูก (Contraction) ระยะท้ายไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์มดลูกจะมีการหดรัดตัวเป็นครั้งคราวไม่สม่ำเสมอ และไม่รู้สึกเจ็บปวดอาจเกิดขึ้นทุก 5-10 หรือ 20 นาทีและมีตลอดระยะของการตั้งครรภ์การหดรัดตัวแบบนี้เรียกว่าBraxton hicks contraction
2.5. Ballottement ประมาณเดือนที่ 4-5 ของการตั้งครรภ์ ภายในโพรงมดลูกจะมีน้ำหล่อเด็กค่อนข้างมาก ขณะที่ทารกยังตัวเล็กอยู่ทารกในครรภ์จะเคลื่อนไหวได้สะดวก การตรวจโดยใช้ปลายนิ้วมือกดบนตัวมดลูกเร็วๆจะทำให้ทารกที่ลอยอยู่ในน้ำหล่อเด็กจมหรือถูกผลักออกไปยังส่วนล่างหลังจากนั้นทารกจะลอยหรือสะท้อนกลับมายังที่เดิม
2.6. คล้าพบขอบเขตรูปร่างทารก (Outlining the fetus)ในระยะปลายไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไปผู้ตรวจจะคลำขอบเขตรูปร่างของทารกได้ทางหน้าท้องโดยเฉพาะสตรีที่เคยตั้งครรภ์จะคลำได้ตั้งแต่อายุครรภ์อ่อนกว่าสตรีครรภ์แรกอย่างไรก็ตามภาวะบางอย่างเช่นเนื้องอกมดลูกบางชนิดอาจมีลักษณะเหมือนตัวทารก
2.7. การทดสอบทางฮอร์โมนได้ผลบวก(Hormone test of pregnancy) เป็นการตรวจห human chorionic gonadotrophin (HCG) ระดับ HCG จะสูงสุดขณะอายุครรภ์ 10 สัปดาห์ และ ลดลงจนคงที่เมื่ออายุครรภ์ 12-14 สัปดาห์ การทดสอบทางฮอร์โมน เป็นการทดสอบการตั้งครรภ์ (pregnancy test) ที่ใช้บ่อยที่สุด มีการทดสอบ 2 วิธีคือ
-
-
- อาการหรืออาการแสดงที่บ่งชี้ว่ามีการตั้งครรภ์ (Positive signs of pregnancy)
-
3.2. การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ (Fetal movement) เป็นการเคลื่อนไหวที่ ไม่ใช่เกิดจากการรับรู้ของมารดา แต่ได้จากการตรวจพบของผู้เชี่ยวชาญซึ่งจะเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 20 สัปดาห์โดยใช้มือสัมผัสกับหน้าท้องแล้วคอยรับความรู้สึกเมื่อทารกดิ้น
3.3. การตรวจพบทารกโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ทางช่องคลอดจะตรวจพบถุงที่เกิดจากการตั้งครรภ์ (gestational sac) ในโพรงมดลูกได้ตั้งแต่ 16 วัน หลังปฏิสนธิ ส่วนการตรวจทางหน้าท้องจะพบได้ช้ากว่า
3.4.ภาพเงากระดูกทารก การตรวจพบเงากระดูกทารกในภาพรังสี (X-ray) ซึ่งมักเริ่ม เห็นหลังอายุครรภ์ 16 สัปดาห์ แต่ในทางปฏิบัติการวินิจฉัยการตั้งครรภ์โดยวิธีนี้ไม่ใช้กันแล้ว เนื่องจากอาจเกิดอันตรายต่อทารกโดยเฉพาะในช่วงที่ทารกยังเป็นตัวอ่อน (embryo) ปกติจะใช้การตรวจด้วย คลื่นเสียงความถี่สูงแทนซึ่งปลอดภัยกว่าและตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์น้อยๆ
-