Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เรื่อง พัฒนาการของระบบต่างๆของทารกในครรภ์ - Coggle Diagram
เรื่อง พัฒนาการของระบบต่างๆของทารกในครรภ์
ระบบการไหลเวียนโลหิต
ทารกในครรภ์ประมาณสัปดาห์ที่ 3 เริ่มมีการแลกเปลี่ยน
สารอาหารระหว่างเลือดของตัวอ่อน และเลือดของมารดาผ่าน chorionic villi การไหลเวียนโลหิตของทารกในครรภ์แตกต่างจากการไหลเวียนของทารกหลังคลอดหลายอย่าง เช่น ระหว่างอยู่ในครรภ์มารดา ทารกได้รับออกซิเจนจากการเปลี่ยนที่รกไม่ใช่ที่ปอด ส่วนเลือดที่ไหลผ่านปอดเพื่อน าไปเลี้ยงเซลของปอด ไม่ใช่ให้ปอดท าหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซ
การเจริญเติบโตของรก สายสะดือ เยื่อหุ้มเด็ก และน้้าหล่อเด็ก
รก (Placenta) เป็นอวัยวะที่สร้างขึ้นมาในขณะตั้งครรภ์เมื่อมีการตกไข่ ไข่จะเคลื่อนที่
ไปในท่อน าไข่จนมาถึงมดลูก และฝังตัวที่โพรงมดลูก ประมาณวันที่ 6-7 หลังจากตกไข่ จากนั้นเซลล์เริ่มแบ่งตัวและพัฒนากลายเป็นตัวอ่อนทารกและรก รกประกอบด้วย เนื้อรก สายสะดือ และเยื่อหุ้ม
รก โดยรกจะเกาะอยู่ตรงส่วนผนังด้านในของมดลูก แต่อยู่นอกถุงน้ าคร่ าและจะมีสายสะดือเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างรกกับทารก รกต่อกับเส้นเลือดที่สายสะดือของทารก เชื่อมระหว่างรกกับทารก
รกทำหน้าที่แทนระบบต่างๆ ในระหว่างที่เซลล์ก าลังพัฒนาขึ้นเป็นอวัยวะต่างๆ หน้าที่ของรก
คือ
1) แลกเปลี่ยนสารอาหารจากแม่สู่ลูกในท้อง (nutrition) โดยเลือดลูกกับแม่จะไม่ผสม
กัน แต่มีการแลกเปลี่ยนสารต่างๆระหว่างกัน
2) หายใจ (respiration) รกเปรียบเสมือนปอด คือ เป็นจุดแลกเปลี่ยนออกซิเจนและ
คาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างแม่กับทารกในครรภ
3) ขับถ่ายของเสีย (excretion) รกท าหน้าที่คล้ายกับไต คือ เป็นที่ขับถ่ายของเสียที่เกิด
จากกระบวนการเมตาโบลิซึมของทารก
4) สร้างฮอร์โมน (hormone production) ท าหน้าที่คล้ายกับเป็นต่อมไร้ท่อชั่วคราวใน
มดลูกซึ่งสามารถผลิตฮอร์โมนมากมายที่จ าเป็นระหว่างตั้งครรภ์ ฮอร์โมนที่ส าคัญได้แก่ ฮอร์โมนเอสโทรเจน และโปเจสเตอโรน
5) ป้องกันอันตราย (protection) รกเป็นโครงสร้างที่ขัดขวางไม่ให้สารหรือ
microorganism บางอย่างผ่านเข้าไปท าอันตรายต่อลูกอ่อน
6) เป็นแหล่งเมตาโบไลต์สารบางอย่าง เช่น แอนติบอดี (antibody) หรือยาบางอย่างที่
ได้รับจากแม่จะถูกรกปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบที่ไม่เป็นอันตราย
ความส้าคัญของรกในการสร้างฮอร์โมน
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน รกจะท าหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้นตลอดการ
ตั้งครรภ์ โปรเจสเตอร์โรนมีเความส าคัญมาก ท าให้การตั้งครรภ์สามารถด าเนินต่อไปได้โดยการยับยั้ง การหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้ร่างกายไม่ก าจัดทารกซึ่งถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย
ออกมาโดยไปกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ฮอร์โมนเอสโตรเจน ถูกสร้างจากรกและต่อมหมวดไตของทารก ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีหน้าที่
เสริมสร้างเนื้อเยื่อเซลล์ต่างๆของคุณแม่ตั้งครรภ์ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปหล่อเลี้ยงที่มดลูกมากขึ้น เอสโตรเจนยังช่วยเปลี่ยนเนื้อเยือต่างๆให้อ่อนนุ่มขึ้นยืดขยายได้ดีเพื่อจะได้เหมาะแก่การคลอด
นอกจากนี้ยังท าให้เต้านมขยายเพื่อเตรียมส าหรับการผลิตน้ านมอีกด้วย
สายสะดือ(Umbilical cord)
สายสะดือ เป็นเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อระหว่างรกในผนังมดลูกของมารดากับหน้าท้องของเด็กสายสะดือจะประกอบไปด้วยเส้นเลือด 3 เส้น คือ เส้นเลือดด าเส้นใหญ่จะมีหน้าที่ส่งอาหารและ
ออกซิเจนไปสู่ทารกในครรภ์ ส่วนอีก 2 เส้นจะเป็นเส้นเลือดแดง มีหน้าที่ นำของเสียออกจากร่างกายของทารกมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-2 เซนติเมตร และจะมีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร
อาจจะสั้นหรือยาวกว่านี้ก็ได้ สายสะดือจะยาวหรือสั้นนั้นไม่มีผลเสียอะไรกับทารก ขึ้นอยู่กับว่าสายสะดือที่เชื่อมต่อทารกอยู่นั้นจะไปพันกับคอของทารกจนเกิดอันตรายหรือไม่นอกจากนั้นในสายสะดือยัง
มีสารที่มีลักษณะเป็นเจลลี (Jelly) ที่ช่วยพยุง ปกป้อง และปรับอุณหภูมิของหลอดเลือดในสายสะดือ
ระบบประสาท ระบบประสาท จะเจริญมากในระยะแรก (สัปดาห์ที่ 3 – 4) ของการตั้งครรภ์
ในขณะที่สตรีก็ยังไม่แน่ใจว่าตนตั้งครรภ์
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ ประมาณสัปดาห์ที่ 12 มีปัสสาวะเกิดขึ้น ประมาณสัปดาห์ที่ 16 มี
การหลั่งของปัสสาวะมาผสมอยู่ในน้ าหล่อเด็ก
ระบบสืบพันธุ์ ประมาณสัปดาห์ที่ 6 มีพัฒนาการของต่อมเพศ อายุครรภ์ 3 เดือน เริ่มแยกเพศได้
ระบบภูมิคุ้มกันโรค ระบบภูมิคุ้มกันของทารกพัฒนาจนสามารถทำงานได้ตั้งแต่อายุครรภ์
น้้าหล่อเด็ก (Amniotic fluid)
น้ าหล่อเด็กบางครั้งเรียก น้ าทูนหัวทารก เป็นของเหลวที่อยู่ในถุงน้ าคร่ า/ถุงที่เป็นที่อยู่ของทารกในครรภ์โดยน้ าคร่ าจะอยู่รอบ ๆตัวทารก ขณะอยู่ในครรภ์ในโพรงมดลูกของมารดา ทารกจะ
ลอยตัวอยู่ในน้ าคร่ าในถุงน้ำคร่ำ โดยน้ำคร่ำนี้จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันการกระทบกระเทือนต่อทารกท าให้ทารกเคลื่อนไหวน้ำคร่ำ