Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิง - Coggle Diagram
กระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิง
การเปลี่ยนแปลงในรังไข่
1. ระยะก่อนตกไข่ (Follicle stage)
เป็นช่วงระยะเวลาจากเริ่มมีประจำเดือน ไปจนถึงมีการตกไข่ซึ่งกินระยะเวลาประมาณ 13-15 วัน ระยะนี้ฟอลลิเคิลขยายใหญ่ขึ้นและภายในจะมีไข่ 1 เซลล์ ฟอลลิเคิลที่เติบโตมีช่องว่างอยู่ภายใน จะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมาในระดับสูง ซึ่งมีผลไปกระตุ้นมดลูกให้ขยายใหญ่ขึ้น และมีการเจริญของเยื่อบุมดลูกโดยการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส มีเส้นเลือดเพิ่มขึ้นและสะสมของเหลวภายในเนื้อเยื่อให้มากขึ้น
2. ระยะตกไข่ (Ovulation stage)
เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ที่ไข่หลุดออกจากฟอลลิเคิล ถ้านับวันแรกของการมีประจำเดือนเป็นวันที่หนึ่งของรอบ การตกไข่จะอยู่ระหว่างวันที่ 13 ถึง 15
3. ระยะหลังตกไข่ (Corpus luteum stage)
ซึ่งถัดจากระยะตกไข่จนถึงเริ่มมีประจำเดือนเป็นเวลาประมาณ 13-15 วัน ระยะนี้ corpus luterm จะสร้างฮอร์โมน progesterone และทำหน้าที่ร่วมกับฮอร์โมน estrogen โดยไปกระตุ้นมดลูกให้มีผนังหนาขึ้น ทำให้ต่อมและเส้นเลือดที่เยื่อบุมดลูกเจริญจนเยื่อบุมดลูกกลายเป็นชิ้นเนื้อคล้ายฟองน้ำ เพื่อรอรับไข่ที่ถูกผสมแล้ว การเปลี่ยนแปลงในมดลูกนี้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ไข่ซึ่งถูกผสมจะมาฝังตัวที่ผนังมดลูกเพื่อเจริญเติบโตต่อไป
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบสืบพันธุ์หญิง
รังไข่ (Ovary)
มีอยู่ 2 ข้างซ้ายขวาของมดลูก อยู่ลึกเข้าไปในอุ้งเชิงกราน มีเยื่อยึดรังไข่ให้ติดกับผนังช่องท้อง (เยื่อนี้เรียกว่า mesovarium สำหรับเยื่อที่ยึดลูกอัณฑะเรียกว่า mesorchium ขนาดของรังไข่ประมาณหัวแม่มือ หนัก 2-3 กรัม รังไข่มีหน้าที่สำคัญ 2 อย่าง คือ สร้างไข่และฮอร์โมนเพศหญิง หญิงที่ถูกตัดรังไข่ออกเสียข้างหนึ่งก็ยังมีโอกาสมีบุตรได้ และมีวงจรประจำเดือนตามปกติ
ท่อนำไข่หรือปีกมดลูก (Oviduct หรือ Fallopian tube)
อยู่ 2 ข้างของมดลูก ปลายส่วยหนึ่งมีลักษณะเป็นกรวยปากแตร ไข่ที่สุกและหลุดออกจากรังไข่ จะผ่านเข้าไปในท่อนำไข่หรือปีกมดลูกเป็นระยะทางประมาณ 10 เซนติเมตร โดยอาศัยการหดและการคลายตัวของท่อนำไข่และการโบกของขนที่เซลล์บริเวณภายในท่อนำไข่ เพื่อรอการปฏิสนธิ
ช่องคลอด (Vagine)
เป็นส่วนหนึ่งของท่อนำไข่ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปให้เหมาะสม เพื่อรับ penis ของเพศชาย พื้นในมีเยื่อเมือกอยู่ (แต่ไม่มีต่อมอยู่) เยื่อนี้จะขับสารออกมาช่วยหล่อลื่นในขณะร่วมเพศ ปกติภายในช่องคลอดมีสภาวะเป็นกรด
มดลูก (Uterus)
ถือว่าเป็นอวัยวะที่ช่วยในการสืบพันธุ์ เปลี่ยนแปลงมาจากส่วนล่างของท่อนำไข่เพื่อทำหน้าที่เป็นที่เจริญเติบโตของทารก มดลูกมีตำแหน่งอยู่ข้างหลังของกระเพาะปัสสาวะ มีเนื้อเยื่อ 3 ชั้น คือ
1) เนื้อเยื่อชั้นนอก (serosa) เป็นเยื่อบุบาง ๆ
2) เนื้อเยื่อชั้นกลาง (myometrium) เป็นกล้ามเนื้อเรียบหนา 2 ชั้น มีความยืดหยุ่น สูง สามารถขยายตัวได้หลายเท่าในระหว่างตั้งครรภ์ และจะบีบตัวให้ทารกคลอดออกมา
3) เนื้อเยื่อชั้นใน (endometrium) มีลักษณะคล้ายฟองน้ำ เป็นชั้นที่มีการสร้างรก (placenta) เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนแก๊ส และอาหารให้แก่เอ็มบริโอ ผนังชั้นนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในขณะที่ยังมีประจำเดือนและสามารถรองรับการฝังตัวของเอ็มบริโอ เป็นบริเวณที่สลายหลุดลอกออกไปเป็นประจำเดือน
การทำงานของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
1.ทำหน้าที่ผลิตไข่
2.ทำหน้าที่เพื่อการสืบพันธุ์ (มีเพศสัมพันธ์)
3.ทำหน้าที่ปกป้อง และหล่อเลี้ยงไข่ที่ปฏิสนธิแล้วเพื่อให้สามารถพัฒนาต่อไปได้
4.ทำหน้าที่เพื่อคลอดทารก
การสืบพันธุ์จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มีอวัยวะเพศที่เรียกว่า "อวัยวะสืบพันธุ์" แม้คนส่วนมากอาจเข้าใจว่า อวัยวะสืบพันธุ์นั้นหมายถึง "อัณฑะที่ผลิตอสุจิของผู้ชาย" เท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว ทั้ง 2 เพศต่างมีอวัยวะสืบพันธุ์ อวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิง คือ "รังไข่" ที่สามารถผลิตไข่ได้ ส่วนอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้ชายทำหน้าที่ผลิต "อสุจิ" และเมื่อไข่ได้รับการปฏิสนธิโดยอสุจิแล้วจะถูกเรียกว่า "ตัวอ่อน"เมื่อเด็กทารกเพศหญิงคลอดออกมา รังไข่ในร่างกายของเด็กจะจัดเก็บไข่ไว้แล้วเป็นแสนๆ ฟอง แต่ไข่เหล่านี้จะยังไม่ทำงานจนกว่าเด็กจะถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่อถึงเวลาดังกล่าว ต่อมใต้สมองที่อยู่ตรงส่วนกลางของสมองจะเริ่มสั่งให้มีการผลิตฮอร์โมนซึ่งกระตุ้นให้รังไข่ผลิตฮอร์โมนเพศ
อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
•ส่วนภายนอกของอวัยวะเพศเรียกว่า "แคมช่องคลอด"หรือ "ปากช่องคลอด" ซึ่งอยู่บริเวณระหว่างขา ทำหน้าที่ปิดและปกป้องช่องคลอดและอวัยวะสืบพันธุ์ภายในอื่นๆ
•
ส่วนเนินเนื้อ
บริเวณเหนือช่องคลอดขึ้นมา เรียกว่า "เนินหัวหน่าว" เป็นเนื้อที่มีลักษณะเป็นกลีบสองข้างใกล้กับปากช่องคลอด เรียกว่า "แคม" แบ่งเป็นแคมเล็ก และแคมใหญ่
•
ส่วน "คลิตอริส (Clitoris)
" เป็นอวัยวะเล็กๆ ทำหน้าที่รับความรู้สึกจะอยู่บริเวณเหนือรูเปิดของท่อปัสสาวะและปากช่องคลอด ล้อมด้วยแคมเล็กสองข้าง เมื่อเนินหัวหน่าวและแคมเริ่มปกคลุมไปด้วยขน นั่นหมายความว่า เด็กสาวเข้าสู่วัยพร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์แล้ว
vestibule
เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่างแคมเล็กทั้งสองข้าง ตั้งแต่ clitoris ลงไปจนถึง fourchette บริเวณนี้มีรูเปิดของท่อต่างๆ ดังนี้-รูเปิดของท่อปัสสาวะ (urethral orifice) จะอยู่ถัดจาก clitoris ราว 1 ซม.-รูเปิดของช่องคลอด (vaginal orifice) อยู่ถัดไปอีก มีเยื่อพรหมจารีย์ปิดอยู่-รูเปิดของ Bartholin's gland และ paraurethral gland อย่างละ 1 คู่
Bartholin's gland (greater vestibular gland) เป็นต่อมเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวพบอยู่ 2 ข้างของรูเปิดของช่องคลอด ต่อมนี้เปรียบเทียบได้กับต่อมคาวเปอร์ในเพศชาย จะให้ท่อออกมาเปิดที่บริเวณระหว่างเยื่อพรหมจารีย์กับแคมเล็ก ทำหน้าที่สร้างเมือกหล่อลื่น และมีฤทธิ์เป็นด่างเพื่อลดความเป็นกรดในช่องคลอด
•
ฝีเย็บ (perineum)
เป็นบริเวณรูปสี่เหลี่ยม (diamond-shape) โดยลากเส้นตรงเชื่อมต่อระหว่าง ischial tuberosity ทั้ง 2 ข้างจะแบ่งฝีเย็บออกเป็นบริเวณรูปสามเหลี่ยม 2 รูปคือด้านหน้าเรียก urogenital triangle เป็นที่ตั้งของอวัยวะเพศภายนอกทั้งหมด และด้านหลังเรียกว่า anal triangle จะพบรูเปิดของทวารหนักอยู่ บริเวณที่อยู่ระหว่างช่องคลอดกับทวารหนัก
กระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย
การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ในเพศชาย
•เป็นการสร้างตัวอสุจิ เกิดขึ้นที่หลอดสร้างตัวอสุจิ•การสร้างเริ่มต้นตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ 2-8 เดือน จากเซลล์ต้นกำเนิดการแบ่งสร้างเซลล์สืบพันธุ์ คือ Primodial Germ Cell ที่มีโครโมโซม 2n ซึ่งเซลล์นี้มีต้นกำเนิดมาจากถุงไข่แดง แต่ได้เคลื่อนย้ายมาที่อัณฑะในภายหลัง
•เมื่ออยู่ในท้องแม่ 2-8 เดือน Primodial Germ Cell (2n) จะแบ่งตัวแบบไมโทซิส 4 ครั้งได้เป็น Spermatogonia (2n)•Spermatogonia (2n) เป็นระยะพัก พบได้ตลอดชีวิต
•เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น อายุ 13 ปีขึ้นไป ฮอร์โมน FSH จะกระตุ้นให้ Spermatogonia ขยายขนาดเป็นPrimary Spermatocyte(2n)
•Primary Spermatocyte (2n) แบ่งเซลล์ไมโอซิสครั้งที่ 1 เป็น Secondary Spermatocyte(n)
•Secondary Spermatocyte(n) แบ่งเซลล์ไมโอซิสครั้งที่ 2 ได้เป็นSpermatid (n) จำนวน 4 เซลล์
•Spermatid (n) ผ่านการ Differentiation ได้ตัวอสุจิ คือ Spermatozoa/Sperm (n) จำนวน4 ตัวในที่สุด
โครงสร้างและหน้าที่ของระบบสืบพันธุ์เพศชาย
อัณฑะ (Testis)
มี 1 คู่อยู่ภายใน ถุงอัณฑะ (Scrotum) ซึ่งถุงอัณฑะมีหน้าที่สำคัญหรือช่วยในการปรับอุณหภูมิให้เหมาะต่อการสร้างอสุจิ คือ ประมาณ 34 องศาเซลเซียส ตอนเป็นตัวอ่อน อัณฑะจะอยู่ในช่องท้อง เมื่อใกล้คลอดอัณฑะจะเคลื่อนที่ลงสู่ถุงอัณฑะ ทำให้อุณหภูมิต่ำกว่าภายในช่องท้อง 2-3 องศาเซลเซียส มีผลให้ seminiferous tubule สร้างอสุจิ
ถุงหุ้มอัณฑะ (Scrotum)
ทำหน้าที่ห่อหุ้มลูกอัณฑะ ควบคุมอุณหภูมิให้พอเหมาะ ในการสร้างตัวอสุจิ ตัวอสุจิเจริญได้ดี ในอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิปกติของร่างกาย ประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส
หลอดเก็บตัวอสุจิ (Epidymis)
อยู่ด้านบนของอัณฑะมีลักษณะเป็นท่อเล็ก ๆ ยาวประมาณ 6 เมตรขดไปมา ทำหน้าที่ เก็บเซลล์อสุจิจนเซลล์อสุจิเติบโตและแข็งแรงพร้อมที่จะปฏิสนธิ
ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ (Seminal Vesicle)
ทำหน้าที่ สร้างอาหารเพื่อใช้เลี้ยงตัวอสุจิ เช่น น้ำตาลฟรักโทส วิตามินซี โปรตีนโกลบูลิน เป็นต้น และสร้างของเหลวมาผสมกับตัวอสุจิเพื่อทำให้เกิดสภาพที่เหมาะสมสำหรับตัวอสุจิ
ต่อมลูกหมาก (Prostate Gland)
อยู่ตอนต้นของท่อปัสสาวะ ทำหน้าที่หลั่งสารที่มีฤทธิ์เป็นเบสอ่อน ๆ เข้าไปในท้อปัสสาวะ เพื่อทำลายฤทธิ์กรดในท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดสภาพ ที่เหมาะสมกับตัวอสุจิ
ส่วนประกอบของอสุจิ
ส่วนหัว (Head) มีลักษณะรูปไข่ ภายในมีนิวเคลียสบรรจุไว้เกือบเต็ม ทางส่วนหน้าสุดของส่วนหัวจะมีลักษณะเป็นถุง เรียกว่า อะโครโมโซม (acrosome) ซึ่งพัฒนามาจาก golgo bodies มีเอนไซม์ซึ่งสามารถย่อยสลายผนังเซลล์ของไข่ เรียกว่า ไฮยาลูโรนิเดส (hyaluronidase) หรือ ไฮโดรไลติก เอนไซม์ (hydrolytic enzyme) หรือ ไลซิน (lysin)
ส่วนลำตัว (Midpiece หรือ Middle piece) เป็นส่วนที่ต่อจากส่วนหัว มี mitochondria จำนวนมากเรียงเป็นเกลียว ทำหน้าที่สร้างพลังงานให้กับสเปิร์ม
ส่วนหาง (Tail หรือ Flagellum) เป็นส่วนของหลอดโปรตีน (microtubule)ที่ยื่นออกมาจาก เซนตริโอล มีหน้าที่พัดโบกให้สเปิร์มเคลื่อนที่ไปได้
พัฒนาการของตัวอสุจิ
1.ระยะกอลไจ (golgi phase) ระยะนี้จะปรากฏแกรนูลที่จะเจริญไปเป็นแกรนูลในแอกโครโซมอยู่ในกอลไจ บอดี และจะเจริญแยกตัวออกไปอยู่ในถุงเรียกว่าถุงแอกโครโซม (acrsomal vesicle) ที่เคลื่อนไปติดกับนิวเคลียสทางด้านแอนทีเรีย ส่วนด้านโพสทีเรียจะเริ่มพบเซนตริโอล2. ระยะแคพ (cap phase) ถุงแอกโครโซมเปลี่ยนรูปร่างล้อมรอบนิวเคลียสครึ่งหนึ่ง เพื่อพัฒนาไปเป็น อะโครโซมอล แคพ (acrosomal cap) นิวเคลียร์ พอร์บริเวณนี้จะหายไป โครมาตินภายในนิวเคลียสรวมตัวกันแน่นขึ้น เซนตริโอลขยายยาวขึ้นเพื่อพัฒนาไปเป็นส่วนหาง ส่วนนี้เรียกว่าแอกโซนีมอล คอมเพล็กซ์(axonemal complex)3. ระยะแอกโครโซม (acrosome phase) นิวเคลียสจะแบน ยาวมากขึ้น แอกโครโซมอล แคพจะปิดนิวเคลียสแน่น ด้านโพสทีเรียจะมีการเจริญของเซนตริโอลยาวออกไป ไมโตคอนเดรียเริ่มกระจายไปตามความยาวของเซนตริโอล เพื่อพัฒนาไปเป็นหาง ใกล้ ๆ นิวเคลียสเริ่มปรากฏไมโครทิวบูล4. ระยะเจริญเต็มที่ (maturation phase) ระยะนี้มีการเปลี่ยนรูปร่างทุกส่วน มีเซอร์ทอไล เซลล์เป็นตัวช่วยในการพัฒนา โดยมีส่วนในกระบวนการกลืนกิน และมีบางส่วนถูกสลายออกไปเป็นส่วนเกิน (residual body) จนอสุจิมีรูปร่างสมบูรณ์ จากระยะนี้สเปอร์มาโตซัวจะถูกส่งเข้าท่อเซมินิเฟอรัส ทิวบูล