major.neuro cognitive.disorder

พยาธิสภาพ

ความหมาย

หลักการพยาบาล

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

1.เกิดจากการสร้างและสะสมโปรตีนที่ผิดปกติบางชนิดในเซลล์สมองทำให้เซลล์สมองตายเช่นโรคอัลไซเมอร์โรคสมองเสื่อมจากLewy.bodyโรคสมองเสื่อมจากพาร์กินสันPick’s.disease

2.เกิดจากภาวะหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองที่ผิดปกติซึ่งเป็นได้จากทั้งการตีบแตกหรือตันโดยมากมักเกิดจางโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรังบางอย่างเช่นเบาหวาน,ความดันโลหิตสูง,อัมพาต,อัมพฤกษ์,การสูบบุหรี่

4.ความแปรปรวนของระบบเมตาบอลิกบางอย่างเช่นภาวะต่อมธัยรอยด์ทำงานน้อยเกินไป(hypothyroidism)

3.การได้รับสารพิษหรือการบาดเจ็บที่กระทบกระเทือนเซลล์สมองเช่นอุบัติเหตุกระแทกบริเวณศีรษะภาวะพิษจากแอลกอฮอลล์หรือสารเสพติด

สาเหตุตามทฤษฎีเกิดจาก

มีโรคประจำตัวคือเบาหวานและความดันโลหิตสูงและอันไซเมอร์

ภาวะสมองเสื่อมเป็นภาวะที่มีความบกพร่องทางสตปัญญาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงเมื่อเปรียบเทียบกับความสามารถสมองเดิมของผู้สูงอายุรายนั้นมีสาเหตุมาจากการเสื่อมสลายของเซลล์สมองจากสาเหตุต่างทำให้เกิดการสูญเสียของเนื้อสมองและส่งผลต่อการทำงานการทำหน้าที่ของสมองในหลายๆด้านโดยการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างถาวรและส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันและความสามารถในการอยู่ร่วมในสังคมของผู้สูงอายุ

การรักษา

2.การดูแลอาการด้านประสาทจิตเวชศาสตร์

3.การดูแลทั่วไป

1.การดูแลความผิดปกติด้านการรู้คิด (cognitive function)

การดูแลฟื้นฟูทั้งด้านร่างกายด้านการรู้คิดด้านจิตใจและอาชีพ

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่1ความเสี่ยงที่จะเกิดพฤติกรรมรุนแรงเนื่องจากความคิดและการรับรู้ผิดปกติ

ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่2สัมพันธภาพทางสังคมบกพร่องเนื่องจากมีความผิดปกติของการรู้คิด

ข้อมูลสนับสนุน

ข้อมูลสนับสนุน

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่3บกพร่องในการทำกิจวัตรประจำวันเนื่องจากความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองลดลง

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่5เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงเนื่องจากได้รับยากลุ่มใหม่(Risperidone)

ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่4พักผ่อนไม่เพียงพอเนื่องจากความผิดปกติของการรู้คิด

เป้าหมาย

กิจกรรมการพยาบาล

SD =

OD1= ญาติให้ประวัติว่า6เดือนที่ผ่านมาบ่นว่ารำคาญเสียงในหูเห็นภาพญาติที่เสียชีวิตไปแล้วระแวงว่าจะมีคนมาทำร้ายตนเองและครอบครัว

OD2=ญาติให้ประวัติว่า2วันก่อนมารพ.สับสนว่าคิดว่าตนเองอยู่กับสามีที่เสียชีวิตไปนานแล้ว

OD3 = หงุดหงิดมากขึ้น

  • ไม่มีความคิดทำร้ายตนเองและครอบครัว

-ได้ยินยินเสียงหูแว่วลดลด

  • ผู้ป่วยและญาติหรือผู้ดูแลปลอดภัย

-เห็นภาพหลอนลดลง

เกณฑ์การประเมินผล

-ได้ยินยินเสียงหูแว่วลดลดใน2สัปดาห์

-เห็นภาพหลอนลดลงใน2สัปดาห์

-ไม่มีความคิดทำร้ายตนเองและครอบครัว

-ผู้ป่วยและญาติหรือผู้ดูแลปลอดภัย

1.พูดคุยสร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความไว้วางใจพูดคุยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและชัดเจนในการติดต่อสื่อสาร

3.ผู้ป่วยมีอาการประสาทหลอนผู้ดูแลควรรับฟังสอบถามความรู้สึกของผู้ป่วยพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเพื่อให้ผู้ป่วยสงบลงระมัดระวังการใช้เสียงสูงหรือน้ำเสียงที่ข่มขู่

2.ค้นหาสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดพฤติกรรมรุนแรงหรืออาการวุ่นวายสับสนกระวนกระวาย

4.เก็บสิ่งของทีสามารถนำไปใช้เป็นอาวุธทำร้ายตนเองและผู้อื่นให้พ้นจากมือผู้ป่วย

6.ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดเพื่อสังเกตอาการที่บ่งชี้ว่าผู้ป่วยที่มีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมรุนแรงเช่นหงุดหงิดโมโหหวาดระแวง

7.จัดให้เข้าร่วมกลุ่มกิจกรรมบำบัดเพื่อให้ผู้ป่วยได้ติดต่อกับสิ่งที่เป็นจริง

5.ไม่ควรเปลี่ยนผู้ดูแลบ่อย/มีผู้ดูแลหลายคนเพราะผู้ป่วยอาจเกิดความหวาดระแวงรู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้น

8.สื่อสารกับผู้ป่วยต้องเปิดเผยจริงใจรักษาคำพูดให้ข้อมูลอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา หลีกเลี่ยงการมองจ้องหรือระมีดระวังการกระซิบกระซาบต่อหน้าผู้ป่วยเพราะผู้ป่วยอาจเข้าใจผิดว่าพยาบาลนินทาให้ร้ายหรือระแวง

9.ดูแลให้ได้รับยาRisperidone1mg.1tab.oral.hs.(1เม็ดหลังอาหารทางปากก่อนนอน)เป็นยารักษาโรคจิตเนื่องจากผู้ป่วยมีการหูแว่วเห็นภาพหลอนระแวงว่าจะมีคนมาทำร้ายตนเองสับสนหงุดหงิดมากขึ้นและเฝ้าระวังผลข้างเคียงของยานอนไม่หลับกังวลอยู่ไม่สุขปวดศีรษะมึนงงอาการเหงาหาวนอนคลื่นไส้อาเจียนความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนท่าหัวใจเต้นผิดจังหวะ

11.ถ้าผู้ป่วยมีอาการประสาทหลอน.หลงผิดมากขึ้นหรือไม่ดีขึ้น.ควรรีบปรึกษาแพทย์

10.ให้ข้อมูลตามความเป็นจริง(Present.reality)เมื่อผู้ป่วยมีอาการหลงผิดหรือมีอาการประสาทหลอนโดยบอกความคิดความรู้สึกต่อความเป็นจริงอาจเป็นการให้เหตุผลหรือใช้พยานยืนยันก็ได้

เกณฑ์การประเมินผล

กิจกรรมการพยาบาล

เป้าหมาย

SD = -

OD1=ญาติให้ประวัติ1ปีก่อนผู้ป่วยบอกว่ามีอาการลืมง่ายวางของผิดที่จำไม่ได้ว่าวางแว่นตาไว้ที่ไหน

OD3=ไม่ค่อยออกไปไหนนอกบ้านเหมือนเคยบางครั้งชอบนั่งอยู่เฉยๆเป็นเวลานาน

OD2 = ถามคำถามซ้ำหลายครั้งบางครั้งนึกคำพูดบางคำไม่ออก

-เพื่อให้ผู้ป่วยมีสัมพันธภาพที่ดีขึ้น

  • ผู้ป่วยมีสัมพันธภาพที่ดีขึ้นสามารถสื่อสารและออกไปทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นมากขึ้น

-อาการสับสนลืมของถามคำถามซ้ำๆลดลง

3.ถ้าผู้ป่วยนึกคำไม่ออกไม่ควรถามซ้ำหรือพยายามให้ผู้ป่วยนึกให้ได้เพราะจะทำให้ผู้ป่วยวิตกกังวลมากขึ้น

4.ถ้าผู้ป่วยพูดถึงความคิดหลงผิดไม่ควรพยายามอธิบายข้อเท็จจริงหรือสอบถามรายละเอียดควรเบี่ยงเบนไปสนทนาเรื่องอื่น

  1. ควรพูดช้าๆในประโยชน์ที่สั้นกระชับใช้คำที่เข้าใจง่ายและแบ่งเป็นช่วงๆไม่ใช้ประโยชน์ยาวๆน้ำเสียงที่ใช้ควรแสดงออกถึงการยอมรับในตัวผู้ป่วย

5.ถ้าผู้ป่วยป่วยแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวทั้งทางกายหรือคำพูดไม่ควรตำหนิผู้ป่วยและควรเปลี่ยนเรื่องสนทนา

  1. เมื่อพบผู้ป่วยควรแนะนำตัวเรียกชื่อก่อนเริ่มสนทนา

ข้อมูลสนับสนุน

SD = -

OD2= ไม่มีสมาธิในการทำกิจวัตรประจำวัน

OD 1= 3เดือนก่อนผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวันได้น้อยลงอ่อนเพลียเบื่ออาหารน้ำหนักลด2กิโลกรัม

เป้าหมาย

ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวันให้ได้มากที่สุดและผู้ดูแลมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ

ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีสมาธิในการทำกิจกรรมต่างๆ

เกณฑ์การประเมินผล

กิจกรรมการพยาบาล

1.ผู้ป่วยมีร่างกายที่สะอาด

  1. ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำเองได้เช่นทำความสะอาดร่างกายใส่เสื้อผ้าการรับประทานอาหาร
  1. ผู้ดูแลมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวันที่ผู้ป่วยไม่สามารถทำได้เอง

4.ผู้ป่วยมีสมาธิและตั้งใจในการทำกิจวัตรประจำวันมากขึ้น

1.ประเมินความสามารถในการดูแลตนเองของผู้ป่วยเช่นการทำความสะอาดร่างกายการใส่เสื้อผ้าเช็ดตัว การพลิกตะแคงตัวการรับประทานอาหารเพื่อนำไปวางแผนการพยาบาลและให้การพยาบาลได้อย่างเหมาะสม

2.ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองให้มากที่สุดเท่าที่ผู้ป่วยจะสามารถทำได้

3.เสื้อผ้าของผู้ป่วยควรสะดวกในการใช้เช่นไม่ควรใช้กระดุมหรือซิบซึ่งอาจจะยากเกินไปสำหรับผู้ป่วยเพื่อฝึกให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเอง

4.ควรติดป้ายบอกทางไปห้อง/บริเวณต่างๆให้ชัดเจนเช่นบอกทางไปห้องน้ำห้องนอนห้องครัวเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยจดจำสถานที่ต่างๆได้

5.ช่วยเริ่มต้นกิจกรรมให้และให้ผู้ป่วยทำต่อจนจบเพื่อฝึกให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองได้เอง

6.จัดให้มีปฏิทินนาฬิกาทำป้ายเตือนหรือสิ่งช่วยจำเขียนรายการภารกิจประจำวันให้มองเห็นอย่างชัดเจนเพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมนั้นๆ

7.ทำป้ายเตือนหรือสิ่งช่วยจำแสดงวิธีการใช้เครื่องมือเครื่องใช้และอุปกรณ์ต่างๆในบ้านวิธีการปิดเปิดประตูหน้าต่างให้ผู้ป่วยเห็นและฝึกทำเป็นประจำ

8.ดูแลให้ได้รับยาRivastigmine6mg.1tab.oral.bid.pc(1เม็ดทางปากวันละ2ครั้งหลังอาหาร)เป็นยารักษาโรคอัลไซเมอร์เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการทำกิจวัตรประจำวันน้อยลงอ่อนเพลียเบื่ออาหารน้ำหนักลดไม่มีสมาธิทำกิจกรรมต่างๆผลข้างเคียงปวดศีรษะเวียนศีรษะปวดท้องเบื่ออาหารคลื่นไส้อาเจียนอาหารไม่ย่อยน้ำหนักลดท้องอืดท้องผูกท้องเสียแสบร้อนกลางอกมีเหงื่อออกมากนอนไม่หลับรู้สึกเหนื่อยอ่อนเพลียและวิตกกังวลและเฝ้าระวังผลข้างเคียงของยา

ข้อมูลสนับสนุน

SD = -

OD1= ญาติให้ประวัติ2นก่อนเดินไปเดินมานอนไม่หลับ

OD2= อ่อนเพลีย

เป้าหมาย

-ผู้ป่วยสามารถนอนหลับพักผ่อนได้เพียงพอ

เกณฑ์การประเมิน

กิจกรรมการพยาบาล

-ไม่ตื่นบ่อยครั้งในช่วงกลางคืนโดยนอนหลับ4คืนจากทั้งหมด7คืน

-ตื่นด้วยความสดชื่นไม่มีอาการอ่อนเพลียระหว่างวัน

1.ไม่ควรให้ผู้ป่วยนอนในเวลากลางวันควรกระตุ้นให้ทำกิจกรรมต่างๆเช่น ออกกำลังกาย

2.จัดเวลานอนและตื่นให้เป็นเวลา

3.จัดสถานที่และห้องนอนให้สะอาดเงียบสงบไม่มีเสียงดังรบกวนมีแสงสว่างเพียงพอมีอุณหภูมิไม่ควรร้อน/เย็นเกินไป

4.งดเครื่องดื่มที่มีคาแฟอีนเช่นชากาแฟน้ำอัดลมก่อนนอน

5.เปิดเพลงบรรเลงเพื่อให้นอนหลับดีขึ้น

6.ดูแลให้ได้รับยาTrazodone50mg.1tab.oral.prn.for.insomnia( 1เม็ดทางปากเฉพาะเมื่อมีอาการนอนไม่หลับ)เป็นยาต้านเศร้าเนื่องจากผู้ป่วยมีอาการเดินไปเดินมาไม่นอนอ่อนเพลียมีผลข้างเคียงทำให้ง่วงนอนทำให้เกิดอาการPriapismมีเสียงในหูปวดศีรษะมึนงงอ่อนเพลีย

ข้อมูลสนับสนุน

SD = -

OD = ผู้ป่วยได้รับยาRisperidone1mg.oral.hs.

เป้าหมาย

เกณฑ์การประเมิน

  • ไม่มีอาการAkinesia,Dystonia,Akathisia,Tardive.dyskinesia,Parkinsonism-like.syndromes,NMS (Neuroleptic.malignant.Syndrome)

กิจกรรมการพยาบาล

1.สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบาบัดให้เกิดความไว้วางใจให้ความร่วมมือในการรักษา

2.ประเมินผู้ป่วยโดยสังเกตอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

ป้องกันอาการข้างเคียงของ(EPS)

3.หากมีอาการextrapyramidal.symptoms(EPS)เกิดขึ้นอธิบายและญาติให้ผู้ป่วยทราบว่าอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในระยะแรกที่ได้รับยาและเกิดชั่วคราวเท่านั้น

4.หากมีอาการextrapyramidal.symptoms(EPS)ดูแลให้ได้ยาBenzhexol2mg1tab.oral.bid.pc.ตามแผนการรักษา

  • การดูแลผู้ดูแลผู้ดูแลทำให้เกิดความซึมเศร้าควรให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมให้คำปรึกษาแก่กลุ่มญาติหรือผู้ดูแลรับฟังความรู้สึกและแนะนำเทคนิคในการดูแลผู้ป่วย

-การกระตุ้นกิจวัตรประจำวันพื้นฐานให้ผู้ป่วยได้ทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเองมากที่สุดเช่นการอาบน้ำการใส่เสื้อผ้า

  • การดูแลสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัยทั้งด้านความปลอดภัยและความเหมาะสมและไม่ทำให้เกิดอันตรายเช่นการเตรียมบ้าห้องน้ำห้องนอนมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นเช่นทางลาดราวจับแสงสว่างเพียงพอสีสันไม่ฉูดฉาดไม่มีกระจกที่ทำให้ผู้ป่วยสับสน

ยาRisperidone1mg1tab.oral.hsเป็นยารักษาโรคจิตมีผลข้างเคียงคือกระสับกระส่ายไม่ยอมอยู่นิ่งผู้ป่วยได้รับยานี้เพราะทำกิจกรรมน้อยลงไม่ค่อยออกนอกบ้านเหมือนเคยบางครั้งนั่งอยู่เฉยเป็นเวลานาน

การออกฤทธิ์

ปิดกั้นตัวรับDopamineในสมองปิดกั้นตาแหน่งserotonin.receptor,Antiicholinergic,Antihistaminic( H1 )และ ใส่เครื่องหมายเแอลฟา-adrenergicทาให้เกิดEatrapyrimidal.effects

ผลข้างเคียง

คันหรือมีผื่นผิวหนังเดินซอยเท้าไม่มีสมาธิกระสับกระส่ายไม่ยอมอยู่กับที่อยู่นิ่งไม่ได้มีพฤติกรรมก้าวร้าว

วิตกกังวลหน้าตาไม่แสดงอารมณ์เห็นภาพไม่ชัดหรือการมองเห็นเปลี่ยนไปไม่สามารถขยับหรือเคลื่อนไหวดวงตาได้

มีปัญหากับการนอนพูดหรือกลืนมีปัญหากับการปัสสาวะหรือปัสสาวะมากผิดปกติ มีปัญหากับการจดจำ

นิ้วสั่นมือสั่นแขนหรือขาเมื่อยล้าหรือไม่มีแรงมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกบริเวณหลังคอและใบหน้าหรือกระตุกเมื่อเคลื่อนไหวสูญเสียการทรงตัว

ยาTrazodone50mg1tab.oral.prn.for.insomniaเป็นยาต้านเศร้ามีผลข้างเคียงคือทำให้ง่วงนอนผู้ป่วยได้รับยานี้เพราะตอนกลางคืนไม่นอนเดินไปเดินมาตลอดคืน
การออกฤทธิ์

การออกฤทธิ์

ยังยั้งการรวมตัวกันใหม่ของสารสื่อประสาทชีโรโทนินในสมอง

ผลข้างเคียง

คลื่นไส้อาเจียนท้องเสียง่วงนอนเวียนศีรษะอ่อนเพลียตาพร่ามัวน้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงไป

ปวดศีรษะปวดกล้ามเนื้อปากแห้งรู้สึกถึงรสชาติผิดปกติในปากคัดจมูกท้องผูกหรือมีความสนใจทางเพศ/ความสามารถทางเพศเปลี่ยนแปลงไป

ยาbenzhexol2mg1tab.oral.bid.pcเป็นยาต้านเศร้ามีผลข้างเคียงคือมองไม่ชัดผู้ป่วยได้รับยานี้เพราะเห็นภาพญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว

การออกกฤทธิ์

ด้านChoilnergicลดChoilergic.transmission

ผลข้างเคียง

ถ่ายปัสสาวะลำบากปากแห้งคลื่นไส้ท้องผูกความจำเสื่อมสับสนประสาทหลอนตาเจ็บมองภาพไม่ชัดมีผื่นคัน


1.การดูแลกิจวัตรประจำวันของตนเองบกพร่อง

3.ความเสี่ยงที่จะเกิดพฤติกรรมรุนแรงเนื่องจากอาการหลงผิดหรือประสาทหลอน

2.สัมพันธภาพทางสังคมบกพร่อง

-เก็บสิ่งของที่สามารถนำไปใช้เป็นอาวุธทำร้ายตัวเองและผู้อื่นให้พ้นจากมือผู้ป่วย

ผู้ดูแลควรรับฟังสอบถามความรู้สึกของผู้ป่วยพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่นุมมวลเพื่อให้ผู้ป่วยสงบลงระมัดระวังการใช้เสียงสูงหรือน้ำเสียงที่ข่มขู่

-แนะนำญาติหรือผู้ดูแลให้จัดเวลาในการทำกิจกรรมส่วนตัวมีเวลาพักผ่อนชั่วคราวโดยอาจมีลูกหลานหรือญาติคนอื่นมาดูแลผู้ป่วยแทน

ไม่ตำหนิผู้ป่วยหากผู้ป่วยตัดสินใจหรือทำสิ่งใดผิดพลาดแต่ควรหาทางเลือกให้ผู้ป่วยในการทำกิจกรรมนั้นด้วยวิธีอื่นๆเพื่อลดความเครียดและความวิตกกังวล

  • จัดให้มีปฏิทินนาฬิกาทำป้ายเตือนหรือสิ่งช่วยจำเขียนรายการภารกิจประจำวันให้มองเห็นอย่างชัดเจนเพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมนั้นๆ

-ทำป้ายเตือนหรือสิ่งช่วยจำแสดงวิธีการใช้เครื่องมือเครื่องใช้และอุปกรณ์ต่างๆในบ้านวิธีการปิดเปิดประตูหน้าต่างให้ผู้ป่วยเห็นและฝึกทำเป็นประจำ

การวินิจฉัย

เกณฑ์การวินิจฉัยneurocognitive.disorderตาม DSM-5

.การทํางานของสมองในด้านต่างๆ(higher.cortical.function)ลดลงจากเดิมชัดเจนอย่างน้อย1ด้านดังนี้คือ

  1. ความจําและการเรียนรู้สิ่งใหม่บกพร่อง(learning.and.memory)
  1. มีความลําบากในการพูดสื่อสารหรือเข้าใจภาษา
  1. มีลักษณะความคิดในด้านการตัดสินใจการวางแผนการมองในลักษณะนามธรรมบกพร่องไป(executive.function)

5.ความสามารถในการทํากิจกรรมต่างๆที่คุ้นเคยมาก่อนบกพร่องทั้งๆที่การเคลื่อนไหวของร่างกายแขนขา
ปกติ(perceptual.motor)

  1. มีความยากลําบากในการใส่ใจรับรู้ข้อมูลถูกดึงความสนใจได้ง่ายหรือไม่มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่กําลังทํา(complex.attention)
  1. มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับบริบทสิ่งแวดล้อม ไม่คํานึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น(social.cognition)

กรณีศึกษาพบ

กรณีศึกษาพบ

ไม่พบในกรณีศึกษา

กรณีศึกษาพบ

ไม่พบในกรณีศึกษา

ในกรณีศึกษาพบ

-มีอาการหลงลืมง่าย

-ไม่มีสมาธิทำกิจกรรมต่างๆเหมือนในอดีต

-ถามคำถามเดิมซ้ำหลายครั้ง

-บางครั้งนึกคำพูดไม่ออก

ยาRivastigmine6mg1tab.oral.bid.pcเป็นยารักษาโรคสมองเสื่อมมีผลข้างเคียงคือปัญหาการได้ยินหรือมองเห็นผู้ป่วยได้รับยานี้เพราะบ่นว่ารำคาญเสียงในหู

การออกฤทธิ์

ผลข้างเคียง

ยับยั้งเอนไซม์cholinesteraseทั้งAcetylcholinesterase(AChE)Butyrylcholinesterase(BuChE)

รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนเพลียอย่างรุนแรงมีปัญหาในการได้ยินหรือการมองเห็นปวดท้องอย่างรุนแรงระคายเคืองผิวหนังสับสนซึมเศร้าหัวใจเต้นช้าอาเจียนเป็นเลือดหรือเป็นสีน้ำตาลเข้มอุจจาระเป็นสีดำสีคล้ายน้ำมันดินหรือมีเลือดปนเวียนศีรษะรุนแรงหมดสติชัก

ผู้ป่วยวางของผิดที่จำไม่ได้ว่าวางแว่นไว้ที่ไหน

ทำกิจกรรมลดน้อยลง

ไม่ค่อยออกนอกบ้านเหมือนเคย