Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พัฒนาการของระบบต่างๆของทารกในครรภ์, นางสาวเสาวภา แสนไชย รหัสนักศึกษา…
พัฒนาการของระบบต่างๆของทารกในครรภ์
ระบบการไหลเวียนโลหิต
ทารกในครรภ์ประมาณสัปดาห์ที่ 3 เริ่มมีการแลกเปลี่ยน สารอาหารระหว่างเลือดของตัวอ่อน และเลือดของมารดาผ่าน chorionic villi การไหลเวียนโลหิตของ ทารกในครรภ์แตกต่างจากการไหลเวียนของทารกหลังคลอดหลายอย่าง
ระบบประสาท
จะเจริญมากในระยะแรก (สัปดาห์ที่ 3 – 4) ของการตั้งครรภ์ ในขณะที่สตรีก็ยังไม่แน่ใจว่าตนตั้งครรภ์
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ
ประมาณสัปดาห์ที่ 12 มีปัสสาวะเกิดขึ้น ประมาณสัปดาห์ที่ 16 มี การหลั่งของปัสสาวะมาผสมอยู่ในน้ าหล่อเด็ก
ระบบสืบพันธุ์
ประมาณสัปดาห์ที่ 6 มีพัฒนาการของต่อมเพศ อายุครรภ์ 3 เดือน เริ่มแยก
เพศได้
ระบบภูมิคุ้มกันโรค
ทารกพัฒนาจนสามารถทำงานได้ตั้งแต่อายุครรภ์ เพียง 13 สัปดาห์ ในระยะแรกๆ
lymphocytes ในตับตั้งแต่อายุครรภ์เพียง 9 สัปดาห
เลือดและม้ามตั้งแต่อายุครรภ์ 12 สัปดาห์
T lymphocytes ในธัยมัสตั้งแต่อายุ ครรภ์ราว 14 สัปดาห์
ในกระแสเลือดของทารกจะมีเพียง lgG ซึ่งผ่านรกมาจากแม่ Antibody
การเจริญเติบโตของรก (Placenta)
เป็นอวัยวะที่สร้างขึ้นมาในขณะตั้งครรภ์เมื่อมีการตกไข่ ไข่จะเคลื่อนที่ ไปในท่อน าไข่จนมาถึงมดลูก และฝังตัวที่โพรงมดลูก ประมาณวันที่ 6-7 หลังจากตกไข่ จากนั้นเซลล์ เริ่มแบ่งตัวและพัฒนากลายเป็นตัวอ่อนทารกและรก
หน้าที่
1) แลกเปลี่ยนสารอาหารจากแม่สู่ลูกในท้อง (nutrition) โดยเลือดลูกกับแม่จะไม่ผสม กัน แต่มีการแลกเปลี่ยนสารต่างๆระหว่างกัน
2) หายใจ (respiration) รกเปรียบเสมือนปอด คือ เป็นจุดแลกเปลี่ยนออกซิเจนและ คาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างแม่กับทารกในครรภ์
3) ขับถ่ายของเสีย (excretion) รกท าหน้าที่คล้ายกับไต คือ เป็นที่ขับถ่ายของเสียที่เกิด จากกระบวนการเมตาโบลิซึมของทารก
4) สร้างฮอร์โมน (hormone production) ท าหน้าที่คล้ายกับเป็นต่อมไร้ท่อชั่วคราวใน มดลูกซึ่งสามารถผลิตฮอร์โมนมากมายที่จ าเป็นระหว่างตั้งครรภ์ ฮอร์โมนที่ส าคัญได้แก่ ฮอร์โมน เอสโตรเจน และโปรเจสเทอโรน
5) ป้องกันอันตราย (protection) รกเป็นโครงสร้างที่ขัดขวางไม่ให้สารหรือ microorganism บางอย่างผ่านเข้าไปท าอันตรายต่อลูกอ่อน
6) เป็นแหล่งเมตาโบไลต์สารบางอย่าง เช่น แอนติบอดี (antibody) หรือยาบางอย่างที่ ได้รับจากแม่จะถูกรกปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบที่ไม่เป็นอันตราย
การเจริญเติบโตสายสะดือ(Umbilical cord)
เป็นเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อระหว่างรกในผนังมดลูกของมารดากับหน้าท้องของเด็ก
ประกอบไปด้วยเส้นเลือด 3 เส้น
เส้นเลือดดำเส้นใหญ่
หน้าที่
่ส่งอาหารและ ออกซิเจนไปสู่ทารกในครรภ์
อีก 2 เส้นจะเป็นเส้นเลือดแดง
หน้าที่
นำของเสียออกจากร่างกาย ของทารกมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-2 เซนติเมตร และจะมีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร อาจจะสั้นหรือยาวกว่านี้ก็ได้
สายสะดือยัง มีสารที่มีลักษณะเป็นเจลลี (Jelly) ที่ช่วยพยุง ปกป้อง และปรับอุณหภูมิของหลอดเลือดในสายสะดือ
ประกอบด้วย
ซลล์กล้ามเนื้อเรียบเส้นใยหรือพังผืดที่เคยเป็นท่อที่เชื่อม ต่อระหว่างกระเพาะ ปัสสาวะทารกกับสะดือทารก (Urachus) ท่อนี้จะลีบฝ่อไปเริ่มตั้งแต่เมื่อทารกอายุครรภ์ได้ประมาณ 20 สัปดาห์
การเจริญเติบโตของน้ำหล่อเด็ก (Amniotic fluid)
น้ำหล่อเด็กบางครั้งเรียก น้ำทูนหัวทารก
น้ำคร่ำ
ทำหน้าที่
เป็นเกราะป้องกันการกระทบกระเทือนต่อ ทารกทำให้ทารกเคลื่อนไหวน้ำคร่ำนี้
เป็นของเหลวที่อยู่ในถุงน้ำคร่ำ/ถุงที่เป็นที่อยู่ของ ทารกในครรภ์โดยน้ำคร่ำจะอยู่รอบ ๆตัวทารก
น้ำหล่อเด็กบางส่วน
มาจากของเหลวจากเลือดของมารดาที่ซึมผ่านถุงน้ำคร่ำและ/หรือ ผิวหนังของทารกแต่ส่วนใหญ่มาจากปัสสาวะของทารกโดยปริมาณน้ำคร่ำจะมากหรือน้อย ขึ้นกับ ความสมดุลของการกลืนน้ำคร่ำำของทารกและการขับปัสสาวะของทารกที่อยู่ในครรภ์
ความสำคัญของรกในการสร้างฮอร์โมน
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน
รกจะทำหน้าที
ผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ โปรเจสเตอร์โรนมีเความสำคัญมาก
ฮอร์โมนเอสโตรเจน ถูกสร้างจากรกและต่อมหมวดไตของทารก
หน้าที่
เสริมสร้างเนื้อเยื่อเซลล์ต่างๆของคุณแม่ตั้งครรภ์ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปหล่อเลี้ยงที่มดลูกมากขึ้นช่วยเปลี่ยนเนื้อเยือต่างๆให้อ่อนนุ่มขึ้นยืดขยายได้ดีเพื่อจะได้เหมาะแก่การคลอด
นางสาวเสาวภา แสนไชย รหัสนักศึกษา 61122230082 เลขที่ 75 นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 2