Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ใหญ่ที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับความผิดปกติข…
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ใหญ่ที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ
ปัญหาทางเดินหายใจ
การติดเชื้อ
Bronchitis
Pneumonia
Pharyngitis
TB
Tonsillitis
การบาดเจ็บ
Fx rib
Flail chest
การจำกัดการขยาย
Eneumothorax
Hemothorax
Empyema
Pleural effusion
การอุดกั้น
Asthma
Cancer
COPD
ภาวะหายใจล้มเหลว
การแลกเปลี่ยนก๊าซผิดปกติมากจนมีผลให้ความดันออกซิเจนในเลือดแดง Pao2 ต่ำกว่า 50mmHg ความดันคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดแดง PaCO2 มากกว่า 50 mmHg
การประเมินระบบหายใจ
การซักประวัติ
การตรวจทางห้องปฎิบัติการ arterial blood gas
การตรวจร่างกาย
PH 7.45 สูง เป็นalkalosis
PH 7.35 ต่ำ เป็น acidosis
Paco2 45 สูง เป็น acidosis
HCO3 26 สูงalkalosis
Paco2 35 ต่ำ เป็น alkalosis
HCO3 22 ต่ำacidosis
BE -2 ต่ำ acidosis
BE +2 สูง alkalosis
Respiratory Failure
Lung Faliure oxygenation Failure มีภาวะ Hypoxemia, PaO2 มากกว่า60 mmHg gas exchange failure hypoxemia
เป็น acute (minutes to hours) และ chronic (several day or longer)
Pump Failure ventilatory failure มีภาวะ Hypoxemia,PaO2 มากกว่า 45 mmHg และ pH มาก 7.35 acute (minutes to hours) และ chronic (several day or longer
อาการแสดงภาวะพร่องออกซิเจนในเลืิด
ระบบประสาท กระสับกระส่าย สับสัน ระยะรุนแรง ซ฿ม หมดสติ
ระบบหายใจ หายใจเร็ว หอบเหนื่อย
ระบบหัวใจและหลอดเลือด ชีพจรเต้นเร็ว ความดันสูง การเต้นของหัวใจเร็วขึ้น
ระบบผิวหนัง เหงื่อกออก ตัวเย็น ระยะรุนแรง อาการตัวเขียว
chronic obstructive pulmonary Disease
โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และ โรคถุงลมโป่งพอง
ปัจจัยเสี่ยง
ควันสูบบุหรี่ ควันไฟ
การติดเชื้อของปอดและทางเดินหายใจ
การวินิจฉัย
ประวัติอาการ ปัจจัยเสี่ยงและอาการที่พบ อกขยายแบบถังเบียร์และการหายใจเร็ว ไอมีเสมหะเรื้องรัง นิ้วปุ้ม เม็ดเลือดแดงเิ่ม
การตรวจภาพรังสีทรางอก หัวใจโต
การวัดสมรรถภาพการทำงานของปอด พบค่าFEV1 ต่ำกว่าปกติ
การตรวจวิเคราะห์ก็าซในเลืดแดง พบค่า PaCo2สูง
พยาธิสภาพ
การทำลสยถุงลมผนังหลอดลมแฟบ กลไกการหายใจบกพร่อง การซึมผ่านบกพร่อง การกำซาบคล้ายผสมด้วยเลือดดำ เลือดพร่องออกซิเจน เม็ดเลือดแดงมาก เลือดหนืดปริมาตรเลือด การหดตัวของหลอดเลือดแดงพลุโมนารีแรงต้ารในเลือดปอดสูง
หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ผนังหลอดลมหนาขึ้นสารมูกในทางเดินอากาศหายใจเพิ่มขึ้น หลอดลมบวมน้ำ หลอดลมหดเกร็ง การอุดกั้นทางเดินอากาศหายใจ การกระจายอากาศหายใจเข้าไม่สม่ำเสมอ
การวินิจฉัย
ถุงลมโป่งบางส่วน และแฟบบางส่วน
มีเสมหะในหลอดลม
มีการทำลายเนื้อปอด
การขยายของอก
เป้าหมายการรักษา
บรรเทาอาการของโรคให้น้อยที่สุด
ป้องกันและลดภาวะกำเริบของโรค
ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
แนวทางการรักษา
การรักษาทางยา
การฟื้นฟูสมรรถภาพปอด
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ควรรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรต
หลีกเลี่ยงจากสิ่งที่แพ้
แนะนำการพ่นยาที่ถูก
การหยุดบุหรี่
ข้อวินิจฉัยการพยาบบาล
เสี่ยงต่อภาวะเนื้อเยื่อพร่องออกซิเจน เนื่องจากมีการตีบแคบของหลอดลม
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมิน V/s โดยเฉพาะการหายใจ
ฟังเสียงกายหายใจ
จัดท่านอนศีรษะสูง
ดูแลให้ออกซิเจน 1-3 ลิตรต่อนาที 24-32 เปอร์เซต
ดูแลให้ยาขยายหลอดลม
เสี่ยงต่อการเกิดความไม่สมดุลของสารอาหารและน้ำ เนื่องจากภาวะการหายใจล้มเหลว
กิจกรรมการพยาบาล
ทำความสะอาดปากและฟัน ลดสิ่งกระตุ้น
ให้อาหารที่มีโปรตีนและแคลอรี่สูง คาร็โบไฮเดรตต่ำ
ประเมินความต้องการสารอาหารที่ควรได้รับต่อวันเพื่อวางแผนการให้สารน้ำ
ให้ผู้ป่วยได้รับน้ำอย่างน้อยวันละ 3000 มล.
ความทนต่อกิจกรรมลดลงเนื่องจากเหนื่อย อ่อนเพลียและหายใจลำบาก
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินสภาพผู้ป่วยและให้นอนพัก
สอนและกระตุ้นให้ผู้ป่วยได้มีการออกกำลังกาย
ดูแลการได้รับยาขยายหลอดลม
อาจเกิดอาการกลับซ้ำ เนื่องจากขาดความรู้ในการปฏิบัติเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคที่เป็น เพื่อให้ทราบถึงการดำเนินของโรค
สอนการวิธีการพ่นยา เขย่าหลอดพ่นยา ประมาณ 5-10 นาทีเพื่อให้ตัวยาผสมกันได้ที่ หายใจเข้า ออกลึกๆ3-5 ครั้งสุดท้ายหายใจออกทางปากเต็มที่ ใช้ริมฝีปากอมรอบ spacer เริ่มหายใจเข้าพร้อมกับกดยา สูดลมหายใจเข้าช้าๆ และลึกๆ กลั้นหายใจประมณ 5-10 วินาที เพื่อให้ยากระจายเข้าสู่ปอด แล้วค่อยๆ หายใจออกทางปากช้าๆ
โรคหืด
การอักเสบเรื้อรังของหลอดลมมีผลทำให้หลอดลม ผู้ป่วยมีปฎิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ หรือสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนปกติ
การวินิจฉัย
1 ไอ แน่นหน้าอก หายใจหอบเหนื่อย
2 มีอาการเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้น
allergic rhinitis conjunctivitis และ dermatitis
มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคหอบหืด
เกิดอาการหลังออกกำลังกาย
การตรวจร่างกาย
อาจไม่พบความผิดปกติขณะไม่มีอาการ
จะพบอัตราการหายใจเพิ่มขึ้น หายใจลำบาก
การตรวจทางห้องปฎิบัติการ
การตรวจสมรรถภาพทำงานของปอด
การวัดความผันผวนของPEF ในช่วงเวลา ประมาณ 1-2 สัปดาห์
เป้าการรักษา
สามารคควบคุมอาการของโรคให้สงบลง
ป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ
หลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน
ป้องกันและลดอุบัติการณ์
การควบคุมโรค
ควรออกกำลังกายและผ่อนคลายความเครียด แนะนำการฝึกหายใจแบบ purse lip
ควนพกยาบรรเทาอาการติดตัวเป็นประจำ
ควรดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนเพียงพอ
ทุกครั้งที่สูดยาสตีรอยด์ควรบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดทุกครั้ง
ป้องกันไม่ให้เป็นหวัด ควรฉีดวัคซีนป้องกัน
ไม่ควรซื้อยากินเอง
Pulmonary embolism
สาเหตุ
vessel injury
hypercoagulability
venous stasis อาจเกิดหลังผ่าตัด
กรรมพันธ์
ความอ้วน การใส่สายสวนในหลอดเลือดดำ
พยาธิสภาพ
Hypoxic V/Q imbalance
Vasoconstrict
Decrease surfactant
Pulmonary edema
Atelectasis alveolar dead space
การวินิจฉัย
หายใจหอบเหนื่อยอย่างกะทันหัน ใจสั่น แน่นหน้าอก
ตัวเย็น มีความดันดันต่ำ ช็อก
ตรวจร่างกาย หายใจเร็ว มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ
D-dimer troponin I หรือ T สูงกว่าปกติ
ABG พบภาวะ hypoxemia ออกซิเจนต่ำ
การรักษา
การให้ยาละลายลิ่มเลือด (Thrombolysis) ได่แก่ streptokinase rt-PA
การให้ยาต้านลิ่มเลือด (anticoagulants)
การผ่าตัดเอาลิ่มเลือดออก (Surgical embolectomy)
โรคปอดอักเสบ
กระบวนการอักเสบของถุงลมปอดทำให้เนื้อปอดแข็งและหนองในถุงลมปอด มักพบในคนที่ไม่แข็งแรงมี๓ุมิต้านทานโรคต่ำ
สาเหตุ
ติดเชื้อแบคทีเรีย
เชื้อไวรัส เช่น หัด ไข้วัดใหญ่ อีกสุกอีกใส
เชื้อไมโคพลาสมา ทำให้เกิดปอดอักเสบ
เชื้อรา
เชื้อโปรโตซัว
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคปอดอักเสบ
ผู้ป่วยที่มีโรคประจาำตัว
ผู้ที่เสี่ยงต่อการสำลักง่าย ซึ่งมักพบในผู้ที่หมดสติ หรือชัก
ผุ้ป่วยที่มีภาวะภูมิต้านท้านบกพร่อง
ไข้สูง (39-40 ºซ.) หน้าแดง ริมฝีปากแดง ลิ้นเป็นฝ้า
หายใจตื้นแต่ถี่ ๆ นาทีละ 30-40 ครั้ง ซี่โครงบุ๋ม รูจมูกบาน อาจมีอาการตัวเขียวหรือภาวะขาดน้ำ
อาจมีเริมขึ้นที่ริมฝีปาก ปอดอาจเคาะทึบ (dullness)
เสียงหายใจค่อย (diminished breath sound)
มีเสียงกรอบแกรบ (crepitation) ซึ่งมักจะได้ยินตรงใต้สะบักทั้ง 2 ข้าง
การรักษา
ดูแลบำบัดทางระบบหายใจ
ให้ยาปฎิชีวะ
ดูแลให้ความสมุดลของสารน้ำอิเล็กโตรลัยท์
ใหโปรตีนสูง
ดูแลความสะอาดช่องปากและฟัน
ให้ยาลดไข้ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ข้อวินิจฉัย
ระยะที่ 1 ระยะเลือดคั่ง ผนังถุงลมบวม
ระยะที่ 3 ระยะฟื้นตัว
ระยะที่ 2 ระยะปอดแข็งตัวพบโมโนนิวเคลียร์และ ไฟบรินแทรกอยู่ จะมีน้ำและexudate คั่งในถุงลม
Respiratory Distress Syndrome
สาเหตุ
ความผิดปกติที่ปอด การดูดดมสารพิษ บาดเจ็บที่ปอดพิษจากการให้ออกซิเจนเข้มข้นเป็นเวลานาน จมน้ำ ปอดอักเสบ ติดเชื้อ
ความผิดปกติที่อวัยวะแล้วส่งผลมาที่ปอด
Shock จาก Sepsis หรือเสียเลือด
ได้รับเลือดปริมาณมาก
Pancreatitis
Over drug
DIC
การพยาบาลผู้ที่มีการติดเชื้อทางเดินหายใจ
ข้อวินิจฉัย
เสียงต่อการภาวะเนื้อเยื่อพร่องออกซิเจน เนื่องจากพิ้นที่การแลกเปลี่ยนก๊าซลดลง
ประเมินอาการแสดงขาดออกซิเจน วัดสัญญาณชีพ
ประเมินอาการติดเชื้อ
ดูแลให้ออกซิเจนอย่างเพียงพอ
ดูดเสมหะ สอนการไออย่างมีประสิทธิภาพ
จัดท่านอนศีรษะสูง 30-40 องศา
ดูแลให้พักผ่อนอย่างเพียพอ
กิจกรรมการพยาบาล
การขับเสมหะไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีเสมหะมากและเหนียวข้น
ประเมินสัญญาณชีพและติดตามอาการที่เปลี่ยนแปลง
ดูแลให้ได้รับยาขับเสมหะ
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง
สังเกตประเมินจำนวน ลักษณะ สี
ภาวะเลือดออกช่องเยื่อหุ้มปอด
การวินิจฉัย
อาการแน่นหน้าอก หายใจตื้น เหนื่อยหอบ ความดันต่ำ
การตรวจร่างกาย พบหลอดลมคอ และหัวใจถูกดัน เสียงลมเข้าปอดเบา ไม่ได้ยินเสียง
ภาพถ่ายรังสีทรวงอก เฆนเงาของเหลวเป็นสีขาวทึกอยู่ระหว่างปอดกับผังอก กระบังลม
ภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด
พยาธิสภาพ
ลมเข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอดขณะหายใจเข้า หายใจออก ไม่สามารถออกได้
สาเหตุ
1โรคปอด เช่น วัณโรคเยื่อหุ้มปอด ภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดร่วมกับปอดอักเสบ
2.มะเร็งปอดหรือมะเร็งอวัยวะอื่นที่แพร่กระจายมายังเยื่อหุ้มปอด
โรคหัวใจ ได้แก่ ภาวะหัวใจวาย เลือดคั่ง
โรคไต ได้แก่ ภาวะไตวาย กลุ่มอาการที่มีไข่ขาวในปัสสาวะ
โรคตับแข็ง
โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น โรคเอสแอลอี
โรคอื่นๆ ที่พบได้ไม่บ่อย เช่น น้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดที่เกิดร่วมกับฝีบิดในตับ ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน เป็นต้น