Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กฎหมายสาธารณสุขอื่นที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ…
กฎหมายสาธารณสุขอื่นที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
กฎหมายสาธารณสุข
ในปัจจุบันจะเป็นกฎหมายที่กำหนดสิทธิหน้าที่ในการป้องกันและรักษาไว้ซึ่งชีวิต ร่างกาย สุขภาพอนามัยของประชาชน
กฎหมายที่สำคัญโดยทั่วไปจะปรากฎในรูปพระราชบัญญัติสำหรับพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการประกอบวิชาชีพ
พระราชบัญญัติเป็นกฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติ
ระเบียบกระทรวงสาธารณสุขพ.ศ.2539
เป็นการใช้อำนาจเพื่อวางข้อกำหนดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์วิธีการหรือเงื่อนไขในการปฏิบัติ
เพื่อให้ปลอดภัยจากความเจ็บป่วยและมีสุขภาพอนามัยที่ดี
เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายสาธารณสุขที่กำหนดสิทธิและหน้าที่ในการป้องกันและรักษาไว้ซึ่งชีวิต
ข้อจำกัดและเงื่อนไขในการรับมอบหมายให้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ให้ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งและชั้นสอง
ทำการประกอบวิชาชีพเวชกรรมและกระทำการใส่และถอดห่วงอนามัยได้
ผู้ขอรับการใส่ห่วงอนามัยได้คลอดบุตรมาแล้ว 45-60 วัน และยังไม่มีประจำเดือน
ผู้ขอรับการใส่ห่วงอนามัยได้คลอดหรือแท้งลูกมาแล้ว 30 วัน และยังไม่มีประจำเดือน
ได้ทดสอบผู้ขอรับการใส่ห่วงอนามัยแล้วว่าไม่ตั้งครรภ์
ให้ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลหรือผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลผดุงครรภ์
ทำการผ่าตัดทำหมันหยิงหลังคลอดหรือใส่และถอดยาฝังคุมกำเนิดได้
ซึ่งได้ผ่านการอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวกับการผ่าตัดทำหมันหญิงหลังคลอด
5.ให้ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่งและชั้นสองประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาลและจิตเวช
ทำการประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้
ให้ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล หรือผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
ได้รับประกาศนียบัตรการศึกษาหรือการอบรมในหลักสูตรวิสัญญีพยาบาลจากกระทรวง ทบวง กรม
ทำการให้ยาสลบเฉพาะการให้สลบชนิด GA ได้
ให้ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
ทำการประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้
และกระทำการด้านการวางแผนครอบครัว
ใส่และถอดห่วงอนามัยได้
ให้บุคคลซึ่งได้ผ่านการศึกษาหรือฝึกอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวกับวิชาวิทยาสาสตร์การแพทย์
ทำการประกอบวิชาชีพได้
ให้บุคคลซึ่งได้ผ่านการอบรมตามหลักสูตรการผดุงครรภ์โบราณของกระทรวงสาธารณสุขทำการรับฝากครรภ์และทำคลอดในรายปกติได้
บุคคลที่สามารถทำการประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้
ผู้ช่วยพยาบาลและผดุงครรภ์ ผู้ช่วยพยาบาลและจิตเวช
พนักงานสุขภาพชุมชน
ผู้สำเร็จประกาศนียบัตรสาธารณสุขศาสตร์
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ชั้นสอง
มีรายละเอียดดังนี้
2.การรักษาพยาบาลอื่น
การฉีดเซรุ่มแก้พิษงู
การสวนปัสสาวะ
การให้น้ำเกลือในผู้ป่วยท้องเดินอย่างรุนแรง
การสวนล้างกระเพาะปัสสาวะอาหารในรายที่สงสัยว่ารับประทานสารพิษ
ด้านศัลยกรรม
เย็บบาดแผลที่ไม่สาหัส
ชะล้าง ทำแผล ตกแต่งบาดแผล
ผ่าฝี
ผ่าเอาสิ่งแปลกปลอมซึ่งอยู่ในตำแหน่งซึ่งไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญของร่างกายออก
ด้านอายุรกรรม
เพื่อบรรเทาอาการของโรค
เช่น
ไข้ ตัวร้อน ไอกรน คางทูม อีสุกอีใส ขาดสารอาหาร
ให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้น
ด้านสูตินรีเวชกรรม
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโรค
การวางแผนครอบครัว การฉีดยาคุมและจ่ายยาเม็ดคุมกำเนิด
ทำการช่วยเหลือในกรณีที่จะมี การทำแท้ง หรือหลังแท้งแล้ว
การเจาะโลหิตจากปลายนิ้วหรือหลอดเลือดดำเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ทำการช่วยเหลือขั้นต้นในรายที่มีการคลอดผิดปกติ
ให้การปฐมพยาบาลเกี่ยวกับการได้รับสารพิษ
ทำคลอดในรายปกติ
เจ้าพนักงานสาธารณสุข
อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)
พนังงานอนามัย
ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านซึ่งได้ผ่านการอบรม
และกระทรวงสาธารณสุขยังแต่งตั้งให้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านอยู่
ทำการประกอบวิชาชีพเวชกรรมและใช้ยาได้
บุคคลซึ่งได้รับมอบหมายจะทำการประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้เฉพาะ
ต้องเป็นการปฏิบัติราชการ
บุคคลที่ได้รับมอบหมายตามระเบียบนี้ต้องอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
เพื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์
ให้อาสาสมัครของสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยซึ่งได้ผ่านการอบรมและได้รับหนังสือรับรอง
ทำการจ่ายยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีตราของสมาคมประทับที่แผงยาได้
ผู้ที่กระทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล สุขาภิบาล องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นหรือสภาชาดไทยจะมอบหมายให้ทำการประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้
13.การใช้ยาตามบัญชียาให้บุคคลที่ทำการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ใช้ยาตามบัญชียาที่หน่วยราชการของกระทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหานครเป็นต้น
ต้องไม่เกินรายการบัญชียาสามัญประจำบ้าน ตามกำหมายว่าด้วยยา
ยาสามัญประจำบ้าน
ยาปฏิชีวนะ
ยาคุมกำเนิด
กลุ่มเพนนิซิลิน
ยาที่ให้ตาม คำสั่งแพทย์
พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541
ความหมายของสถานบริการ
สถานที่รวมตลอดถึงยานพาหนะซึ่งจัดไว้เพื่อการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมาย
สถานพยาบาล
การขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
3.ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษา
4.ไม่เป็นโรคที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2.มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
5.ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
1.มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
6.ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต คนไร้ความสามารถ หรือ คนเสมือนไร้ความสามารถ
หน้าที่ของผู้รับอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
4.ถ้าประสงค์จะเลิกกิจการสถานพยาบาลต้องแจ้งเป็นหนังสือและจัดทำรายงานที่จะปฏิบัติเกี่ยวกับผู้ป่วยให้ผู้อนุญาตทราบล่วงหน้าอย่างน้อยสิบห้าวัน
5.ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อนุญาตที่ให้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในการเลิกกิจการประโยชน์และส่วนได้ส่วนเสียของผู้ป่วยใสถานพยาบาลนั้น
3.การย้ายสถานพยาบาลไปประกอบกิจการที่อื่นต้องดำเนินการเช่นเดียวกันกับการขออนุญาต
6.ถ้าพ้นจากหน้าที่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เกินเจ็ดวันผู้รับอนุญาตอาจมอบหมายให้บุคคลซึ่งมีคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตทราบภายในสามวันนับแต่วันที่เข้าดำเนินการแทน
2.ต้องแสดงรายละเอียดดังนี้
รายการเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
อัตราค่ารักษาพยาบาลและค่าบริการ
ชื่อสถานพยาบาล
สิทธิของผู้ป่วย
7.ถ้ามีการเปลี่ยนตัวผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้รับอนุญาตทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนนั้น
1.ต้องแสดงใบอนุญาตของตนไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่ายในสถานพยาบาลแห่งนั้น
8.ต้องไม่เรียกเก็บเงินหรือยินยอมให้มีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล เกินอัตราที่ได้แสดงไว้ และต้องให้การบริการแก่ผู้ป่วยตามสิทธิที่แสดงไว้
อายุใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
มีอายุจนถึงสิ้นปีปฏิทินของปีที่สิบนับแต่ปีที่ออกใบอนุญาต
แบ่งเป็น
1.ประเภทไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
คลินิก
2.ประเภทรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
โรงพยาบาล
การขออนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541
ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
2.ต้องไม่เป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาลอยู่ก่อนแล้วสองแห่ง
3.ต้องเป็นผู้ที่สามารถควบคุมดูแลกิจการสถานพยาบาลได้โดยใกล้ชิด
1.เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ หรือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์หรือผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ หรือผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม
หน้าที่ของผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
2.ต้องควบคุมดูแลมิให้มีการรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนเกินจำนวนเตียงตามที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
3.ต้องควบคุมดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม
1.ต้องควบคุมดูแลมิให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลที่ตนได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ดำเนินการประกอบวิชาชีพผิดสาขา
4.ต้องควบคุมดูแลสถานพยาบาลให้สะอาดเรียบร้อย ปลอดภัย
หน้าที่ร่วมกันของผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
4.ต้องควบคุมและดูแลการประกอบกิจการสถานพยาบาลให้เป็นไปตามมาตรฐาน
5.ต้องควบคุมดูแลให้มีการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉิน
3.ต้องจัดให้มีและรายงานหลักฐานเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล
6.ต้องควบคุมดูแลมิให้มีการใช้หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้สถานพยาบาลประกอบกิจการสถานพยาบาลผิดประเภท
2.ต้องจัดให้มีเครื่องมี เครื่องใช้ ยา และเวชภัณฑ์ที่จำเป็นประจำสถานพยาบาลนั้น
7.ต้องควบคุมดูแลมิให้โฆษณาเพื่อชักชวนโดยใช้ความเท็จหรือโอ้อวดเกินความจริง
1.ต้องจัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลตามวิชาชีพและจำนวนที่กำหนด
8.ต้องไม่จัดทำหรือยินยอมให้ผู้อื่นจัดทำหลักฐานเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลและค่าบริการ
โทษ
กำหนดบทลงโทษไว้ดังนี้
การปิดสถานพยาบาลชั่วคราว
3.สถานพยาบาลไม่แก้ไขปรับปรุงเครื่องมือเครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ตามที่ผู้อนุญาตมีคำสั่งภายในระยะเวลาที่กำหนด
4.ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติ
2.ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินการกระทำการหรือละเว้นกระทำการจนเป็นเหตุให้ผู้อยู่ในสถานพยาบาลหรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานพยาบาลเดือดร้อนหรือเกิดอันตราย
1.ผู้รับอนุญาตไม่ชำระค่าธรรมเนียมตามเวลาที่กำหนด
โทษทางอาญา
3.ไม่ช่วยเหลือผู้ป่วยในภาวะอันตราย
มีโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือ
ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4.โฆษณาสถานพยาบาลอันเป็นเท็จหรือโอ้อวดเกินความจริง
มีโทษ
ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทนับแต่วันที่ฝ่าฝืนจนกว่าจะระงับการโฆษณานั้น
2.ไม่จัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพ เครื่องมือ เครื่องใช้ ยาเวชภัณฑ์ไม่ควบคุมให้เป็นไปตามกฎกระทรวง
มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
5.จัดทำหลักฐานค่ารักษาพยาบาลหรือเอกสารแสดงผลการรักษาพยาบาลอันเป็นเท็จ
มีโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท
1.ไม่แสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย
มีโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
มีบทบาทดังนี้
2.ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
3.ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล
1.ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสถานพยาบาลในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิโดยคำแนะนำของสภาการพยาบาล
4.ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการและผู้ดำเนินการสถานพยาบาลประเภทต่างๆดังนี้
2.สถานพยาบาลการผดุงครรภ์
โดยสามารถรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนไม่เกิน 30 เตียง
ให้บริการมารดาและทารกก่อนคลอดและหลังคลอดการคลอดปกติ
3.สถานพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรัง
1.คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์
การดูแลมารดาและทารกก่อนคลอด-หลังคลอด
ยกเว้นทำคลอด
พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2523
โรคติดต่อ
โรคซึ่งรัฐมนตรีประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นโรคติดต่อ
โรคติดต่อต้องแจ้งความ
โรคติดต่อซึ่งรัฐมนตรีประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นโรคติดต่อต้องแจ้งความ
โรคติดต่อต้อแจ้งความ20โรค
ตัวอย่าง
อหิวาตกโรค
กาฬโรค
ไข้ทรพิษ
ไข้เหลือง
ไข้กาฬหลังแอ่น
คอตีบ
โรคบาดทะยักในทารกแรกเกิด
โปลิโอ
ไข้หวัดใหญ่
ไข้สมองอักเสบ
การแจ้งความโรคติดต่อ มาตรา 7 กำหนดเกี่ยวกับแจ้งความโรคติดต่อ
ให้บุคคลดังต่อไปนี้แจ้งเจ้าพนักงานสาธารณสุขหรือพนักงานเจ้าหน้าที่
ในกรณีมีการเจ็บป่วยโดยโรคติดต่อเกิดขึ้นในบ้านให้เป็นหน้าที่ของเจ้าบ้าน
ในกรณีที่ได้มีการชันสูตรทางแพทย์ตรวจพบว่าอาจมีเชื้ออันเป็นเหตุของโรคติดต่อให้เป็นหน้าที่ของผู้ทำการชันสูตรทางแพทย์
ในกรณีมีการป่วยโรคติดต่อในสถานพยาบาลให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบในสถานพยาบาลนั้น
กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระเกี่ยวกับการแจ้งความตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานสาธารณสุขหรือพนักงานเจ้าหน้าที่แห่งท้องที่ภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่เริ่มมีการเจ็บป่วย
เมื่อมีโรคติดต่ออันตราย หรือโรคติดต่อต้องแจ้งความเกิดขึ้น
การแจ้งความ
ดำเนินการดังนี้
ผู้ทำการชันสูตรทางแพทย์ที่ได้มีการชันสูตรทางแพทย์ต้องแจ้งชื่อ ที่อยู่ และสถานที่ทำงานของตนชื่อ อายุ ที่อยู่ และสถานที่ทำงานของ ผู้ส่งวัตถุตัวอย่างการวินิจฉัยโรคขั้นต้น และผลการชันสูตร
แพทย์ผู้ทำการรักษาต้องแจ้งชื่อที่อยู่และสถานที่ทำงานของตนชื่อ อายุ ที่อยู่ของผู้ป่วย สถานที่ที่ผู้ป่วยพักรักษาตัวอยู่ วันเริ่มป่วย และอาการสำคัญของผู้ป่วยวันแรกรับไว้รักษา
เจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้าน ต้องแจ้งชื่อและที่อยู่ของตนความสัมพันธ์กับผู้ป่วย ชื่อ อายุ และ ที่อยู่ของผู้ป่วยสถานที่ที่ผู้ป่วยพักรักษาตัวอยู่ วันเริ่มป่วย และอาการสำคัญของผู้ป่วย
ผู้รับแจ้งความโรคติดต่อ
นายอำเภอเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตจังหวัดนั้นๆ
นายกเทศมนตรี หัวหน้าฝ่ายสาธารณสุข ประธานกรรมการสุขาภิบาลและหัวหน้าฝ่ายสาธารณสุขสุขาภิบาล
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เฉพาะเขตเทศบาลหรือสุขาภิบาลนั้นๆ
ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตจังหวัดนั้นๆ
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เฉพาะในเขตตำบลหรือหมู่บ้านนั้นๆ
หัวหน้าฝ่ายสาธารณสุขเมืองพัทยา
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เฉพาะในเขตเมืองพัทยา
ผู้มีอำนาจในการควบคุมโรคติดต่อตาม พ.ร.บ ฉบับนี้
ผู้ว่าราชการ-จังหวัด
เจ้าพนักงานสาธารณสุข
รัฐมนตรี
พนักงานเจ้าหน้าที่
ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อ
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตกรุงเทพมหานคร
กฎหมายกำหนดกฎเกณฑ์ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
2.หากมีโรคติดต่อเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรรัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีประกาศให้ท้องที่หรือเมืองท่าในต่างประเทศนั้นๆเป็นเขตติดโรค
3.ค่าใช้จ่ายต่างๆที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขในการควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
1.กำหนดให้ช่องทางและด่านตรวจคนเข้าเมืองตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
กำหนดบทลงโทษดังนี้
2.ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศหรือฝ่าฝืนเข้าไปในเขตติดโรค
มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน
ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ทั้งจำทั้งปรับ
3.ถ้าเจ้าของยานพาหนะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเมื่อมีโรคติดต่อเกิดขึ้นในท้องที่
ปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
ทั้งจำทั้งปรับ
มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี
1.บุคคลใดไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานสาธารณสุขเมื่อมีโรคติดต่ออันตราย
มีโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์กับพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2523
มีบทบาทดังนี้
1.ผู้แจ้งความโรคติดต่อ
ผู้ประกอบเวชกรรมต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขภายใน 24 ชั่วโมง
2.ผู้ควบคุมการระบาดของโรค
เมื่อมีผู้ป่วยโรคติดต่ออยู่ในความดูแล
ให้ความสำคัญต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค
การแยกผู้ป่วย การเฝ้าดูอาการเมื่อมีเหตุสงสัย
พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558
ตัวอย่างคำสำคัญ
โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
โรคติดต่อที่ต้องมีการติดตาม ตรวจสอบ หรือจัดเก็บ ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
พาหะ
คนหรือสัตว์ซึ่งไม่มีอาการของโรคติดต่อปรากฏแต่ร่างกายมีเชื้อโรคนั้น
โรคติดต่ออันตราย
โรคติดต่อที่มีความรุนแรงสูงและแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว
ผู้สัมผัสโรค
คนซึ่งได้เข้าใกล้ชิดคน สัตว์ หรือสิ่งของติดโรค จนเชื้อโรคนั้นอาจติดต่อถึงผู้นั้นได้
โรคติดต่อ
โรคที่เกิดจากเชื้อโรคหรือพิษของเชื้อโรคซึ่งสามารถแพร่โดยทาง
คําแนะนำของคณะกรรมการมี
อํานาจประกาศกําหนด ดังต่อไปนี้
2.ช่องทางเข้าออกแห่งใดในราชอาณาจักรให้เป็นด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
3.การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
1.ชื่อและอาการสําคัญของโรคติดต่ออันตรายและโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
การป้องกันโรคติดต่อระหว่างประเทศจากพาหนะจากเมืองท่า นอกราชอาณาจักรที่มีโรคระบาด
พนักงานมีบทบาทดังนี้
2.ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะที่เข้ามาในราชอาณาจักรยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงาน
3.ห้ามผู้ใดเข้าไปในหรือออกจากพาหนะที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจ
1.ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะแจ้งกําหนดวันเวลา และสถานที่ที่พาหนะนั้นเข้ามาถึง
4.เข้าไปในพาหนะและตรวจผู้เดินทาง สิ่งของ หรือสัตว์ที่มากับพาหนะ แก้ไขการสุขาภิบาลของพาหนะ
5.ห้ามเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะนําผู้เดินทางซึ่งไม่ได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
หมวด ๑
มาตรา ๘
รัฐมนตรีมีอํานาจประกาศให้ท้องที่เป็นเขตติดโรคและยกเลิกประกาศเมื่อสภาวการณ์ของโรคนั้นสงบลง
มาตรา ๙
ให้อธิบดีมีอํานาจประกาศชื่ออาการสําคัญ และสถานที่ที่มีโรคระบาด
มาตรา ๗
มีอํานาจประกาศกําหนด
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดําเนินการหรือออกคําสั่ง
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการกําหนดค่าใช้จ่ายสําหรับเจ้าของพาหนะ
หลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งในกรณีที่มีโรคติดต่อ
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ผู้เดินทางต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
มาตรา ๑๐
ในกรณีที่ข้อมูลจากการเฝ้าระวังซึ่งมีการพาดพิงถึงตัวบุคคลทั้งที่ระบุตัวได้หรือไม่สามารถระบุตัวได้
ต้องเป็นความลับและประมวลผลโดยไม่เปิดเผยชื่อ
มาตรา ๖
เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ
มีอํานาจประกาศกําหนด
ช่องทางเข้าออกในราชอาณาจักร
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
ชื่อและอาการสําคัญของโรคติดต่อ
หมวด ๒
มาตราที่ ๑๕
การประชุมของคณะกรรมการ
ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
มาตรา ๑๖
ให้มีคณะกรรมการด้านวิชาการคณะหนึ่ง ประกอบด้วยประธานกรรมการ
มีกรรมการซึ่งแต่งตั้งจากผู้มีความรู้อีกจํานวนไม่เกินเจ็ดคน
มาตรา ๑๔
ให้คณะกรรมการมีอํานาจหน้าที่
ให้คําปรึกษา แนะนํา และประสานงานแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชน
ติดตาม ประเมินผล และตรวจสอบการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐ
เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวง
พิจารณาให้ความเห็นชอบหลักเกณฑ์
พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง
แต่งตั้งคณะกรรมการด้านวิชาการหรือคณะอนุกรรมการ
กําหนดนโยบายวางระบบ
ปฏิบัติการอื่นใดตามที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นบัญญัติให้เป็นอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
มาตรา ๑๗
ให้นําความในมาตรา ๑๕ มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะกรรมการด้านวิชาการและคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
มาตรา ๑๓
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตําแหน่งเมื่อ
ตัวอย่าง
ตาย
ลาออก
รัฐมนตรีให้ออก
มาตรา ๑๘
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้คณะกรรมการด้านวิชาการ และคณะอนุกรรมการ
มีอํานาจออกคําสั่งเป็นหนังสือเรียกให้บุคคลใดๆ
มาตรา ๑๒
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสามปี
มาตรา ๑๙
ให้กรมควบคุมโรคเป็นสํานักงานเลขานุการของคณะกรรมการ
คณะกรรมการด้านวิชาการ และคณะอนุกรรมการ รับผิดชอบงานธุรการ
มาตรา ๑๑
มีคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ
หมวด ๓
มาตรา ๒๐
ประกอบด้วย
ปลัดจังหวัด ประชาสัมพันธ์จังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด
นายกเทศมนตรี จํานวนหนึ่งคน และนายกองค์การบริหารส่วนตําบล จํานวนหนึ่งคน
ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ
ผู้อํานวยการโรงพยาบาลศูนย์หรือผู้อํานวยการโรงพยาบาลทั่วไป จํานวนหนึ่งคน
ผู้ดําเนินการสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล จํานวนหนึ่งคน
มาตรา ๒๑
การแต่งตั้ง วาระการดํารงตําแหน่ง และการพ้นจากตําแหน่งของกรรมการ
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกําหนด
มาตรา ๒๒
ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดมีอํานาจหน้าที่
จัดทําแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน
รายงานสถานการณ์โรคติดต่อหรือโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุ
ดําเนินการตามนโยบาย ระบบ และแนวทางปฏิบัติในการเฝ้าระวัง
แต่งตั้งคณะทํางานประจําช่องทางเข้าออกตามมาตรา ๒๓
สนับสนุน ส่งเสริม ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัด
เรียกให้บุคคลใดๆ มาให้ข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็น
ดําเนินการอื่นใดที่เกี่ยวกับการควบคุมโรคติดต่อตามที่คณะกรรมการหรือผู้ว่าราชการจังหวัดมมอบหมาย
มาตรา ๒๓
ผอ.โรงพยาบาลในสังกัดหน่วยงานของรัฐที่ดูแลรับผิดชอบช่องทางเข้าออกนั้น
เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อซึ่งประจําด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
ผู้แทนกรมปศุสัตว์ ผู้แทนกรมวิชาการเกษตร
เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบช่องทางเข้าออกนั้น
มาตรา ๒๔
ประสาน สนับสนุน และติดตามประเมินผลการดําเนินงานตามแผนใน (๑)
จัดทําแผนการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวัง
จัดทําแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
ดําเนินการอื่นใดที่เกี่ยวกับการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา ๒๕
ให้นําความในมาตรา ๑๕ มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะกรรมการ
มาตรา ๒๖
ให้มีคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร
มาตรา ๒๗
การแต่งตั้ง วาระการดํารงตําแหน่ง และการพ้นจากตําแหน่งของกรรมการ
ตามมาตรา ๒๖ (๓) (๔) และ (๕)
มาตรา ๒๘
ให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครมีอํานาจหน้าที่
จัดทําแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่ออันตราย
รายงานสถานการณ์โรคติดต่อ
ดําเนินการตามนโยบาย ระบบ และแนวทางปฏิบัติในการเฝ้าระวัง
สนับสนุน ส่งเสริม ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใน
แต่งตั้งคณะทํางานประจําช่องทางเข้าออกตามมาตรา ๒๓
เรียกให้บุคคลใดๆ มาให้ข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็น
ดําเนินการอื่นใดที่เกี่ยวกับการควบคุมโรคติดต่อตามที่คณะกรรมการหรือผู้ว่าราชการ
มาตรา ๒๙
ให้นําความในมาตรา ๑๕ มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะกรรมการโรคติดต่อ
มาตรา ๓๐
ให้นําความในมาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๔ มาใช้บังคับแก่องค์ประกอบของคณะทำงาน
หมวด ๕
มาตรา ๓๑
ตัวอย่างบุคคลที่ต้องแจ้งเมื่อมีโรคติดต่อ
เจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้านแจ้ง
ผู้รับผิดชอบในสถานพยาบาล
มาตรา ๓๒
ว่ามีเหตุสงสัยว่ามีโรคติดต่อ
ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อแจ้งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร
เมื่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อได้รับแจ้งตามมาตรา ๓๑
มาตรา ๓๓
ให้กรมควบคุมโรคประสานงานไปยังองค์การอนามัยโลกเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับโรค
หมวด ๖
มาตรา ๓๔
เมื่อเกิดโรคติดต่ออันตรายในเขตพื้นที่ใดให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่นั้นมีอํานาจที่จะดําเนินการเองหรือออกคําสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ใดดําเนินการ
มาตรา ๓๕
ในกรณีที่มีเหตุจําเป็นเร่งด่วนเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ของโรคติดต่ออันตราย
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดมีอำนาจในพื้นที่รับผิดชอบของตน
มาตรา ๓๖
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อขึ้นในทุกอําเภอหรือทุกเขตอย่างน้อยหนึ่งหน่วย
มาตรา ๓๗
ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบช่องทางเข้าออกปฏิบัติตามวิธีการเพื่อการเฝ้าระวัง
และควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
เช่นจัดการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ
มาตรา ๓๘
เมื่อมีเหตุอันสมควร ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจําด่านควบคุม
กํากับดูแลในพื้นที่นอกช่องทางเข้าออก
มาตรา ๓๙
หรือมีเหตุสงสัยว่าพาหนะนั้นมาจากท้องที่หรือเมืองท่าใดนอกราชอาณาจักรที่มีโรคระบาด
ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจําด่านควบคุมโรคติดต่อ
มาตรา ๔๐
เมื่อรัฐมนตรีประกาศให้ท้องที่หรือเมืองท่าใดนอกราชอาณาจักรเป็นเขตติดโรค
ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจําด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
มาตรา ๔๑
ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งผู้เดินทาง
หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
มาตรา ๔๒
ในกรณีที่พบว่าผู้เดินทางเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย
ให้เจ้าพนักงานมีอํานาจสั่งให้บุคคลดังกล่าวถูกแยกกัก.
มาตรา ๔๓
ให้อธิบดีมีอํานาจออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคหรือการได้รับยาป้องกัน
มาตรา ๔๔
ในกรณีที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อได้ออกคําสั่งให้ผู้ใดดําเนินการตามมาตรา ๓๔ (๓) (๔) หรือ (๕) มาตรา ๓๘ มาตรา ๓๙ (๔)
ผู้นั้นละเลยไม่ดําเนินการตามคําสั่งภายในเวลาที่กําหนดเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อมีอํานาจดําเนินการแทนได้
มาตรา ๔๕
มีหนังสือเรียกบุคคลใด ๆ มาให้ถ้อยคําหรือแจ้งข้อเท็จจริงหรือทําคําชี้แจงเป็นหนังสือ
เข้าไปในพาหนะ อาคาร หรือสถานที่ใดๆเพื่อตรวจสอบหรือควบคุมให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔๖
ให้มีเครื่องแบบ เครื่องหมาย และบัตรประจําตัวสําหรับเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
มาตรา ๔๗
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
หมวด ๘
มาตรา ๔๘
ในการดําเนินการของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
หากเกิดความเสียหายให้ทางราชการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นให้แก่ผู้นั้นตามความจําเป็น
หมวด ๙
มาตรา ๕๐
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งตามมาตรา ๓๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
มาตรา ๕๑
ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา ๓๔
(๑) (๒) (๕) หรือ (๖) มาตรา ๓๙ (๑) (๒) (๓) หรือ (๕) มาตรา ๔๐ (๕)
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
มาตรา ๔๙
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของคณะกรรมการต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๕๒
(๓) (๔) (๗) หรือ (๘) หรือมาตรา ๔๐ (๓) หรือ (๔)
ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา ๓๔
มาตรา ๕๓
ผู้ใดไม่อํานวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา ๓๘ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
มาตรา ๕๔
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา ๔๐
ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๕๕
ผู้ใดขัดขวางแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา ๔๕ วรรคสาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
มาตรา ๕๖
ผู้ใดไม่มีสิทธิที่จะสวมเครื่องแบบหากสวมใส่
ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๕๗
บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียวหรือมีโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๕๙
ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการตามมาตรา ๑๑ ยกเว้นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๑๑ (๔) ปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อน
มาตรา ๖๐
บรรดากฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ หรือคําสั่งใดที่ออกตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๕๘
ให้เจ้าพนักงานสาธารณสุขตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๒๓เป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อจนกว่าจะมีการแต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
นางสาว นวรัตน์ ร้อยอำแพง รุ่นที่ 36/1 เลขที่ 57
รหัส 612001058