Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กฎหมายสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์,…
กฎหมายสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พุทธศักราช 2541
สถานพยาบาล แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.สถานพยาบาลประเภทไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
รักษาเฉพาะผู้ป่วยไป-กลับ
คลินิก
2.สถานพยาบาลประเภทรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
รับตรวจผู้ป่วยไป-กลับ
ค้างคืน
โรงพยาบาล
การขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
คุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
1.มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
2.มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
3.ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษา
เว้นแต่
เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
4.ไม่เป็นโรคที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
5.ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
6.ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต คนไร้ความสามารถ
หน้าที่ของผู้รับอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
1.ต้องแสดงใบอนุญาตของตนไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่ายในสถานพยาบาลแห่งนั้น
2.ต้องแสดงรายละเอียดดังข้างล่างนี้ไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่ายในสถานพยาบาลนั้น
2.1ชื่อสถานพยาบาล
2.2รายการเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
การพยาบาล
การผดุงครรภ์
ทันตกรรม
2.3อัตราค่ารักษาพยาบาลและค่าบริการ
2.4สิทธิของผู้ป่วย
3.การย้ายสถานพยาบาลไปประกอบกิจการที่อื่นต้องดำเนินการเช่นเดียวกันกับการขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลใหม่
4.ถ้าประสงค์จะเลิกกิจการสถานพยาบาล
ต้องแจ้งเป็นหนังสือและจัดทำรายงานที่จะปฏิบัติเกี่ยวกับผู้ป่วยให้ผู้อนุญาตทราบล่วงหน้าอย่างน้อยสิบห้าวัน
5.ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อนุญาตที่ให้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในการเลิกกิจการ
เพื่อ
ประโยชน์และส่วนได้ส่วนเสียของผู้ป่วยสถานพยาบาลนั้น
6.ถ้าพ้นจากหน้าที่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เกินเจ็ดวัน
ผู้รับอนุญาตอาจมอบหมายให้บุคคลซึ่งมีคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตทราบภายในสามวันนับแต่วันที่เข้าดำเนินการแทน
7.ถ้ามีการเปลี่ยนตัวผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้รับอนุญาตทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนนั้น
8.ต้องไม่เรียกเก็บเงินหรือยินยอมให้มีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล
อายุใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
มีอายุจนถึงสิ้นปีปฏิทินของปีที่สิบนับแต่ปีที่ออกใบอนุญาต
การขอต่ออายุใบอนุญาตต้องยื่นคำขอก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ
ผู้รับอนุญาตยังประกอบกิจการสถานพยาบาลต่อไปได้จนกว่าผู้อนุญาตจะสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุ
คำจำกัดความ
“สถานพยาบาล”
หมายความ
ว่าสถานที่รวมตลอดถึงยานพาหนะเพื่อการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมาย
“ผู้ป่วย”
หมายความ
ว่า ผู้ขอรับบริการในสถานพยาบาล
“ผู้รับอนุญาต”
หมายความ
ว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล
“ผู้ดำเนินการ”
หมายความ
ว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาล
“ผู้ประกอบวิชาชีพ”
หมายความว่า ผู้ประกอบโรคศิลปะ
พยาบาล
การผดุงครรภ์
ทันตกรรม
เภสัชกรรม
การขออนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พุทธศักราช 2541
ผู้ขอรับใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาลต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม
1.เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ หรือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
2.ต้องไม่เป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาลอยู่ก่อนแล้วสองแห่ง
ถ้าเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนแห่งหนึ่งแล้ว
จะเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาลที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่งไม่ได้
แต่จะขออนุญาตเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาลประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่งได้
3.ต้องเป็นผู้ที่สามารถควบคุมดูแลกิจการสถานพยาบาลได้โดยใกล้ชิด
หน้าที่ของผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
1.ต้องควบคุมดูแลมิให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลที่ตนได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ดำเนินการ
ต้องควบคุมดูแลมิให้ผู้อื่นซึ่งไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพมาประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลที่ตนเป็นผู้ดำเนินการ
2.ต้องควบคุมดูแลมิให้มีการรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนเกินจำนวนเตียงตามที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
3.ต้องควบคุมดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล
4.ต้องควบคุมดูแลสถานพยาบาลให้สะอาดเรียบร้อย
ปลอดภัยและมีลักษณะอันเหมาะสมแก่การใช้เป็นสถานพยาบาล
หน้าที่ร่วมกันของผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
1.ต้องจัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลตามวิชาชีพและจำนวนที่กำหนดในกฎกระทรวงตลอดเวลาทำการ
2.ต้องจัดให้มีเครื่องมี เครื่องใช้ ยา และเวชภัณฑ์
3.ต้องจัดให้มีและรายงานหลักฐานเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล
และต้องเก็บรักษาไว้ให้อยู่ในสภาพที่ตรวจสอบได้ไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันที่จัด
4.ต้องควบคุมและดูแลการประกอบกิจการสถานพยาบาลให้เป็นไปตามมาตรฐาน
5.ต้องควบคุมดูแลให้มีการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉิน
6.ต้องควบคุมดูแลมิให้มีการใช้หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้สถานพยาบาลประกอบกิจการสถานพยาบาลผิดประเภท
7.ต้องควบคุมดูแลมิให้โฆษณาหรือยินยอมให้ผู้อื่นโฆษณาชื่อ
ผู้มาขอรับบริการจากสถานพยาบาลของตนโดยใช้ความเท็จหรือโอ้อวดเกินความจริง
8.ต้องไม่จัดทำหรือยินยอมให้ผู้อื่นจัดทำหลักฐานเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลและค่าบริการเอกสารแสดงการตรวจโรค
กับการรักษาพยาบาลอันเป็นเท็จ
โทษ
การปิดสถานพยาบาลชั่วคราว
1.ผู้รับอนุญาตไม่ชำระค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานพยาบาลตามเวลาที่กำหนด
2.ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินการกระทำการหรือละเว้นกระทำการจนเป็นเหตุให้ผู้อยู่ในสถาน
พยาบาลหรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานพยาบาลเดือดร้อนหรือเกิดอันตราย
3.สถานพยาบาลไม่แก้ไขปรับปรุงการประกอบกิจการ เครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ ตามที่ผู้อนุญาตมีคำสั่งภายในระยะเวลาที่กำหนด
4.ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติ
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้สั่งให้ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินการแล้วแต่กรณี
โทษทางอาญา
1.ไม่แสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย
ไม่มีชื่อสถานพยาบาล ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ ประกอบวิชาชีพ
ไม่แจ้งอัตราค่ารักษาพยาบาลและไม่แจ้งสิทธิผู้ป่วยมีโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
2.ไม่จัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพ
เครื่องมือ เครื่องใช้ ยาเวชภัณฑ์ ไม่จัดทำรายงานการรักษาพยาบาลไม่ควบคุมและดูแลสถานพยาบาลให้เป็นไปตามกฎกระทรวง
มีโทษจำคุกไม่เกิน
หนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.ไม่ช่วยเหลือผู้ป่วยในภาวะอันตรายและไม่ช่วยเหลือ
มีโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือ
ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4.โฆษณาสถานพยาบาลอันเป็นเท็จหรือโอ้อวดเกินความจริง
มีโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาทและปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทนับแต่วันที่ฝ่าฝืนจนกว่าจะระงับการโฆษณานั้น
5.จัดทำหลักฐานค่ารักษาพยาบาลหรือเอกสารแสดงผลการรักษาพยาบาลอันเป็นเท็จ
มีโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ผู้ประกอบวิชาชีพอาจมีบทบาทได้ดังต่อไปนี้
1.ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสถานพยาบาลในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิโดยคำแนะนำของสภาการพยาบาล
2.ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
3.ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล
4.ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการและผู้ดำเนินการสถานพยาบาลประเภทต่างๆดังนี้
1.คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ให้บริการด้านการพยาบาล
การดูแลมารดาและทารกก่อนคลอด
และหลังคลอด ยกเว้นการทำคลอด
2.สถานพยาบาลการผดุงครรภ์
ให้บริการมารดาและทารกก่อนคลอดและหลังคลอดการคลอดปกติ
สามารถรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนไม่เกิน 30 เตียง
3.สถานพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรัง
ให้บริการผู้ป่วยเรื้อรังโดยวิธีการทางการพยาบาล
พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พุทธศักราช2523
“โรคติดต่อ”
โรคซึ่งรัฐมนตรีประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นโรคติดต่อ
“พาหะ”
คนหรือสัตว์ ซึ่งไม่มีอาการของโรคติดต่อปรากฎแต่ร่างกายมีเชื้อโรค
นั้นซึ่งอาจติดต่อถึงผู้อื่นได้
“ระยะติดต่อของโรค”
ระยะเวลาที่เชื้อโรค
สามารถจะแพร่จากคนหรือสัตว์ที่มีเชื้อโรคไปยังผู้อื่นได้
“คุมไว้สังเกต”
การควบคุมดูแลผู้สัมผัสหรือ
พาหะโดยไม่กักกัน
“เขตติดโรค”
ท้องที่หนึ่งท้องที่ใด ในหรือนอก
ราชอาณาจักรที่มีโรคติดต่อเกิดขึ้น
“การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค”
การกระทำทางการแพทย์โดยวิธีใดๆก็ตาม คนหรือสัตว์นั้นเกิดอำนาจต้านทานโรค
“ที่เอกเทศ”
หรือมีเหตุผลสงสัยว่าป่วยเป็นโรคติดต่อใดๆเพื่อป้องกันและควบคุมมิให้โรคนั้นแพร่หลายกักกันคนหรือสัตว์ที่ป่วย
“เจ้าพนักงานสาธารณสุข”
เจ้าพนักงานซึ่งได้รับแต่งตั้งให้มีหน้าที่ตรวจตราดูแลและรับผิดชอบในการ
สาธารณสุขโดยทั่วไป
โรคติดต่อต้อแจ้งความ20โรค
ในกรณีมีการป่วยหรือมีเหตุสงสัยว่าได้มีการป่วยด้วยโรคติดต่อดังกล่าวเกิดขึ้นในสถานพยาบาลให้เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบในสถานพยาบาลนั้น
ในกรณีที่ได้มีการชันสูตรทางแพทย์ตรวจพบว่าอาจมีเชื้ออันเป็นเหตุของโรคติดต่อดังกล่าวให้เป็นหน้าที่ของผู้ทำการชันสูตรทางแพทย์
ผู้ส่งวัตถุตัวอย่าง
การวินิจฉัยโรคขั้นต้น และผลการชันสูตร
การแจ้งความ ดำเนินการดังนี้
เจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้าน
ต้องแจ้งชื่อและที่อยู่ของตน
ความสัมพันธ์กับผู้ป่วย
วันเริ่มป่วย และอาการสำคัญของผู้ป่วย
ผู้รับแจ้งความโรคติดต่อ
ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อ
สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตกรุงเทพมหานคร
กฎหมายกำหนดกฎเกณฑ์ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
1.กำหนดให้ช่องทางและด่านตรวจคนเข้าเมืองตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
2.ถ้าหากปรากฎว่ามีโรคติดต่ออันตรายเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรรัฐมนตรี
รัฐมนตรีมอบหมายมีอำนาจประกาศให้ท้องที่หรือเมืองท่าในต่างประเทศนั้นๆเป็นเขตติดโรค
3.ค่าใช้จ่ายต่างๆที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขในการควบคุม
โทษ
1.บุคคลใดไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานสาธารณสุข
เมื่อมีโรคติดต่ออันตรายหรือมีเหตุสงสัยว่าได้มีโรคติดต่อเกิดขึ้น
มีโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
2.ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศ
เกิดโรคติดต่ออันตรายขึ้นในบ้าน โรงเรือนหรือฝ่าฝืนเข้าไปใน
เขตติดโรค
มีโทษจำคุกไม่เกินหก
เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
3.ถ้าเจ้าของยานพาหนะหรือผู้ควบคุมยานพาหนะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานสาธารณสุข
มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำ
ทั้งปรับ
ผู้ประกอบวิชาชีพอาจมีบทบาท
1.ผู้แจ้งความโรคติดต่อ
ผู้ประกอบวิชาชีพซึ่งเป็นผู้ตรวจพบหรือรับผิดชอบสถานพยาบาล
ต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เมื่อพบหรือมีเหตุสงสัยว่าได้มีการป่วย
2.ผู้ควบคุมการระบาดของโรค
ผู้ประกอบวิชาชีพต้องให้
ความสำคัญต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การแยกผู้ป่วย
การเฝ้าดูอาการเมื่อมีเหตุสงสัย
ว่าอาจเป็นโรคติดต่อ
การเคร่งครัดต่อมาตรฐานความปลอดภัยจะช่วยป้องกันกาแพร่ระบาดของโรคติดต่อ
พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพุทธศักราช2545
บริการสาธารณสุข
บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขซึ่งให้โดยตรงแก่บุคคลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ
การตรวจวินิจฉัยโรค
การรักษาพยาบาล
สถานบริการ
สถานบริการสาธารณสุขของรัฐของเอกชน และ ของสภากาชาดไทย
หน่วยบริการ
สถานบริการที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ตามพระราชบัญญัตินี
เครือข่ายหน่วยบริการ
หน่วยบริการที่รวมตัวกันและขึ้นทะเบียน
สิทธิการรับบริการสาธารณสุข
มาตรา 5
บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพตามที่กำหนด
มาตรา 6
บุคคลใดประสงค์จะใช้สิทธิตามมาตรา5
ให้ยื่นคำขอลง
ทะเบียนต่อสำนักงานหรือหน่วยงานที่สำนักงานกำหนด
มาตรา 38
ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งใน
สํานักงานหลักประกันสุขภาพ
มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
สนับสนุน ให้ใช้จ่ายเงินกองทุน
คํานึงถึงการพัฒนาการบริการสาธารณสุขในเขตพื้นที่ที่ไม่มี
“กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ”
มาตรา 42
ในกรณีที่ผู้รับบริการได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลของหน่วยบริการ
โดยหาผู้กระทำผิดได้แต่ยังไม่ได้รับค่าเสียหายภายในระยะเวลาอันสมควรตามมาตรา41
สำนักงานได้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้รับบริการไปแล้ว
สำนักงานมีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผู้กระทำผิดได้
มาตรา 60
เป็นการกระทําผิดร้ายแรงหรือเกิดซ้ําหลายครั้ง
ให้เลขาธิการรายงานต่อคณะกรรมการควบคุม
1.สั่งเพิกถอนการขึ้นทะเบียนของหน่วยบริการนั้น
2.แจ้งต่อรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลเพื่อ พิจารณา
3.แจ้งต่อรัฐมนตรีผู้กํากับดูแลเพื่อให้มีการดําเนินการทางวินัยแก่ผู้บริหารของ
4.แจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการสอบสวนและวินิจฉัยชี้ขาดข้อกล่าวหา
และให้มีการ
ดําเนินการทางวินัยในกรณีที่ผู้กระทําผิดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ
พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพุทธศักราช2550
“สุขภาพ”
ภาวะของมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางปัญญา และทางสังคม
“ปัญญา”
ความรู้ทั่ว รู้เท่าทันและความเข้าใจ
แยกได้ในเหตุผลแห่งความดี ความชั่ว
“ระบบสุขภาพ”
ระบบความสัมพันธ์ทั้งมวลที่ เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
“บริการสาธารณสุข”
การสร้างเสริมสุขภาพการป้องกันและควบคุมโรคและปัจจัยที่คุกคามสุขภาพ
“สมัชชาสุขภาพ”
กระบวนการที่ให้ประชาชนและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
สิทธิและหน้าที่ด้านสุขภาพ
มาตรา 5
บุคคลมีสิทธิในการ ดํารงชีวิตในสิ่งแวดล้อมและ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ
มาตรา 6
สุขภาพของหญิงในด้านสุขภาพทางเพศและสุขภาพของระบบเจริญพันธุ์ซึ่งมีความจําเพาะ
ต้องได้รับการสร้างเสริม คุ้มครองอย่าง สอดคล้องและเหมาะสม
มาตรา 7
ข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล เป็นความลับส่วนบุคคล
นําไปเปิดเผยในประการที่น่าจะทําให้บุคคลนั้นเสียหายไม่ได้
จากข้อความที่กล่าวมามิให้ใช้บังคับกับกรณีดังต่อไปนี้
ผู้รับบริการอยู่ในภาวะที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
จําเป็นต้องให้ความช่วยเหลือเป็นการรีบด่วน
ผู้รับบริการไม่อยู่ในฐานะที่จะรับทราบข้อมูลได้
ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ
1.ปรัชญาและแนวคิดหลักของระบบสุขภาพ
2.คุณลักษณะที่พึงประสงค์และเป้าหมายของระบบสุขภาพ
3.คุณลักษณะที่พึงประสงค์และเป้าหมายของระบบสุขภาพ
4.การสร้างเสริมสุขภาพ
5.การป้องกันและควบคุมโรคและปัจจัยที่คุกคามสุขภาพ
6.การบริการสาธารณสุขและการควบคุมคุณภาพ
7.การส่งเสริม สนับสนุน การใช้และการพัฒนาภูมิปัญญา ท้องถิ่น
8.การคุ้มครองผู้บริโภค
9.การสร้างและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านสุขภาพ
10.การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ
11.การผลิตและการพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข
12.การเงินการคลังด้านสุขภาพ
พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พุทธศักราช2558
“โรคติดต่อ”
โรคที่เกิดจากเชื้อโรคหรือพิษของเชื้อโรคซึ่งสามารถแพร่โดยทาง
ตรง หรือทางอ้อมมาสู่คน
“โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง”
โรคติดต่อที่ต้องมีการ
ติดตาม ตรวจสอบ หรือจัดเก็บ ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
“โรคระบาด”
โรคติดต่อหรือโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคแน่ชัดอาจแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
“การสอบสวนโรค”
กระบวนการเพื่อหาสาเหตุ
แหล่งที่เกิดและแหล่งแพร่ของโรค
การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อรัฐมนตรีให้คําแนะนําของคณะกรรมการมีอํานาจประกาศกําหนด
1.ชื่อและอาการสําคัญของโรคติดต่ออันตรายและโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
2.ช่องทางเข้าออกแห่งใดในราชอาณาจักรให้เป็นด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
3.การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศโรคติดต่อประจําด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศมีอํานาจหน้าที่
1.ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะแจ้งกําหนดวัน เวลา และสถานที่ที่พาหนะนั้นๆ
2.ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะที่เข้ามาในราชอาณาจักรยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงาน
3.ห้ามผู้ใดเข้าไปในหรือออกจากพาหนะที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจ
4.เข้าไปในพาหนะและตรวจผู้เดินทางสิ่งของ หรือสัตว์ที่มากับพาหนะ ตรวจตราและควบคุม
5.ห้ามเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะนําผู้เดินทางซึ่งไม่ได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
นางสาว สโรชา ยาวิใจ เลขที่35 รุ่น36/2