Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กฎหมายสาธารณสุขอื่นที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ…

- - - - ต้องเป็นการปฏิบัติราชการ หรืออยู่ในสถานพยาบาลของราชการเท่านั้น
      - บุคคลที่ได้รับมอบหมายตามระเบียบนี้ต้องอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
      - เพื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการหรือเงื่อนไขที่ระเบียบนี้กำหนด
    - - ผู้ช่วยพยาบาลเเละผดุงครรภ์ ผู้ช่วยพยาบาลเเละจิตเวช
      - พนักงานสุขภาพชุมชน
      - ผู้สำเร็จประกาศนียบัตรสาธารณสุขศาสตร์
      - ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ชั้นสอง
        
        2.ด้านอายุรกรรม ให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้น เพื่อบรรเทาอาการของโรค
        
        3.การรักษาพยาบาลอื่น
        
        การฉีดเซรุ่มเเก้พิษงู
        
        การสวนปัสสาวะ
        
        การให้น้ำเกลือในผู้ป่วยท้องเดินรุนเเรง
        
        การสวนล้างกระเพาะอาหารโดยใช้สายยางในรายที่สงสัยว่ารับประทานสารพิษ
        
        4.ด้านศัลยกรรม
        
        เย็บบาดแผลที่ไม่สาหัส
        
        ชะล้าง ทำแผล ตกเเต่งบาดแผล
        
        ผ่าฝี
        
        ผ่าเอาสิ่งแปลกปลอมซึ่งอยู่ในตำเเหน่งซึ่งไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญของร่างกายออก โดยฉีดยาระงับความรู้สึกทางผิวหนัง
        
        1.ด้านสูตินรีเวชกรรม
        
        การวางแผนครอบครัว การฉีดยาคุมเเละจ่ายยาเม็ดคุมกำเนิด
        
        การเจาะโลหิตจากปลายนิ้วหรือหลอดเลือดดำเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือเพื่อบริจาคเข้าธนาคารเลือด
        
        การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโรค
        
        ทำการช่วยเหลือในกรณีที่จะมีการทำเเท้ง หรือหลังเเท้งเเล้ว
        
        ทำคลอดในรายปกติ
        
        ทำการช่วยเหลือขั้นต้นในรายที่มีการคลอดผิดปกติ
        
        ให้การปฐมพยาบาลเกี่ยวกับการได้รับสารพิษ เเละสัตว์มีพิษกัดต่อย การเเพ้ยา การเเพ้เซรุ่ม
        
        5.ให้ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ทำการประกอบวิชาชีพเวชชกรรมได้ เเละกระทำการด้านการวางแผนครอบครัว ใส่เเละถอดห่วงอนามัย
        
        ผู้ขอรับการใส่ห่วงอนามัยได้คลอดบุตรมาเเล้ว 45-60 วัน เเละยังไม่มีประจำเดือน
        
        ผู้ขอรับการใส่ห่วงอนามัยได้คลอดหรือเเท้งลูกมาเเล้ว 30 วัน เเละยังไม่มีประจำเดือน
        
        ได้ทดสอบผู้ขอรับการใส่ห่วงอนามัยเเล้วว่าไม่ตั้งครรภ์
        
        6.ให้ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นสอง ผู้มีวุฒิประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาลหรือประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาลเเละจิตเวช ทำการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
        
        7.ให้ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล หรือผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลผดุงครรภ์ ซึ่งได้ผ่านการอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวกับการผ่าตัดทำหมันหญิงหลังคลอด หรือหลักสูตรที่เกี่ยวกับการใส่เเละถอดยาฝังคุมกำเนิด ซึ่งผ่านการอบรมของกระทรวงสาธารณสุขเเล้ว ทำการผ่าตัดทำหมันหญิงหลังคลอดหรือใส่เเละถอดยาฝังคุมกำเนิดได้ เเล้วเเต่กรณี
        
        8.ได้รับประกาศนียบัตรการศึกษาหรืออบรมในหลักสูตรวิสัญญีพยาบาลจากกระทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร หรือสถาบันการศึกษาของรัฐบาล ทำการให้ยาสลบเฉพาะการให้สลบชนิด gerneral anesthesia ทั้งนี้ต้องอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่
        
        9.ให้บุคคลซึ่งได้ผ่านการศึกษาหรือฝึกอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวกับวิชาวิทยาศาสตร์การเเพทย์ทำการประกอบวิชาชีพได้
        
        10.ให้บุคคลซึ่งได้ผ่านการอบรมตามหลักสูตรการผดุงครรภ์โบราณของกระทรวงสาธารณสุขทำการรับฝากครรภ์เเละทำคลอดในรายปกติได้
        
        11.ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านซึ่งได้ผ่านการอบรม ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถจากกระทรวงสาธารณสุข เเละกระทรวงสาธารณสุขยังเเต่งตั้งให้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านอยู่ทำการประกอบวิชาชีพเวชกรรมเเละใช้ยาได้
        
        12.ให้อาสาสมัครของสมาคมวางแผนครอบครัวเเห่งประเทศไทยหรือาสาสมัครของสมาคมพัฒนาประชากรเเละชุมชน ซึ่งได้ผ่านการอบรมจากสถาบันดังกล่าวเเละได้รับหนังสือรับรองความรู้ ความสามารถจากกระทรวงสาธารณสุข เเละกระทรวงสาธารณสุขยังเเต่งตั้งให้เป็นอาสาสมัครของสมาคมดังกล่าวอยู่ ทำการจ่ายยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีตราของสมาคมประทับที่แผงยาได้
        
        13.การใช้ยาตามบัญชียา ให้บุคคลที่ทำการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ใช้ยาตามบัญชียาที่หน่วยราชการของกรทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์กรบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล สุขาภิบาล องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น หรือสภากาชาดไทยกำหนด ทั้งนี้ต้องไม่เกินรายการบัญชียาสามัญประจำบ้าน ตามกฎหมายว่าด้วยยา รายการยาสถานีอนามัยเเละรายการสมุนไพรสำหรับงานสาธารณสุขมูลฐาน
      - พนักงานอนามัย
      - พนักงานสาธารณสุข
      - อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)
    - - 1.ให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้น ตามวิธีการที่กำหนดไว้ในเบบเรียนด้วยตนเองของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อบรรเทาอาการหรือโรค
        
        ไข้ตัวร้อน ไข้เเละมีผื่น หรือจุด ไข้จับสั่น ไอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอว ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเดิน พยาธิลำไส้ ฝี ผื่นคันบนผิวหนัง ปวดฟัน เหงือกอักเสบ เจ็บตา เหน็บชา เเละโลหิตจาง
      - 2.ให้การปฐมพยาบาลเกี่ยวกับบาดแผลสด กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เป็นลม ชัก จมน้ำ งูกัด สุนัขกัด หรือสัตว์อื่นกัด ไฟฟ้าดูดเเละได้รับสารพิษ
      - 3.เจาะโลหิตเพื่อตรวจหาเชื้อไข้จับสั่น การใช้ยา โดยใช้ยา
        
        ยาที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม สั่งให้จ่ายให้เเก่คนไข้เฉพาะราย เเละเฉพาะคราว
        
        ยาสมุนไพรที่กำหนดในเเบบเรียนด้วยตนเองของกระทรวงสาธารณสุขในงารสาธารณสุขมูลฐาน
        
        ยาสามัญประจำบ้านตามกฎหมายว่าด้วยยา
- - - - 1.สถานพยาบาลประเภทไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน รักษาเฉพาะผู้ป่วยไป-กลับ เช่น คลินิก
      - 2.สถานพยาบาลประเภทรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน รับตรวจผู้ป่วยไป-กลับ เเละค้างคืน เช่น โรงพยาบาล
  - - - ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษา หรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายถึงที่สุดให้จำคุก เว้นเเต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
      - ไม่เป็นโรคที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
      - มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
      - ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
      - มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
      - ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
  - - - รายการเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม การพยาบาล การผดุงครรภ์ ทันตกรรม เภสัชกรรมหรือผู้ประกอบโรคศิลปะ ซึ่งประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลนั้น
      - อัตราค่ารักษาพยาบาลเเละค่าบริการ
      - ชื่อสถานพยาบาล
      - สิทธิของผู้ป่วย
  - - - ไม่ช่วยเหลือผู้ป่วยในภาวะอันตรายเเละไม่ช่วยเหลือ เพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่มีความเหมาะสมตามความจำเป็นหรือความต้องการของผู้ป่วย มีโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
      - โฆษณาสถานพยาบาลอันเป็นเท็จหรือโอ้อวดเกินความจริง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด มีโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท เเละปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทนับตั้งเเต่วันที่ฝ่าฝืนจนกว่าจะระงับบการโฆษณานั้น
      - ไม่จัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพ เครื่องมือ เครื่องใช้ ยาเวชภัณฑ์ ไม่จัดทำรายงานรักษาพยาบาล ไม่ควบคุมเเละดูเเลสถานพยาบาลให้เป็นไปตามกฎกระทรวง มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
      - จัดทำหลักฐานค่ารักษาพยาบาลหรือเอกสารเเสดงผลการรักษาพยาบาลอันเป็นเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
      - ไม่เเสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย ไม่มีชื่อสถานพยาบาล ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่เเจ้งอัตราค่ารักษาพยาบาลเเละไม่เเจ้งสิทธิผู้ป่วยมีโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
    - - ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินการกระทำหรือละเว้นกระทำการจนเป็นเหตุให้ผู้อยู่ในสถานพยาบาลหรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานพยาบาลเดือดร้อนหรือเกิดอันตราย
      - สถานพยาบาลไม่เเก้ไขปรับปรุงการประกอบกิจการ เครื่องมือ เครื่องใช้ ยาเเละเวชภัณฑ์ตามที่ผู้อนุญาตมีคำสั่งภายในระยะเวลาที่กำหนด
      - ผู้รับอนุญาตไม่ชำระค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานพยาบาลตามเวลาที่กำหนด
      - ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญติ เเละพนักงานเจ้าหน้าที่ได้สั่งให้ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินการเเล้วเเต่กรณี ระงับการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องนั้น หรือปฏิบัติเสียให้ถูกต้องภายในเวลาที่เห็นสมควร เเต่ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินการไม่ปฏิบัติภายในเวลาที่กำหนด
  - - - สถานพยาบาลการผดุงครรภ์ ให้บริการมารดาเเละทารกก่อนคลอดเเละหลังคลอดการคลอดปกติ การส่งเสริมสุขภาพเเละการอนามัยเเม่เเละเด็ก โดยสามารถรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนไม่เกิน 30 เตียง
      - สถานพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรัง ให้บริการผู้ป่วยเรื้อรังโดยวิธีทางการพยาบาล ซึ่งหน้าที่ของผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลตามบทบาทหน้าที่
      - คลินิกการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ให้บริการด้านการพยาบาล การดูเเลมารดาเเละทารกก่อนคลอดเเละหลังคลอด ยกเว้นการทำคลอด
- - - - หัวหน้าฝ่ายสาธารณสุข ประธานกรรมการสุขาภิบาล เเละหัวหน้าฝ่ายสาธารณสุขสุขาภิบาล เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เฉพาะเขตเทศบาลหรือสุขาภิบาลนั้นๆเเล้วเเต่กรณี
    - - เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เฉพาะในเขตตำบลหรือหมู่บ้านนั้นๆเเล้วเเต่กรณี
    - - รัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าพนักงานสาธารณสุข เเละพนักงานเจ้าหน้าที่
  - - - โรคติดต่อซึ่งรัฐมนตรีประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นโรคติดต่อต้องเเจ้งความ เเละให้หมายความรวมถึงโรคติดต่อ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศไว้ให้เป็นโรคติดต่อต้องเเจ้งความด้วย
    - - คนหรือสัตว์ ซึ่งไม่มีอาการของโรคติดต่อปรากฎเเต่ร่างกายมีเชื้อโรคนั้นซึ่งอาจติดต่อถึงผู้อื่นได้
    - - โรคซึ่งรัฐมนตรีประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นโรคติดต่อเเละให้ความหมายรวมถึงโรคซึ่งรัฐมนตรี หรือผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นโรคติดต่อด้วย
    - - คนซึ่งได้ใกล้ชิด คน สัตว์ หรือสิ่งของ ติดโรค จนเชื้อโรคนั้นอาจติดต่อถึงผู้อื่นได้
    - - ระยะเวลาตั้งเเต่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจนถึงเวลาที่ผู้ติดโรคเเสดงอาการป่วยของโรคนั้น
    - - ระยะเวลาที่เชื้อโรคสามารถเเพร่จากคนหรือสัตว์ที่มีเชื้อโรคไปยังผู้อื่นได้ โดยทางตรงหรือทางอ้อม
    - - การเเยกผู้สัมผัสโรคหรือพาหะ ออกไว้ต่างหากจากผู้อื่นในเอกเทศ เเละตามภาวะอันจะป้องกันมิให้เชื้อโรคเเพร่หลายโดยทางตรงหรือทางอ้อมไปยังผู้ซึ่งอาจได้รับเชื้อโรคนั้นๆได้จนกว่าจะพ้นระยะติดต่อของโรค
    - - การเเยกผ๔ู้สัมผัสโรค หรือพาหะให้อยู่ในที่เอกเทศจนกว่าจะพ้นระยะฟักตัวของโรคนั้นๆ
    - - การควบคุมดูเเลผู้สัมผัสหรือพาหะโดยไม่กักกัน อาจจะถอนอนุญาตให้ผ่านไปในที่ใดๆก็ได้โดยมีเงื่อนไขว่า เมื่อไปถึงท้องที่กำหนดไว้ ผู้นั้นต้องเเสดงตัวต่อเจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำท้องถิ่นนั้น เพื่อรับการตรวจในทางเเพทย์
    - - ท้องที่หนึ่งท้องที่ใด ในหรือนอกราชอาณาจักรที่มีโรคติดต่อเกิดขึ้น ตามที่รัฐมนตรี หรือผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศในท้องที่นั้นๆเป็นเขตโรคติดต่อ
    - - สัตว์ คน หรือวัตถุ ซึ่งใช้ในการขนส่งคน สัตว์หรือส่งของทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ
    - - ผู้รับผิดชอบในการควบคุมพาหนะ
    - - คนซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร รวมทั้งผู้ควบคุมพาหะ เเละคนประจำพาหะ
    - - เจ้าพนักงานซึ่งได้รับเเต่งตั้งให้มีหน้าที่ตรวจตราดูเเล เเละรับผิดชอบในการสาธารณสุขโดยทั่วไป หรือเฉพาะท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง
    - - ผู้ซึ่งรัฐมนตรีเเต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
    - - ที่ใดๆซึ่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขกำหนดให้เป็นที่สำหรับเเยกกัก หรือกักกันคนหรือสัตว์ที่ป่วยหรือมีเหตุผลสงสัยว่าป่วยเป็นโรคติดต่อใดๆ เพื่อป้องกันเเละควบคุมมิให้โรคนั้นเเพร่หลาย
    - - รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
    - - การกระทำทางการเเพทย์โดยวิธีใดๆก็ตาม ต่อคนหรือสัตว์เพื่อให้คนหรือสัตว์นั้นเกิดอำนาจต้านทานโรค
- - - - โรคติดต่อที่มีความรุนเเรงสูงเเละสามารถเเพร่ไปสู่ผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว
    - - โรคติดต่อที่ต้องมีการติดตาม ตรวจสอบ หรือจัดเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
    - - โรคที่เกิดขึ้นจากเชื้อโรคหรือพิษของเชื้อโรคซึ่งสามารถเเพร่โดยทางตรง หรือทางอ้อมมาสู่คน
    - - โรคติดต่อหรือโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคเเน่ชัด ซึ่งอาจเเพร่ไปสู่ผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วเเละกว้างขวาง หรือมีภาวะของการเกิดโรคมากผิดปกติกว่าที่เคยเป็นมา
    - - คนหรือสัตว์ซึ่งไม่มีอาการของโรคติดต่อปรากฏเเต่ร่างกายมีเชื้อโรคนั้น ซึ่งอาจติดต่อถึงผู้อื่นได้
    - - คนซึ่งได้เข้าใกล้ชิดคน สัตว์ หรือสิ่งของติดโรค จนเชื้อโรคนั้นอาจติดต่อถึงผู้นั้นได้
    - - ระยะเวลาที่เชื้อโรคสามารถเเพร่จากคนหรือสัตว์ที่มีเชื้อโรคไปยังผู้อื่นได้โดยทางตรงหรือทางอ้อม
    - - การเเยกผู้สัมผัสโรคหรือพาหะไว้ต่างหากจากผู้อื่นในที่เอกเทศ เพื่อป้องกันมิให้เชื้อโรคเเพร่โดยทางตรงหรือทางอ้อมไปยังผู้ซึ่งอาจได้รับเชื้อโรคนั้นๆ ได้จนกว่าจะพ้นระยะติดต่อของโรค
    - - การควบคุมผู้สัมผัสโรคหรือพาหะให้อยู่ในที่เอกเทศ เพื่อป้องกันมิให้เชื้อโรคเเพร่โดยทางตรงหรือทางอ้อมไปยังผู้ซึ่งอาจได้รับเชื้อโรคนั้นๆได้ จนกว่าจะพ้นระยะฟักตัวของโรค หรือจนกว่าจะพ้นความเป็นพาหะ
    - - การควบคุมดูเเลผู้สัมผัสโรคหรือพาหะโดยไม่กักกันเเละอาจจะอนุญาตให้ผ่านไปในที่ใดๆก็ได้ โดยมีเงื่อนไขว่าเมื่อไปถึงท้องที่กำหนดไว้ ผู้นั้นต้องเเสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อประจำท้องที่นั้นเพื่อรับการตรวจในทางการเเพทย์ เพื่อป้องกันมิให้เชื้อโรคเเพร่โดยทางตรงหรือทางอ้อมไปยังซึ่งอาจได้รับเชื้อโรคนั้นๆได้
    - - ระยะเวลาตั้งเเต่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจนถึงเวลาที่ผู้ติดโรคเเสดงอาการป่วยของโรคนั้น
    - - ท้องที่หรือเมืองท่าใดนอกราชอาณาจักรที่มีโรคติดต่ออันตราย หรือโรคระบาดเกิดขึ้น
    - - กระบวนการเพื่อหาสาเหตุเเหล่งที่เกิดเเละเเหล่งเเพร่ของโรค เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรค
    - - ยานพาหนะ สัตว์ หรือวัตถุซึ่งใช้ในการขนส่งคน สัตว์ หรือสิ่งของ โดยทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ
    - - ตัวเเทนเจ้าของผู้เช่า ตัวเเทนผู้เช่า หรือผู้ครอบครองพาหนะนั้น
    - - ผู้รับผิดชอบในการควบคุมพาหนะ