Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Abnormality of power - Coggle Diagram
Abnormality of power
Abnormality of secondary power or force
ความหมาย
ความผิดปกติของแรงเบ่งดลอดคือ ภาวะแรงเบ่งน้อยไม่มีแรงเบ่ง หรอื เบ่งคลอดไม่ถูกต้อง
สาเหต
1.การเบ่งคลอดไม่ถูกวิธิ เช่น ไม่ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเบ่งใช้เวลาเบ่งแต่ละครั้งสั้นหรือนานเกินไป
2.ท่าเบ่งคลอดไม่เหมาะสม เช่น ดิ้นไปมา หนีบขาหรือเกร็งกล้ามเนื้อช่องคลอดหรือฝีเย็บขณะเบ่งหรือท่าเบ่งคลอดไม่เหมาะสม คือนอนหงายราบขณะเบ่งคลอดไม่ได้ก้มศีรษะลง
3.ผู้คลอดเหนื่อยอ่อนเพลีย หมดแรง มีภาวะขาดน้ำ
เนื่องจากระยะเวลาการคลอดยาวนาน NPO ขณะคลอด
4.ผู้คลอดไดัรับยาบรรเทาปวดในปริมาณมาก หรือได้รับในระยะเวลา 1-2 ชั่วโมงก่อนคลอดจึงมาอาการง่วงนอน ไม่อยากออกแรงเบ่ง
5.ผู้คลอดเจ็บครรภ์มาก ดิ้นไปมาควบคุมตนเองไม่ได้
6.ผู้คลอดได้รyบยาชาเฉพาะที่ เช่น การได้รับยาบริเวณ sacral nerve หรือ pudendal nerve block ทําใหขัดขวางความรู้สึกอยากเบ่ง
7.ผู้คลอดอ้วนมาก ทําให้กล้ามเนื้อหน้าท้องไม่แข็งแรง
ผู้คลอดมีโรคบางอย่างที่ทําให้มีแรงเบ่งน้อย หรือมีอันตรายหากเบ่งคลอด เช่น โรคหัวใจ โรคปอดชนิดรุนแรง หรือ ซีดมาก เป็นต้น
การวินิจฉัย
1.การประเมินวิธิการเบ่งคลอดของผู้คลอด
2.การประเมินการเคลื่อนต่ำการก้มและการหมุนภายในของทารก
3.การประเมินการหดรัดตัวของมดลูก มดลูกหดรัดตัวดี
และผูู้คลอดเบ่งคลอดถูกต้อง การคลอดจะดําเนิน
ไปตามปกติ
ผลกระทบ
1.ผู้คลอดหมดแรง เหนื่อย อ่อนเพลีย ขาดน้ำจากการเบ่งคลอดนาน
2.ระยะที่ 2 ของการคลอดยาวนานเนื่องจากกลไกการเคลื่อนต่ำการก้มและการหมุนภายในของศีรษะทารกเกิดขึ้นช้า
3.ผู้คลอดเกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากการเบ่งคลอดนานซึ่งทําให้กล้ามเนื้อทํางานมาก ส่งผลให้ผลิต lactin และ piruvat ในเลือดมาก
4.ผู้คลอดเกิดตะคริวบริวณขาจากการขึ้นขาหยัง เป็นเวลานานหรือทําให้เส้นเลือดและเส้นประสาทบริเวณอุ้งเชิงกรานถูกกดทับ
5.ทารกในครรภ์อยู่ในภาวะคับขัน หรือขาดออกซิเจนได้จากระยะที่ 2 ของการคลอดยาวนาน
การรักษา
1.ภาวะแรงเบ่งน้อยหรือ เบ่งคลอดไม่ถูกควรดูแลรักษา
ด้วยการสอนวิธีการเบ่งคลอดที่ถูกต้อง
2.จัดท่าเบ่งคลอดให้เหมาะสม เชียร์เบ่งเมื่อมดลูกหดรัดตัว
3.ประเมินการเคลื่อนต่ำการก้มและการหมุนภายในของ
ทารกขณะเบ่งคลอด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1.มีโอกาสเกิดระยะที่ 2 ของการคลอดยาวนานเนื่องจากการเบ่งคลอดไม่ถูกวิธี
2.มีโอกาสเกิดอันตรายจากการเบ่งคลอดไม่ถูกวิธี
กิจกรรมการพยาบาล
1.สอนวิธิการเบ่งคลอดที่ถูกต้องตั้งแต่ไตรมาสที่ 3
ของการตั้งครรภ์ และทวนซ้ำเมื่อเข้าสู่ระยะคลอด
2.สอนและสนับสนุนผู้คลอดบรรเทาอาการปวดด้วยเทคนิคต่างๆ
3.ไม่สนับสนุนให้ผู้คลอดเบ่ง เมื่อปากมดลูกยังเปิดไม่หมด
4.ดูแลให้ได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอทุกระยะของการคลอด
5.กระตุ้นเชียร์เบ่ง เมื่อมดลูกหดรัดตัว
6.ดูแลความสุขสบายของผู้คลอด
7.ประเมินแรงเบ่งคลอด หากนานกวjา 30 นาที หรือ1ชั่วโมง
รายงานแพทย์
8.ผู้คลอดเเรงเบ่งน้อยดูแลให้ได้รับยาชาทางไขสันหลัง
9.ผู้คลอดที่ดินไปมา เจ็บครรภ์มากๆ ควรอธิบายสาเหตุบอกผลเสียของการดินไปมา
10.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกทุก 5 - 15 นาที
11.ผู้คลอดที่มีโรคประจําตัว แนะนําไม่ให้เบ่งแรงเกินไปและไม่กลั้นหายใจเบ่ง
Abnormality of primary power or force
มดลูกหดรัดตัวน้อยกว่าปกติ (Hypotonic uterine dysfunction)
สาเหตุ
1.กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวผิดปกติ
1.มดลูกมีการขยายผิดปกติ เช่น ครรภ์แฝด ทารกตัวโต
2.มดลูกมีเนื้องอก หรือมีถุงน้ำที่รังไข
2.ขาดการกระตุ้น Ferguson's reflex
1.ทารกอยู่ในท่าและส่วนนําผิดปกติ
2.Cephalopelvisdisproportion : CPD
3.ช่องเชิงกรานแคบ contracted pelvis
4.ทารกตัวเล็ก กระเพาะปัสสาวะเต็ม หรือลําไส้ใหญ่ส่วนปลายเต็ม
3.ปัจจัยอื่น ๆ
1.ได้รับยาระงับปวดก่อนปากมดลูกเปิด 3-4 cm หรือได้รับ มากเกินไป
2.การเจ็บครรภ์คลอดเป็นเวลานาน
3.มีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย ขาดสารน้ำและสารอาหาร
4.สาเหตุด้านจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิกตกกังวล
ผลกระทบ
1.เกิดการคลอดล่าช้าในระยะที่ 1
และ 2 ของการคลอด
2.มีโอกาสตกเลือดหลังคลอด
3.อาจเกิดถุงน้ำ หรือเยื่อหุ้มทารกอักเสบ
4.มีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
เกิดการคลอดยาวนาน
5.ทารกมีโอกาสขาดออกซิเจน
เนื่องจากการคลอดยาวนาน
การวินิจฉัย
1.การซักประวัติเกี่ยวกับกาารตังครรภ์แฝด
การคลอดทารกตัวโตกว่าปกติ ระยะเวลาการเจ็บครรภ์
2.การตรวจร่างกาย การตรวจการหดรัดตัวของมดลูก การตรวจภายในดูขนาดปากมดลูกและส่วนนํา
การรักษา
1.กระตุ้นให้ยา Oxyocin 5-10 unit ใน
Ringer's lactase solution /5%D/W 1000 ml.
2.ให้ยาระงับปวดขนาดและเวลาที่เหมาะสม
3.เจาะถุงน้ำคร่ำในรายที่ยังไม่แตก หรือรั่ว
เพื่อกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
4.ประเมินแล้วไม่สามารถคลอดทางช่องคลอด
ได้เตรียมผ่าคลอด
กิจกรรมการพยาบาล
1.ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
2.กระตุ้นให้ลุกเดิน หรือนอนตะแคงท่าศีรษะสูง
3.สวนอุจจาระในระยะปากมดลูกเปิดเร็ว และสวนซ้ำเมื่อครบ 12 hr.หากคลอดยาวนาน
4.ดูแลให้ยากระตุ้นมดลูกหดรัดตัว
5.ดูแลเจาะถุงน้ำคร่ำ
6.ตรวจภายใน ดูขนาดการขยายของปากมดลูกและส่วนนํา
7.ประเมินสภาพช่องเชิงกราน เพื่อป้องกันภาวะ CPD
8.ดูแลให้สารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ เช่น อาหารเหลว ในระยะมดลูกเปิดช้า
9.ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดํา เมื่อเข้าสู่ระยะมดลูกเปิดเร็ว
10.สอนวิธีบรรเทาปวด
11.อธิบายการดําเนินการและคลอด และแผนการรักษา
12.ประเมิน FHS และประเมินเตรียมให้ออกซิเจนหาก FHS ผิดปกติ
13.ประเมินสัญญาณชีพ ทุก 4 ชั่วโมง
14.ดูแลให้ยาระงับปวดตามแผนการรักษา
15.เตรียมอุปกรณ์กู้ชีพทารก
16.ดูแลให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกหลังคลอด
วินิจฉัยทางการพยาบาล
1.ผู้คลอดเสี่ยงต่อการคลอดยาวนาน
เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวน้อยกว่าปกติ
2.ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการขาดออกซิเจน
เนื่องจากการคลอดยาวนาน
3.ผู้คลอดเสี่ยงต่อการตกเลือดและการติดเชื้อ
หลังการคลอดเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
4.ผู้คลอดและทารกมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน
จากการได้รับยากระตุ้นมดลูก
มดลูกหดรัดตัวมากกว่าปกติ
(Hypertonic uterine dysfunction)
1.การหดรัดตัวมากผิดปกติเฉพาะกล้ามเนื้อมดลูก
สาเหตุ
1.การได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
2.Oligohydramnios
3.internal version
4.ถุงน้ำคร่ำแตกเป็นเวลานาน
5.การล้วงรก
6.หลังเด็กแฝดคนแรกคลอด
ผลกระทบ
1.ผู้คลอดเจ็บครรภ์คลอดมาก
2.มารดาและทารกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน
3.เกิดการคลอดติดขัดอาจต้องผ่าคลอด
4.ปากมดลูกอาจปิดในระยะที่ 3 ของ
การคลอด รกค้าง ตกเลือดหลังคลอด
การวินิจฉัย
1.ซักประวัตัเกี่ยวกับการเจ็บครรภ์คลอด
2.ตรวจร่างกาย
1.มดลูกหดรัดตัวไม่สม่าเสมอขณะมดลูก
หดรัดตัวทารกจะถูกดึงรั้งขึ้นด้านบน
2.ตรวจภายในโพรงมดลูกพบวงแหวน
3.ฟัง FHS ไม่พบ เพราะมดลูกแข็งตลอด
การรักษา
1.ให้ยาระงับปวด หากพบภาวะ Fetal distress ให้
เตรีย มผ่าคลอดวงแหวนจะคลายเมื่อได้รับยาสลบ
2.ระยะคลอดรก หากมีเลือดออกมากให้ใช้ยาสลบ
แล้วทําการล้วงรก
3.ระยะเบ่งให้ยาปวด เพื่อให้วงแหวนคลายตัวแล้วใช้
คีมในการช่วยคลอดการคลอดติดขัด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
1.ผู้คลอดอาจเกิดการคลอดติดขัด เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวมากจนเกิดเป็นรอยคอดคล้ายวงแหวนระหว่างกล้ามเนือมดลุกส่วนบนและส่วนล่าง มองเห็น ได้ต่ำกวา่ระดับสะดือเล็กน้อย (bandl's ring)
2.ผู้คลอดมีโอกาสเกิดภาวะฉุกเฉิน เนื่องจาการคลอดติดขัด
3.ทารกในครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจนเน)ืองจากากรคลอดติดขัด
4.ผู้คลอดมีความวิตกกังวลและกลัว เนื่องจากการคลอดติดขัด
5.ผู้คลอดอ่อนเพลียจากการคลอดยาวนาน เนื่องจากการคลอดเกิดการติดขัด
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ทุก 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
2.หยุดยากระตุ้นการหดรัดตัวมดลูกในรายที่ได้รับยา
3.ประเมิน FHS บ่อยขึ้น ทุก 15 นาที
4.ดูแลความสุขสบาย และสอนบรรเทาความปวด
5.ให้ยาบรรเทาปวดตามแผนการรักษา
6.ประคับประครองด้านจิตใจ อธิบายแนวการรักษา
7.ดุแลให้ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ
8.เตรียมผ่าคลอดหากเกิดในระยะที่มดลูกยังเปิดไม่หมด
9.หากเกิดในระยะที่ 2 รายงานแพทย์ เพื่อให้ยาสลบ
และช่วยคลอดด้วยคีม
10.ในระยะที่ 3 ของการคลอด หากไม่มีเลือดออกให้รอใน 30 นาที หากมีเลือดออกมากรายงานแพทย์ให้ยาสลบทําการล้วงรก
2.มดลูกหดรัดตัวแบบไม่คลาย Tatanic contraction
สาเหตุ
1.การคลอดติดขัด
2.การได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
ผลกระทบ
4.อาจเกิดมดลูกแตก อาจตกเลือดเสียชีวิต ทั้งมารดาและทารก
5.ต้องได้รับการผ่าคลอด เนื่องจาก CPD
3.ทารกในครรภ์อาจขาดออกซิเจน
2.อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ขาดน้ำ ขาดสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย
1.ผู้คลอดเจ็บครรภ์ตลอดเวลา
การวินิจฉัย
1.ซักประวัติระยะเวลาในการเจ็บครรภ์คลอด
2.ตรวจร่างกาย
1.มดลูกหดรัดตัวรุนแรงและถี่
2.พบรอยคอดคล้ายวงแหวน ต่ำกว่าระดับสะดือ
3.ฟัง FHS ไม่พบ
4.คลําพบเอ็นด้านข้างของมดลูก
5.ตรวจภายใน ไม่พบความก้าวหน้าของการ
คลอดอาจพบ Caputsuccedaneum
การรักษา
หากพบ Bandl'ring ให้ C/S
ป้องกันมดลูกแตก ตกเลือด เสียชีวต
วินิจฉัยทางการพยาบาล
1.ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดออกซิเจน
เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่คลาย
2.ผู้คลอดเสี่ยงต่อการเกดิภาวะมดลูกแตก
เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่คลาย
3.ผู้คลอดวิตกกังวลหรือกลัว เนื่องจาก
มดลูกหดรัดตัวไม่คลาย
4.ผู้คลอดไม่สุขสบาย เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่คลาย
กิจกรรมการพยาบาล
8.ให้สารน้ำเพียงพอตามแผนการรักษา
9.สนับสนุนการบรรเทาปวด จัดสถานที่เพื่อความผ่อนคลายและสงบ
7.ตรวจภายในดูความก้าวหน้าการคลอด
6.ประเมินเลือดออกทางช่องคลอด หรือภาวะ Hypovolumic shock
5.สังเกตอาการเตือนมดลูกใกล้จะแตก
10.สนับสนุนด้านจิตใจ อยู่เป็นเพื่อน
4.ประเมิน FHS ทุก 5 นาที
11.ให้ยาบรรเทาอาการปวด
3.จัดท่านอนตะแคงซ้าย และให้ออกซิเจน 8-10 LPM
2.หยุดให้ยากระตุ้นหดรัดตัวของมดลูก
12.ดูและให้กระเพาะปัสสาวะว่าง กระตุ้นทุก 2-3 hr
1.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ความถี่ความนานลักษณะการหดรัดตัว
13.เตรียม C/S ในภาวะ fetal distress/ CPD / มดลูกจะแตก
3.การหดรัดตัวของมดลูกมากกว่าแบบไม่ประสานกัน
(In-coordinate uterine contraction
สาเหตุ
1.มีความวิตกกังวล
2.ผู้คลอดครรภ์แรก
3.ผู้คลอดอายุมาก
4.ผู้คลอดมีการคลอด > 5 ครั้ง
5.CPD
6.ทารกในครรภ์ท่าผิดปกติ
ผลกระทบ
1.การเจ็บครรภ์คลอดยาวนาน
2.คลอดล่าช้าจากภาวะ Constriction ring
3.เจ็บครรภ์คลอดมากกว่าปกติ เนื่องจากหดตัวไม่คลาย
4.ทารกมีโอกาสขาดออกซิเจน
5.ผู้คลอดเหนื่อยเเละอ่อนเพลีย เนื่องจากเจ็บครรภ์มากและนาน
วินิจฉัยทางการพยาบาล
2.ผู้คลอดมีโอกาสเกิดภาวะฉุกเฉิน เนื่องจาก
มดลูกหดรัดตัวไม่ประสานกัน
3.ทารกในครรภ์อาจเกิดภาวะขาดออกซิเจน
เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ประสานกัน
1.ผู้คลอดมีโอกาสเกิดการคลอดยาวนาน เนื่องจากมดลูก
หดรัดตัวไม่ประสานกันและเจ็บครภค์ลอดยาวนาน
4.ผู้คลอดมีความวิตกกังวลและกลัว เนื่องจาก
มดลูกหดรัด ตัวไม่ประสานกัน
5.ผู้คลอดเหนื่อยและอ่อนเพลียจาการคลอดยาวนาน
เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ประสานกัน
กิจกรรมการพยาบาล
3.จัดสถานที่ให้สงบและส่วนตัว
1.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกบ่อยขึน ทังความถี่ความนานความแรง ลักษณะการหดตัว ตําแหน่งการเริ่มหดรัดตัวและแรง
4.ประเมิน FHS ทุก 15-30 นาที หากผิดปกติรายงานแพทย์
5.สนับสนุนการบรรเทาความปวด
6.ให้ยาบรรเทาอาการปวดตามแผนการรักษา
7.ประคับประครองด้านจิตใจ
8.ดูแลให้ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ
9.หากปฏิบัติมาข้างต้นไม่ดีขึ้น รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยา oxytocinในปริมาณที่น้อย
2.จัดท่านอนตะแคงซ้าย และให้ออกซิเจน 5 LPM