Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรอบแนวคิดและประเภทของวิจัย - Coggle Diagram
กรอบแนวคิดและประเภทของวิจัย
กรอบแนวคิดในการวิจัย
Conceptualization
กระบวนการสร้างมโนทัศน์จาก
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงตามธรรมชาติ
ใช้ความรู้จากทฤษฎีและงานวิจัยที่
เกี่ยวข้องมาใช้ในการเขียน
เขียนแล้วได้เป็นกรอบแนวคิดเชิงทฤษฎี
(Theoretical framework)
Theoretical framework
เขียนแสดงความสัมพันธ์ เชื่อมโยงของ
ตัวแปรตามหลักการทางทฤษฎีที่มีอยู่
เขียนครอบคลุมทุกตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
มักเขียนเป็น diagram
Conceptual framework
เขียนแสดงตัวแปรไม่ครบทุกตัว
เลือกเขียนเฉพาะตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับ
การวิจัย
ใช้คำบรรยายประกอบแผนภาพ
เขียนอธิบายความสัมพันธ์ สอดคล้อง
เกี่ยวข้อง ของตัวแปร
การเขียน
กำหนดขอบเขตการวิจัย
ทำให้อยู่ใน inclusion criteria
ทำให้มีตัวแปรควบคุม
เปลี่ยนชื่อเรื่อง
วิธีการเขียน
ทบทวนเอกสารและวรรณกรรม
ให้ครอบคลุม และทันสมัย
สรุปและเขียนว่าความรู้ประเด็นนี้
เป็นอย่างไร
มีเกณฑ์ช่วยในการอ่าน
ข้อบกพร่องที่พบบ่อย
การทบทวนวรรณกรรมไม่ดีพอจึง comment ไม่ได้
เขียนเป็นกระบวนการวิจัย
ใช้ theoretical concept มาเขียน
แสดงความสัมพันธ์ไม่ถูกต้อง
ประเภทของการวิจัย
แบ่งตามประโยชน์ของการนำผลการวิจัยไป
การวิจัยพื้นฐานหรือการวิจัยบริสุทธิ์ (basic or pure
research)
เป็นวิจัยที่มุ่งสร้างทฤษฎี สูตร หรือกฎ
ผลจากการวิจัยนี้จะเป็นสูตร กฎ หรือทฤษฎีในการเรียนหรือ
การวิจัยในสาขานั้นๆต่อไป
การวิจัยประยุกต์ (applied research)
เป็นวิจัยที่เป็นไปเพื่อ
จะนำผลวิจัยที่เกิดขึ้นไปใช้ในการทำงานจริง
เมื่อได้ผลเป็นอย่างไรก็จะนำ
ไปสู่การตัดสินใจใช้เป็นยารักษาโรคเบาหวานต่อไป
การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (action research)
เป็นการวิจัยที่มุ่งทำให้เกิดผลที่เป็นพัฒนางานหรือแก้ไขข้อบกพร่องของหน่วงงาน
ผลที่ได้จากการวิจัยแบบนี้มีความเฉพาะเจาะจงว่าวิธีการที่พิสูจน์ว่าแก้ปัญหาได้นั้น
แบ่งตามวัตถุประสงค์และวิธีการเสนอข้อมูล
การวิจัยขั้นสำรวจ (exploratory research)
เป็นการหาคำตอบเกี่ยวกับตัวแปรที่ศึกษาว่าเป็นอย่างไร เช่น จำนวน ร้อย
ละ มาก-น้อย สูง-ต่ำ
การวิจัยเชิงบรรยาย (descriptive research)
คล้ายกับแบบสำรวจตรงที่ไม่มีการทดลองในการวิจัยนั้นๆ
แต่สามารถมีการเปรียบเทียบตัวแปร
การวิจัยเชิงอรรถาธิบาย (explanatory research)
ไม่มีการทดลอง
แต่หาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ หรือหาปัจจัยที่มี
ผลต่อตัวแปรได้
เป็นการหาคำตอบเพื่ออธิบายว่าปัจจัยใด
บ้างที่มีอิทธิผล/สัมพันธ์ต่อตัวแปร
การวิจัยเชิงคาดคะเน (predictive research)
เป็นการวิจัยที่ให้ผลการวิจัยที่บอกสิ่งที่ยังไม่เกิด
แต่คาดไว้ว่าจะเกิดอย่างไร
แบ่งตามความสามารถในการควบคุมตัวแปร
การวิจัยเชิงทดลอง (experimental research)
เป็นการวิจัยที่ควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนได้เต็มที่
ปลูกข้าวโพดในห้องทดลองที่ควบคุมอุณหภูมิให้เป็น 20 C
การวิจัยเชิงกึ่งทดลอง (quasi experimental
research)
เป็นการวิจัยที่ควบคุมได้บางส่วน
ให้นักเรียนห้องหนึ่งเรียนแบบบรรยาย ให้นักเรียนห้องสองเรียนแบบ ไม่ให้นักเรียนคุยกันระหว่างห้องเรียน แล้วเปรียบเทียบว่านักเรียนห้องใดมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่า
การวิจัยเชิงธรรมชาติ (naturalistic research)
ไม่ต้องควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน
แบ่งตาม
ระเบียบวิธีการวิจัย
การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ (historical research)
ศึกษาว่าในอดีตเกิดอะไรขึ้น ปัจจุบันเป็นอย่างไร
หาความสัมพันธ์ตัวแปรบางตัวในอดีตกับปัจจุบันเพื่อทำนายว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
การวิจัยเชิงบรรยาย (descriptive research)
ไม่มีการทดลองใดๆในการวิจัย ศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน
การวิจัยเชิงทดลอง (experimental research)
มีการ
ทดลอง
การวิจัยเชิงย้อนรอย (expost facto research)
เป็นการวิจัยที่ศึกษาจากผลไปหาเหตุ
ผลในปัจจุบันเกิดจากเหตุในอดีต
เริ่มจากกำหนดผลหรือตัวแปรตามก่อนแล้วค่อยค้นหา
สาเหตุ ซึ่งเป็นตัวแปรอิสระผลอย่างนี้จะเกิดจากเหตุอะไร
การวิจัยเชิงสำรวจ (survey research)
หาคำตอบเกี่ยวกับตัวแปรว่ามีคุณลักษณะอย่างไร จำนวน
ในการเก็บข้อมูลนั้น survey หมายถึง
สำรวจ(ถาม)ทุกคน แต่คนทั่วไปไม่ค่อยเคร่งครัดเรื่องนี้
การวิจัยเชิงประเมินผล (evaluative research)
ประเมิน
ผลอาจใช้ CIPP แบบที่นักวิจัยไทยนิยม
ประเมินว่า context
คือบริบทของงานที่ประเมินเป็นอย่างไร
วัตถุประสงค์กับ
ปัญหาสอดคล้องกันไหม input คือปัจจัยนำเข้า
แบ่งตาม
ลักษณะของข้อมูล
การวิจัยเชิงปริมาณ (quantitative
research)
การวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research)
การวิจัยแบบผสม (mixed methods)
แบบคู่ขนาน
แบบตามลำดับก่อน-หลัง
แบ่งตามวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
การวิจัยจากเอกสาร (Documentary research)
เป็นการ
วิจัยที่ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร รายงาน
จดหมายเหตุ ศิลาจารึก
เสนอผลในเชิงวิเคราะห์
6.2การวิจัยจากการสังเกต (Observation research)
เป็นการวิจัยที่ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการสังเกต
นิยมใช้มากทางด้ามานุษยวิทยาซึ่งส่วนใหญ่เป็นการสังเกตพฤติกรรมของบุคคลในสังคมในแง่ของสถานภาพ (Status) และบทบาท (Role)
6.3การวิจัยแบบสำมะโน (Census research)
เป็นการวิจัยที่ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากทุก ๆ หน่วยของ
ประชากร
6.4การวิจัยแบบสำรวจจากตัวอย่าง (Sample survey
research)
เป็นการวิจัยที่ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูล
จากกลุ่มตัวอย่าง
6.5การศึกษาเฉพาะกรณี (Case study)
การศึกษาเฉพาะกรณีเป็นการวิจัยที่นักสังคมสงเคราะห์นิยมใช้มาก
ว่าการศึกษาเฉพาะกรณีก็เพราะเป็นการศึกษาเรื่องที่ว่าการศึกษาเฉพาะกรณีก็เพราะเป็นการศึกษาเรื่องที่
แต่จะศึกษาอย่างลึกซึ้งในเรื่องนั้น ๆ เพื่อให้ได้
มาซึ่งข้อเท็จจริงที่จะทำให้ทราบว่าบุคคลนั้นหรือกลุ่ม
เนื่องมาจากสาเหตุใด เพื่อจะได้หาทางแก้ไขหรือช่วยเหลือต่อไป
6.6การศึกษาแบบต่อเนื่อง (Panel study)
เป็นการศึกษาที่มีการเก็บข้อมูลเป็น ระยะ ๆ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงตาม
กาลเวลาของกลุ่มตัวอย่าง
ซึ่งการศึกษาแบบต่อเนื่องนี้จะช่วยให้เข้าใจและทราบถึงลักษณะการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี
6.7การวิจัยเชิงทดลอง (Experimental
research)
เป็นการวิจัยที่ผู้วิจัยเก็บข้อมูลมาจากการ
ทดลอง
ซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำ (Treatment) โดยมี
การควบคุมตัวแปรต่าง ๆ
ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด
ตัวอย่าง ประเภทของ
QUALITATIVE STUDY
การวิจัยชาติพันธุ์วรรณนา (Ethnographic study)
หาความจริงโดยการเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องที่ศึกษา
ไม่ใช่การศึกษาที่ฉาบฉวย ผิวเผิน แต่ใช้เวลาหรือฝังตัวอยู่ในพื้นที่ที่ศึกษา
การวิจัยปรากฏการณ์ (Phenomenology study)
อธิบายตัวแปรว่าคืออะไร
โดยใช้ประสบการณ์ของผู้ให้ข้อมูลที่เคย
มีประสบการณ์เรื่องนั้น
การวิจัยทฤษฎีฐานราก (Grounded theory)
สร้างทฤษฎีจากข้อมูลที่พบ
งานวิจัยอื่นๆที่ควรรู้จัก
R2R (routine to research)
ทำงานประจำตามปกติ แล้วพบ
ปัญหา/จุดอ่อนในการทำงาน
อาจเป็นเรื่อง workloadคุณภาพงาน เวลาที่ใช้ทำงาน เงินที่ต้องใช้ไปเพื่อการทำงาน ความพึงพอใจของผู้รับบริการ
แล้วหาวิธี(treatment) มาแก้ไขปัญหา แล้วจึงเปรียบเทียบผลก่อน-หลัง
PAR (participatory action research)
มักเป็นวิจัยที่ทำเพื่อพัฒนาชุมชน
ให้คนในชุมชนร่วมทำวิจัย เริ่มตั้งแต่กำหนดปัญหาไปจนจบ
ทำให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน และเป็นการพัฒนาที่เกิดขึ้นจริง
R&D (research and development)
ทำการวิจัยหลายขั้นตอน เริ่มจากทำ research ดูว่าสถานการณ์ที่เกี่ยวกับปัญหานั้นเป็นอย่างไรบ้าง
นำผลของขั้นแรกมาออกแบบโปรแกรม/โครงการ/หลักสูตร
ที่จะตอบสถานการณ์ปัญหานั้น หลังจากนั้นก็นำโปรแกรม/โครงการ/หลักสูตรฯลฯ ที่ออกแบบไว้มาใช้
Systematic review, meta-analysis, research synthesis
ไม่เก็บข้อมูลภาคสนาม
แต่ใช้งานวิจัยที่มีอยู่แล้วเก็บข้อมูลจากงานวิจัยเหล่านั้น หลังจากนั้นทำการวิเคราะห์และสังเคราะห์เป็นความรู้ใหม่