Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
:pregnant_woman::skin-tone-2: กรณีศึกษาที่ 2, image - Coggle Diagram
:pregnant_woman::skin-tone-2:
กรณีศึกษาที่ 2
โจทย์กรณีศึกษา
:newspaper:
:microscope:
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
OF ผล negative
DCIP ผล negative
Hct = 34 vol%
HbsAg ผล negative
VDRL ผล non reactive
Anti HIV ผล negative
Shake test ผลพบว่ามีฟองอากาศ 2 หลอดใน 5 หลอด
ตรวจ L/S ratio = 1 : 1
:silhouette:
ตรวจร่างกายทั่วไป
เต้านมหัวนมปกติ
HF 3/4 > ๏
เปลือกตาไม่ซีด
ทารกท่า RSA ,HF
FHS 160 ครั้ง/นาที จังหวะไม่สม่ำเสมอ
Uterine contraction I=10’ D=20”
:warning:
อาการสำคัญ
:cry:เจ็บครรภ์คลอดก่อนมาโรงพยาบาล 1 ชั่วโมง
:hourglass_flowing_sand:
ประวัติการตั้งครรภ์
:pregnant_woman::skin-tone-2:ผู้คลอดมารดาอายุ 30 ปี G3P1A1L1 last 3 ปี อายุครรภ์ 34 สัปดาห์
ฝากครรภ์ครั้งแรกที่โรงพยาบาลมหาสารคามเมื่ออายุครรภ์ 11 สัปดาห์
มาฝากครรภ์ตามนัดสม่ำเสมอ ผลการตรวจครรภ์ปกติ
ได้รับ Diptheria tetanus toxoid 1 เข็ม :syringe:
คำถาม
:question:
:label:
2. ท่านคิดว่าหญิงตั้งครรภ์รายนี้
ควรส่งตรวจพิเศษอะไรเพิ่มเติม อย่างไร
2.2 การตรวจสุขภาพทารกในครรภ์เครื่องมือพิเศษ
โดย วิธี Electronic Fetal Monitoring
แบบ Nonstress test (NST) :computer:
:<3:เนื่องจากผลการตรวจ Shake test และ L/S ratio ผิดปกติ ซึ่งบ่งบอกถึงปอดของทารกไม่สมบูรณ์เต็มที่
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ RDSหลังคลอดก่อนกำหนด Uterine contraction I= 10’ D=20 และ FHS 160 ครั้ง/นาที
จังหวะไม่สม่ำเสมอ จึงจำเป็นต้องตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์เพื่อประเมินความผิดปกติของทารก
ในครรภ์โดยวิธี Electronic Fetal Monitoring แบบ Non Stress test (NST) ซึ่งเป็นการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
ทารกในครรภ์ โดยใช้เครื่องรับสัญญาณ (tranducer) การเต้นของหัวใจทารกต่อนาที แล้วบันทึกลงในกระดาษต่อเนื่อง
โดยเปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวของทารก หรือการหดรัดตัวของมดลูก ซึ่งจะบันทึกลงในกระดาษแผ่นเดียวกัน
2.1 การตรวจสุขภาพทารกในครรภ์เครื่องมือพิเศษ
โดย Biophysical Assessment
โดยการตรวจ Biophysical profile (BPP) :baby:
เหตุผลที่ควรตรวจ:question:
:warning:เนื่องจากผลการตรวจ Shake test และ L/S ratio ผิดปกติ ซึ่งบ่งบอกถึงปอดของทารกไม่สมบูรณ์เต็มที่
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ RDS หลังคลอดหากเกิดการคลอดก่อนกำหนด จึงจำเป็นต้องตรวจ Biophysical profile (BPP)
เพื่อเป็นการประเมินภาวะสุขภาพของทารกในครรภ์ โดยอาศัยหลักการว่า เมื่อทารกขาดออกซิเจน ศูนย์ควบคุม
การทำงานต่าง ๆ ของร่างกายที่ระบบประสาทส่วนกลางก็ขาดออกซิเจนด้วย ทำให้การทำงานของร่างกายบกพร่อง
และมีข้อบ่งชี้ที่ตรงกับกรณีศึกษา คือ มีอาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด และการศึกษาส่วนใหญ่แนะนำให้ทำ
เมื่ออายุครรภ์ 28-30 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งกรณีศึกษาอายุครรภ์ 34 สัปดาห์
ผลตรวจครรภ์ทารกอยู่ในท่าก้น เมื่อคลอดอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้คลอดยาก
และเกิดการกดทับของสายสะดือ ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจน
3. ให้อธิบายบทบาทพยาบาลในการดูแลหญิงตั้งครรภ์
ที่ได้รับการตรวจพิเศษรายนี้
:information_desk_person::skin-tone-3:
บทบาทการพยาบาลการเจาะน้ำคร่ำส่งตรวจ
(Amniocentesis) :syringe:
:rewind:ก่อนการเจาะน้ำคร่ำส่งตรวจ
:warning:2. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจและการแก้ปัญหา ในกรณีที่มีความผิดปกติ
:writing_hand:4. ให้ลงนามในใบอนุญาตการยอมรับการตรวจ
:question::3. เปิดโอกาสให้หญิงตั้งครรภ์ได้ซักถามข้อสงสัยในการตรวจ
:bed:5. เตรียมผู้รับบริการถ่ายปัสสาวะก่อนตรวจเพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่าง จัดให้นอนในท่านอนราบบนเตียง
คลุมผ้าบริเวณหน้าท้องและทาเจลบริเวณที่หน้าท้องในตำแหน่งที่แพทย์จะใช้คลื่นความถี่สูงหาตำแหน่งของถุงน้ำคร่ำ
:speaking_head_in_silhouette:1. อธิบายให้หญิงตั้งครรภ์ทราบถึงขั้นตอนและวิธีการตรวจ
:eight_spoked_asterisk:6. ทำความสะอาดหน้าท้องโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค
:syringe:ขณะเจาะน้ำคร่ำส่งตรวจ
สังเกตอาการผิดปกติที่อาจจะพบได้ เช่น supine hypotension syndrome
เนื่องจากนอนหงายเป็นเวลานาน
อยู่กับผู้รับบริการขณะแพทย์ทำหัตถการ
ภายหลังการเจาะน้ำคร่ำส่งตรวจ:black_right_pointing_double_triangle_with_vertical_bar:
ภายหลังการตรวจให้ผู้รับบริการนอนหงาย กดแผลหลังจากแพทย์เอาเข็มออกด้วยก๊อซนานประมาณ 1 นาที
และปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการรั่วซึมของน้ำบริเวณที่แทงเข็ม
ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดแผลบริเวณที่เจาะ สามารถเปิดแผลได้ในวันถัดไปและอาบน้ำได้ตามปกติ
หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนหน้าท้อง 1 - 3 วันหลังเจาะ เช่น ยกของหนัก ออกกำลังกาย การเดินทางไกล
:hearts:3. ฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ทุก 15 นาที จนครบ 1 ชั่วโมง
:red_cross:7. งดมีเพศสัมพันธ์ภายหลังการเจาะ 7 วัน
:bed:2. ดูแลให้ผู้รับบริการพักผ่อนประมาณ 30 นาที –1 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นทันที เช่น หน้ามืด เป็นลม หรือ ปวดท้อง
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตอาการแทรกซ้อน เช่น ถุงน้ำคร่ำแตกรั่ว มีเลือดออกทางช่องคลอด
ปวดท้องเป็นพักๆ และมีไข้ หากมีการอาการเหล่านี้ให้รีบมาโรงพยาบาลทันที
ถ้าปวดแผลบริเวณที่เจาะสามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดแผลได้
:speaking_head_in_silhouette:
1. จงอภิปรายเหตุผลและผลการตรวจพิเศษ
ในหญิงตั้งครรภ์รายนี้
1.1 Shake test
เหตุผลการตรวจพิเศษ :microscope:
:pregnant_woman::skin-tone-2:เนื่องจากผู้คลอดมาโรงพยาบาลด้วยอาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนมาโรงพยาบาล 1 ชั่วโมง
FHS 160 ครั้ง/นาที จังหวะไม่สม่ำเสมอ Uterine contraction I= 10’ D=20 แต่เนื่องจาก
อายุครรภ์ 34 สัปดาห์ ซึ่งยังไม่ครบกำหนดคลอด เสี่ยงต่อการเกิดการคลอดก่อนกำหนด
และภาวะ RDS จึงต้องส่งตรวจ Shake test
:outbox_tray:แปลผลการตรวจพิเศษ
เกณฑ์การแปลผล:part_alternation_mark:
:check:ถ้าพบว่ามีฟองอากาศเกิดขึ้น 3 หลอดแรก
แสดงว่า ได้ผลบวก ปอดของทารกเจริญเต็มที่
:!:ถ้าพบว่ามีฟองอากาศเกิดขึ้น 2 หลอดแรก
แสดงว่า ได้ผล intermediate ปอดทารกยังเจริญไม่เต็มที่
:heavy_minus_sign:ถ้าพบว่ามีฟองอากาศเกิดขึ้นเพียงหลอดเดียวหรือไม่พบเลย
แสดงว่า การทดสอบได้ผลลบ ปอดทารกยังเจริญไม่เต็มที่
:!?:ถ้าตรวจได้ผลลบควรตรวจหาค่า L/S ratio ต่อไปเพราะอาจเป็นผลลบลวง
(false negative) แต่ผลบวกลวงพบได้น้อย โดยข้อผิดพลาดในการตรวจ
อาจเกิดจากหลอดแก้วไม่สะอาดหรือน้าคร่ำมีเลือดหรือขี้เทาปน
:pregnant_woman:จากกรณีศึกษา
แปลผลคือ ผิดปกติ เนื่องจากผล Shake test พบว่ามีฟองอากาศ 2 หลอดใน 5 หลอด แสดงว่าได้ผล intermediate ปอดทารกยังเจริญไม่เต็มที่ :!:
1.2 Lecithin Sphingomyelin Ratio
(L/S ratio)
เหตุผลการตรวจพิเศษ:microscope:
เนื่องจากกรณีศึกษามาโรงพยาบาลด้วยอาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนมาโรงพยาบาล 1 ชั่วโมง
FHS 160 ครั้ง/นาที จังหวะไม่สม่ำเสมอ Uterine contraction I= 10’ D=20
เสี่ยงต่อการเกิดการคลอดก่อนกำหนด และผลการตรวจ Shake test ผิดปกติ
จึงต้องส่งตรวจ L/S ratio เพื่อดู Lung maturity
แปลผลการตรวจพิเศษ:outbox_tray:
จากกรณีศึกษา :pregnant_woman:
แปลผล คือ ผิดปกติ เนื่องจากผลตรวจ L/S ratio = 1 : 1 เพราะอายุครรภ์ 34 – 36 สัปดาห์ ค่า L จะเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ S จะมีปริมาณลดลงเล็กน้อย ทำให้ ratio สูงขึ้น เปลี่ยนเป็น 2 : 1
ค่าปกติของ L/S ratio
อายุครรภ์ 26 – 34 สัปดาห์ ค่า L/S = 1 : 1
ใน 26 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ค่า S > L
อายุครรภ์ 34 – 36 สัปดาห์ ค่า L จะเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่ S จะมีปริมาณลดลงเล็กน้อย ทำให้ ratio สูงขึ้น เปลี่ยนเป็น 2 : 1
:bookmark_tabs:
4. ท่านคิดว่าแบบการประเมินภาวะเสี่ยง
แบบใดที่เหมาะสมสำหรับนำมาประเมิน
หญิงตั้งครรภ์รายนี้
:bookmark_tabs:แบบประเมินภาวะความเสี่ยง
ต่อการคลอดก่อนกำหนด
ทารกท่า RSA :baby:
มารดามีประวัติการแท้ง 1 ครั้ง
:pencil2:จัดทำโดย
นางสาวชวนันท์ รูปคุ้ม เลขที่ 18