Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8, ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตั้งแต่ระยะที่ 2…
บทที่ 8
-
-
การตัดสายสะดือ
ก่อนตัดสายสะดือผู้ทำคลอดต้องทำความสะอาดสายสะดือบริเวณที่จะตัดคือ ระหว่าง clamp ที่ 1 และที่ 2 ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น alcohol 70 % หรือ Tr. Iodine 2%
วางสายสะดือบนนิ้วกลางและนิ้วนางของมือข้างที่ไม่ถนัด ส่วนนิ้วชี้และนิ้วก้อยให้วางทับบนสายสะดือ สอดสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อไว้ใต้สายสะดือตรงต าแหน่งที่จะตัด มือข้างที่ถนัดถือกรรไกรตัดสายสะดือโดยหันปลายกรรไกรเข้า หาอุ้งมือที่พาดสายสะดือไว้ แล้วกำอุ้งมือข้างนั้นไว้ขณะตัด เพื่อป้องกันไม่ให้ปลายกรรไกรออกไปตัดนิ้วทารกที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ตัดสายสะดือควรห่างจาก clamp ตัวที่ 1 ประมาณ 1 ซม. ขณะตัดต้องไม่ดึงรั้งสายสะดือ ทั้งด้านทารกและมารดา เพราะจะทำให้เกิดการฉีกขาดตรงรอยต่อระหว่างสายสะดือกับผิวหนังหน้า ท้องทารก เมื่อตัดเสร็จให้วางสายสะดือข้างที่ติดอยู่กับมารดา และสอดไว้ใต้ผ้าคลุมหน้าท้อง หรือวางไว้บนผ้า คลุมหน้าท้องของมารดา และใช้ towel clip เกี่ยวยางรัดสายสะดือ
คลาย clamp ออก และบีบสายสะดือข้างที่ติดหน้าท้องทารกเพื่อทดสอบดูว่ามีเลือดซึมออกมาหรือไม่ หากมีเลือดซึมออกมา ให้ผูกซ้ำอีกครั้ง เช็ดปลายสายสะดือให้สะอาด นิยมตัดภายใน 1 นาที ถ้าตัดช้าทารกจะได้ความเข้มข้นของเลือดมากขึ้น แต่ตัวเหลืองบ่อยขึ้น การเติมเลือดน้อยลง และโอกาสที่ต้อง On phototherapy สูงกว่าการ Clamp โดยเร็ว การชะลอการ Clamp สายสะดือไป 1 นาที ทารกอาจได้ ฮีโมโกลบินเพิ่ม 2.2 กรัม/ดล ขณะเดียวกันถ้า Clamp เร็วก็จะลดอัตราการทำPhototherapy ลงได้ร้อยละ 40
ยกทารกโดยใช้มือข้างหนึ่งจับข้อเท้าทั้งสองข้างของทารก โดยใช้นิ้วชี้สอดระหว่างข้อเท้าทั้งสองข้าง นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วกลางรวบข้อเท้าทารกแล้วกำไว้ให้แน่นเพื่อไม่ให้ลื่น มืออีกข้างจับบริเวณต้นคอและไหล่ ยกให้มารดาดูหน้าและเพศ รวมทั้งยืนยันเพศบุตรแล้ววางทารกใน crib พร้อมลูกสูบยางแดงเพื่อให้ผู้ช่วยคลอดดูแลทารกต่อไป และจะต้องผูกปูายข้อมือทารกโดยจะต้องตรวจสอบความถูกต้อง ให้เรียบร้อยก่อนที่จะนำทารกไปทำการดูแลต่อไป เพื่อป้องกันการสับเปลี่ยนทารก และระวังอย่าให้มือโดน crib ดูด้วยว่ามีเส้นเลือดกี่เส้น ซึ่งจะต้องมี artery 2 เส้น และvein 1 เส้น ตรวจร่างกายทารกอย่างคร่าวๆ
-
-
-
-
-
ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตั้งแต่ระยะที่ 2 ของการคลอดกับมารดาทุกราย โดยใช้ oxytocin 10 ยูนิต ให้ทางน้ำเกลือหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อต้นแขน กรณีที่ไม่สามารถใช้ oxytocin ได้ ให้ใช้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามความเหมาะสมได้แก่ ergometrine/methylergometrine หรือใช้ยากระตุ้นการหดรัดตัว ของมดลูกร่วมกันระหว่าง oxytocin กับ ergometrine หรือใช้ misoprostol ชนิดรับประทาน (600 μg. )
ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน มักเกิดจากมดลูกถูกกระตุ้นในหดรัดตัวรุนแรงถี่เกินไป หรือเกิดภาวะการตึงตัวมากกว่าปกติของกล้ามเนื้อมดลูกในช่วงคลายตัว ruptured uterus เกิดจากการไม่ระมัดระวังในการให้ oxytocin และเลือกผู้ป่วยไม่เหมาะสม precipitated labour abruptio placentae amniotic fluid embolism postpartum hemorrhage จาก uterine atony water intoxication จากฤทธิ์ antidiuretic effect เมื่อใช้ยาขนาดเกินกว่า 20 mu/min เป็นเวลานาน โดยเฉพาะเมื่อให้ร่วมกับ electrolyte free solution ทำให้มี dilutional hyponatremia ผู้ป่วยจะมีอาการ weakness, lethargy , mental confusion , convulsion , coma และอาจถึงแก่ชีวิตได้
-
แพทย์จะต้องเฝ้าผู้คลอดขณะให้ยา oxytocin ตลอดอย่างใกล้ชิด ห้ามทิ้งผู้ป่วยไว้ตามลำพังอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะในช่วง 15-30 นาทีแรก เพื่อสังเกตการตอบสนองของมดลูก และควบคุมการหยดของยาให้ได้จำนวนที่เหมาะสม ฟังอัตราการเต้นของหัวใจทารกทุก 30 นาที ( ในรายที่ไม่ใช่ high risk หรือทุก 15 นาที ในรายที่เป็นhigh risk ) รวมทั้งวัดความดันโลหิต ชีพจรของผู้คลอดทุกชั่วโมง ( ถ้ามี risk ควรตรวจทุก 30 นาที ) วัดอุณหภูมิร่างกายทุก 4 ชั่วโมง และสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ เช่น เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด, meconium เป้าหมายคือ ให้ได้ uterine contraction ที่พอเหมาะเพื่อให้มีความก้าวหน้าของปากมดลูก และการเคลื่อนลงมาของส่วนนำและหลีกเลี่ยงการเกิด uterine hyperstimulation และ fetal distress
ถ้า FHR เป็นแบบ late deceleration หรือ significant variable deceleration ควรหยุดให้ยา และทำ Intrauterine resuscitation
ถ้ามีการหดรัดตัวของมดลูกนานกว่า 90 วินาที หรือ ความถี่ของการหดรัดตัวมากกว่าทุก 2 นาที ( หรือมี 6 ครั้งใน 10 นาที ) ถือว่าเป็น hyperstimulation ให้หยุดให้ oxytocin ทันที มิฉะนั้นจะเกิด tetanic uterine contraction ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งมารดาและทารกในครรภ์ ให้เฝ้าสังเกต fetal heart rate pattern และอาจพิจารณาให้ tocolytic drugs
ถ้าให้ยา oxytocin อย่างถูกต้องนาน 4-6 ชั่วโมงแล้วยังไม่เกิดการเจ็บครรภ์หรือ uterine contraction ตามต้องการ ควรพิจารณาหยุดให้ยา
ภายหลังทารกคลอดต้องให้ยา oxytocin ต่อไปอีกอย่างน้อย 2 ชั่วโมงและอาจให้ขนาดของยาสูงขึ้นเพื่อป้องกันการตกเลือดหลังคลอดจากมดลูกไม่หดรัดตัว
วิตามิน เค ฉีดเข้ากล้ามต้นขาซ้าย โดยฉีดตั้งแต่แรกรับสามารถฉีดวัคซีนบริเวณกล้ามเนื้อต้นขาส่วนหน้า( vastus lateralis) ซึ่งจะอยู่บริเวณต้นขาหน้าขาด้านนอกก่อนฉีดจะต้องทำการวัดก่อน โดยแบ่งบริเวณตั้งแต่ปุ่มกระดูกใหญ่ของกระดูกต้นขา (greater tronchanter of femur) ถึง ปุ่มกระดูกบริเวณหัวเข่า (lateral femoral condyle) เป็น 3 ส่วน ฉีดส่วนที่ 2
-
ในห้องคลอดจะมี ผู้ทำคลอด ผู้ช่วยทำคลอด และผู้รับเด็ด โดยผู้ทำคลอดมีหน้าที่เตรียมของ เปลี่ยนชุดและทำคลอด ผู้ช่วยทำคลอดมีหน้าที่ เอารถเข็นไปรับผู้ป่วยไปห้องคลอด จัดท่า และเช็คดูว่าผู้ป่วย ON IV หรือไม่ โดยปกติ จะ ON IV ให้ผู้ป่วยเมื่อปาดมดลูกเปิด 4 CM **
-
-