Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พัฒนาการทางการพยาบาลทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ, 622001050 ปวันรัตน์…
พัฒนาการทางการพยาบาลทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ
ด้านการปฏิบัติการพยาบาล
ประเทศไทย
กระบวนการทางการพยาบาล
การประเมินสภาพผู้ป่วย
การสืบค้นข้อมูล/ข้อเท็จจริงเพื่อหาปัญหา
การปฏิบัติการพยาบาล
การลงมือแก้ไขปัญหา
การประเมินผล
การติดตามประเมินผลของการแก้ไขปัญหา
การวินิจฉัยทางการพยาบาล
การวิเคราะห์/สังเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำหนดปัญหา
การวางแผนการพยาบาล
การหาแนวทางการแก้ไขปัญหา
ขั้นตอนการปฏิบัติการพยาบาล
การปฏิบัติการพยาบาล
ช่วยเหลือการทำกิจวัตรประจำวัน
การให้คำปรึกษา
การตรวจสอบการป้องกันอันตราย
การส่งเสริมสนับสนุน
การบันทึกการพยาบาล
การจดบันทึก ลายลักษณ์อักษร/เทปวิดีโอ
เกี่ยวกับผู้รับบริการ อาการการแสดง และความเปลี่ยนแปลง
เพื่อใช้ในการสื่อสารเป็นหลักฐานทางกฎหมาย
การเตรียมการปฏิบัติการพยาบาล
พิจารณาความสามารถในการปฏิบัติ
ศึกษามาตราฐานการปฏิบัติ
ทบทวนแผนการพยาบาล
มอบหมายงานบางส่วน (ถ้ามี)
เครื่องมือ/อุปกรณ์ที่ใช้
เครื่องมือทางการแพทย์ทั่วไป
เครื่องมือจากเทคโนโลยี
หุ่นยนต์
ต่างประเทศ
การปฏิบัติการพยาบาลจะคำนึงถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม
กล่าวคำทักทายแนะนำตัว
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจก่อนปฏิบัติการพยาบาล
ล้างมือให้สะอาด
ถามชื่อก่อนให้ยาและทำหัตถการต่างๆ
มีการวางแผนร่วมกับผู้ป่วยใให้เข้าใจก่อนการรักษา
ด้านการศึกษาพยาบาล
ประเทศไทย
อดีต
การพยาบาลเริ่มจากการเป็นการดูแลกันของคนในครอบครัว
จนได้มีวิทยาการทางการแพทย์และพยาบาลจากตะวันตกเข้ามายังประเทศไทย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลถาวรขึ้นในประเทศ
“โรงศิริราชพยาบาล” ใน พ.ศ.๒๔๓๑
และพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ
“โรงเรียนหญิงแพทย์ผดุงครรภ์แลการพยาบาลไข้” ขึ้นในโรงพยาบาลศิริราช
ยุคแรกโรงเรียนแห่งนี้เน้นการเรียนการสอนด้านการผดุงครรภ์ แต่ผู้ที่มาเรียนก็ต้องเรียนการพยาบาลด้วย เนื่องจากต้องดูแลพยาบาลคนไข้และคนที่มาคลอด
ปัจจุบันคือ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
พ.ศ. ๒๔๕๗ โรงเรียนพยาบาลแห่งที่สองได้เกิดขึ้น
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้ตั้ง “โรงเรียนนางพยาบาลสภากาชาด”
3 more items...
เครื่องแต่งกาย
อดีต
พ.ศ. 2439 จะนุ่งโจงกระเบน และเสื้อแขนยาวประมาณศอก สีขาว รองเท้าแตะ
นักเรียนปี 2 จะมีเอี๊ยมสีขาว
ชุดเข้ารับพระราชทานประกาศนียบัตรที่นุ่งโจงกระเบน เสื้อแขนยาว คาดผ้าแถบ
ปัจจุบัน
เครื่องแต่งกายปกติที่นักศึกษาใช้ในเวลาเรียน หรือเวลาสอบ จะเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวไม่มีลวดลาย กางเกง/กระโปรงสีดำ
ชั้นปีสอง ผู้หญิงชุดขึ้นฝึกหรือชุดฟ้าขาว ผู้ชายจะเป็นกางเกงสีดำเสื้อสีขาว
ชุดออกชุมชนเป็นเครื่องแบบสีฟ้าคล้ายกับ อสม.
ชุดรับประกาศนียบัตรเป็นชุดพยบาลสีขาวทั้งชายและหญิง
ปัจจุบัน
พื้นฐานที่ต้องมีในการศึกษาพยาบาล คือต้องมีการศึกษาในระดับอุดมศึกษาและมีศาสตร์ทางการพยาบาลเป็นพื้นฐานความรู้ในการปฏิบัติการพยาบาล
ภาครัฐ
สังกัดทบวงมหาวิทยาลัย ปัจจุบันคือสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สอก)
เช่นมหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
สังกัดกระทรวงมหาดไทย
เช่น วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ วิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์
สังกัดกระทรวงกะลาโหม
เช่น วิทยาลัยพยาบาลทหารบก วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีทั้ง35 แห่ง
ภาคเอกชน
สถาบันการศึกษาพยาบาลสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย ปัจจุบันคือสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา(สกอ)
เช่น
มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
มหาวิทยาลัยสยาม
มหาวิทยาลัยรังสิต
แนวทางในการพัฒนาด้านต่างๆ
ด้านสิ่งสนับสนุนการเรียนการสอน
ห้องปฎิบัติการพยาบาลและอุปกรณ์
หนังสือ ตำราฐานข้อมูลทางการพยาบาลและสาขาอื่นๆ
ด้านปรัชญาของหลักสูตร
กรอบของหลักสูตรต้องสร้างบนพื้นฐาน และค่านิยมความเชื่อที่ว่าพยาบาลต้องเป็นผู้ให้บริการอย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล
ด้านหลักการจัดการศึกษาพยาบาล
ประกอบด้วย
สอดคล้องตามกรอบ TQF
การส่งเสริมให้มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถคิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
การส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การมีจิตเมตตา
ด้านแนวคิดทฤษฎีการจัดการศึกษาพยาบาล
ประกอบด้วย
แนวคิดเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรม
ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์และผู้รับบริการที่มีความหลากหลาย
ทฤษฎีการดูแลอย่างเป็นองค์รวม(Holistic care)
Holistic care หมายถึงการตอบสนองความต้องการคนทั้งคน
มิติทางจิต
มิติทางจิจวิญญาณ
มิติทางกาย
มิติทางสังคม
ด้านเนื้อหาของหลักสูตร
เน้นภาษาอังกฤษและภาษาที่สาม
มีกิจกรรมเพื่อให้เกิดความเข้าใจมนุษย์และมีจิตอาสา
ด้านจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
มุ่งหมายให้
นักศึกษาพยาบาลมีคุณธรรม
นักศึกษามีจริยธรรม
นักศึกษาพยาบาลเป็นคนดี
นักศึกษามีความเอื่ออาทร
ในอนาคตศตวรรษที่21
รูปแบบการเรียนการสอน
การจัดการศึกษาต้องเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่ให้บริการ
สาระในแต่ละหลักสูตรควรมีการเรียนรู้ร่วมกันในแต่ละอาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทำงานจริง
ระหว่างนักศึกษาในแต่ละวิชาชีพซึ่งสอดคล้องกับหลักการทำงานจริง
การจัดการศึกษาต้องเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่ให้บริการ
คุณลักษณะของผู้เรียน
วิถีทางของการทำงาน
การติดต่อสื่อสานการประสานร่วมมือ
เครื่องมือสำหรับการทำงาน
เทคโนโลยีสารสนเทศ
ข้อมูลข่าวสาร
ทักษะการดำรงชีวิตในโลกปัจจุบัน
ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม
ความเป็นพลเมืองดี
มีความสามารถในด้านต่างๆ
เทคโนโลยี
ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
ภาษาอังกฤษ / จีน
วิถีทางของการคิด
แก้ปัญหาและตัดสินใจ
สร้างสรรค์
ต่างประเทศ
อดีต
หลังสงครามสิ้นสุดลงค.ศ. 1856
ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล ได้พัฒนากิจการพยาบาลให้ก้าวหน้าขึ้น จนได้รับการยอมรับให้เป็นผู้จัดระเบียบด้านสุขภาพในกองทัพประเทศอังกฤษ วางแผนงานด้านสุขาภิบาลในประเทศอินเดีย ก่อนจะก่อตั้งโรงเรียนการพยาบาลที่เป็นต้นแบบของโรงเรียนพยาบาลทั่วโลก
12 พฤษภาคม 1820
Florence Nightingale เป็นชาวอังกฤษมีความตั้งใจที่จะเป็นพยาบาลแต่ถูกครอบครัวปฏิเสธแต่เธอยังไม่ลดความพยายามจนได้เข้าศึกษาอบรมวิชาพยาบาลที่ประเทศเยอรมนี
ในปี 1853
เกิดสงครามไครเมียขึ้น ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล อาสาไปช่วยดูแลทหารที่บาดเจ็บจากสงครามคอยเดินตรวจอาการของเหล่าทหารกลางดึกอยู่เสมอ จนผู้คนต่างพากันเรียกเธอว่า The Lady with the Lamp
ค.ศ. 1860
ได้ก่อตั้งโรงเรียนพยาบาลไนติงเกลที่โรงพยาบาลเซนต์โธมัส ริมแม่น้ำเทมส์ กรุงลอนดอนถือว่าเป็นโรงเรียนพยาบาลแห่งแรกที่มีระบบการเรียนการสอนที่ชัดเจน ดำเนินการอิสระแยกจากโรงพยาบาลมีหอพักและอาคารเรียนเฉพาะนักศึกษาพยาบาลเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกมีผู้สนใจนำไปเป็นต้นแบบของการผลิตพยาบาลทั่วโลกในเวลาต่อมา
ปัจจุบัน
มี 954 สถาบันเปิดสอน สาขาการพยาบาล
เช่น มหาวิทยาลัย Western Sydney , The University of Hong Kong , The University of Hull
มีสาขาวิชาการพยาบาลทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท
ระดับปริญญาตรี
มีผลการเรียนระดับ 3 A-levels ขึ้นไปในวิชาวิทยาศาสตร์ หรือเทียบเท่า
ระยะเวลาในการศึกษาเวลาเรียนอย่างน้อย 3 ปี
ระดับปริญญาโท
มีผลการเรียนระดับ 2:1 ขึ้นไปในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์แขนงที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาล
ผู้มาจากประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จะต้องสอบ IELTS ได้อย่างน้อย 6.0 คะแนนขึ้นไปก่อนเริ่มคอร์ส
ระยะเวลาในการศึกษาเวลาเรียนประมาณ 2 ปี
การวิจัยทางการพยาบาล
ต่างประเทศ
ค.ศ. 1900
มีสารวารทางการพยาบาลเกิดขึ้นครั้งแรก ชื่อ American Jonmal of nursing และมีการวิจัยแบบกรณีศึกษา
ค.ศ. 1952
เริ่มมีการตั้งแผนกวิจัย เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกทำวิจัย มีศูนย์การวิจัยทางการพยาบาล ได้มีการศึกษายาวนาน 5 ปี
ค.ศ.1950-1959
มีการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของพยาบาลในอเมริกัน มีการพัฒนาการศึกษาในระดับปริญญาโทและเอก
ค.ศ. 1960-1969
มีการพัฒนาศาสตร์ทางการพยาบาลอย่างจริงจัง วิจัยระยะนี้เป็นการวิจัยในด้านการปฏิบัติการพยาบาล
เรื่องวิจัยส่วนใหญ่เป็นเรื่องการตอบสนองของผู้ป่วย
ค.ศ. 1900-1949
เริ่มมีการวิจัยเกิดขึ้นเล็กน้อย มุ่งเน้นการศึกษามากกว่าการปฏิบัติ ช่วงปลายของระยะนี้ เริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับการบริหารพยาบาล
ค.ศ.1970-1979
การวิจัยด้านการปฏิบัติการพยาบาล เจริญอย่างรวดเร็ว มีการวิจัยทั้งหมด 275 เรื่อง
71 เรื่องเป็นการวิจัยการปฏิบัติการพยาบาล
เช่น
การวัดอุณหภูมิ
การวัดสัญญาณชีพ
ค.ศ.1980-1989
งานวิจัยส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยทางคลินิก ซึ่งครอบคลุมปัญหาสุขภาพ
ส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยเชิงทดลอง
ประเทศไทย
ยุคก่อน พ.ศ. 2537
มีผลงานทางการวิจัยน้อย ร้อยละ 80 เป็นงานวิจัยที่จัดทำขึ้นในมหาลัย
ยุคหลัง พ.ศ.2537
มุ่งเน้นการพัฒนาบัณฑิตศึกษา และพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถทางการวิจัย
พ.ศ. 2544
พบว่ามีพยาบาลจบการศึกษาระดับปริญญาโทและเอกจำนวน 2759 คน และมีจนวนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในปี 2549
ความสำคญของการวิจัย
พัฒนาศักยภาพทางการพยาบาล
พัฒนาความรู้เดิมให้กว้างขวางขึ้น
สร้างความรู้ใหม่
แก้ปัญหาและพัฒนาการปฏิบัติการพยาบาล
ให้มีคุณภาพ
ให้มีศักยภาพ
มุมมองของสังคมต่อวิชาชีพพยาบาล
ปัจจุบัน
ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อวิชาชีพพยาบาล
ต้องเสียสละ อดทน และมีใจรักในวิชาชีพ
เป็นอาชีพที่มีเกียรติ สังคมให้การยอมรับและยกย่องบุคคลที่ประกอบอาชีพนี้
เป็นอาชีพที่หางานทำได้ไม่ยาก
การใช้บริการระหว่างภาครัฐและเอกชนมีความแตกต่างกัน เช่นการแต่งกาย การพูดจา
ด้านบุคลิกภาพ
จิตใจดี สุภาพ ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง
เรียบร้อย พูดจาอ่อนหวาน
เป็นคนดีมีคุณธรรมและจริยธรรม
อดีต
เป็นงานของคนในครอบครัวที่ต้องช่วยกันดูแล
เป็นหน้าที่ของผู้หญิง
เป็นอาชีพชั้นกรรมกร ที่ต้องคอยดูแลคนอื่น
การพัฒนาองค์กรทางวิชาชีพทางการพยาบาล
หลักคิดพอเพียง นำไปสู่การสร้างประสิทธิภาพของคนในองค์กร
คุณธรรมและจริยธรรมของวิชาชีพพยาบาล
แต่ละคนช่วยเหลือเกื้อกูลกันให้งานสำเร็จผลทั้งแก่ตน ผู้อื่น และประเทศชาติ
ปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต ในกฎกติกา ในระเบียบแบบแผนโดยเท่าเทียมเสมอกัน
คิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งเจริญต่อกัน
ต่างคนต่างทำความคิดความเห็นของตนให้ถูกต้องเที่ยตรง
พื้นฐานความรู้ของพยาบาลที่ต้องสร้างต่อไปให้เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสังคม
การสร้างระบบการศึกษาต่อเนื่องตลอดชีวิตของการเป็นพยาบาล
การพยาบาลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์
การบริหารจัดการแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์
โครวสร้างองค์กรที่เอื้อต่อการบริหาร
เช่นโครงสร้างองค์กรแบบเมทตริกซ์
เทคโนโลยี
นโยบายการบริหารและการปฏิบัติ
เช่นการประกาศนโยบายการบริหาร มีคู่มือการบริหาร
สภาพแวดล้อมภายนอก
การบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์
การจัดวางทิศทางขององค์กรโดยการกำหนดวิสัยทัศน์
การกำหนดเป้าหมายขององค์กรเพื่อกำหนดกลยุทธ์โดยการกำหนดผลลับที่สะท้อนระดับความสำเร็จ
การวิเคราะห์ศักยภาพและความพร้อมขององค์กรโดยพิจารณา จุดอ่อน จุดแข็ง
สร้างกลไกลการกำกับ ติดตาม และประเมินผลแผนกลยุทธ์
การพัฒนาศักยภาพของทีมงาน
ความสามารถของคนในทีม
เป้าหมายร่วมกันของคนในทีม
สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการทำงาน
622001050 ปวันรัตน์ ชื่นอารมณ์ ชั้นปีที่1 รุ่น37
แหล่งที่มา คลังปัญญามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี .สืบค้น 11 พฤษภาคม 2563 . จาก
http://sutir.sut.ac.th:8080/sutir/handle/123456789/5772?fbclid=IwAR2cHr8VpjGmA7fRKdMr5aeCcc3wUkpC0KIST1mgxhqHLsHBBt1E9sE8Lrw