Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กฎที่เกี่ยวข้องกับการประกอบวิชาชีพ - Coggle Diagram
กฎที่เกี่ยวข้องกับการประกอบวิชาชีพ
กฎหมายอาญา
กฏหมายอาญา คือ กฎหมายมหาชนประเภทหนึ่งที่กำหนดพันระหว่างรัฐกับราษฎรมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกระทำความผิดและการลงโทษผู้ฝ่าฝืน
ประเภทกฎหมายอาญา
1.ประมวลกฎหมายอาญา
กฎหมายที่รวบรวมการกระทำผิดสำคัญๆ และบังคับใช้
เช่น วิ่งราวทรัพย์ รับของโจร ยักยอก ปลอมแปลงเอกสาร
2.กฎหมายอาญาประเภทอื่นๆ
กฎหทายที่เกี่ยวกับกระทำความผิดเแพาะเรื่องนอกจากที่ได้กล่าวไว้
เช่น พระราชบัญญัติวิชาชีพพยาบาลและการผดุครรภ์ พ.ศ.2528 พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525
ความผิดทางอาญา
คือ การกระทำผิดที่มีผลกระทบต่อสังคมหรือคสสา่วนใหญ่ของประเทศ
แบ่งไเด้ 2 ประเภท
1.ความผิดต่อแผนดิน
ความผิดที่สำคัญและร้ายแรง มีผลกระทบต่อผู้ได้รับเสียหายและส่งผลกระทบต่อสังคมส่วนรวม
ผู้ที่ได้รับความเสียหายจะฟ้องคดีผู้ทำผิดด้วยตนเอง รัฐจำต้องดำเนินคดี เพื่อรักษาความสงบ
2.ความผิดส่วนตัว
ความผิดที่ไม่ร้ายแรง มีผลกระทบต่อผู้เสียหายฝ่ายเดียว
ผู้เสียหายเท่านั้นที่ฟ้องร้องได้เอง ถ้าผู้เสียหายไม่เอาเรื่อง รํฐไม่สามารถดำเนินคดีผู้กระทำผิดได้
เกณฑ์ความรับผิดทางอาญา บุคคลที่จะรับผิดทางอาญาเมื่อกระทำของบุคคลนั้นครบองค์ประกอบที่สำคัญ
2.การกระทำกฎหมายบัญญัตว่าเป็นกระทำผิดและกำหนดโทษไว้
3.ต้องกระทำโดยเจตนา หากกระทำโโยประมาทหรือไม่เจตนาต้องมีกฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องรับโทษ
1.ต้องมีการกระทำ
4.ไม่มีกฑหมายยกเว้นความรับผิดหรือกฎหมายยกเว้นโทษ
การกระทำ
คือ การเคลื่นไหวร่างกายภายใต้การบังคับของจิตใจและควมคุมได้ การเคลื่นไหวร่างกายที่ไม่อยู่ในบังคับของจิตใจหรืออาจไม่ควบคุมได้ เช่น reflex , convulsion
การกระทำโดยเจตนา
มาตรา 59 วรรค 2 การกระทำโดยเจตนาได้แก่ การกระทำโดยรู้สึกในกระทำและขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผล
องค์ประกอบ
1.ต้องกระทำโดยรู้สึกในการการะทำ
2.ต้องกระทำโโยประสงค์หรือเล็งเห็นต่อผล
การกระทำโดยประมาท
มาตรา 59 วรรค 4 การกระทำความผิดโดยเจตนา แต่ทำโดยปราศจากความระมัดระวัง
องค์ประกอบ
2.ได้กระทำไปโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึง่บุคคลนั้นในภาวะนั้น เช่นนั้นต้องมีตามวิสัย และพฤติกราณ์
3.ผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังได้ แต่หาใช้ไม่เพียงพอ
1.การกระทำนั้นเป็นการกระทำที่ไม่เจตนากระทำผิด
การกระทำโดยไม่เจตนา
การกระทำที่ไม่ประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำ หรือเป็นการกระทำต้องการให้เกิดผลอย่างหนึ่งแต่เมื่อกระทำแล้วผลเกิดขึ้นรุนแรงกว่าที่ตั้งใจไว้
ผู้ที่กระทำจะต้องได้รับโทษทางอาญาหากเป็นการกระทำที่ซึ่งกฎหมายกำหนดว่าต้องรับโทษแม้ไม้เจตนา
การกระทำโดยงดเว้น
บทบัญญัติของกฎหมายนี้ถือว่าการที่บุคคลใดทชมีหน้าทที่ที่จะต้องกระทำการใด เพื่องป้องกันผลร้ายอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ต้องถือบุคคลผู้มีหน้าที่นั้นเป็นผู้ที่กระทำให้ดกเิดผลร้ายแรงเอง
หน้าที่จะต้องกระทำอาจเกิดขึ้นได้ 2 กรณี
1.โดยกฎหมายบัญญัติ เช่น บิดามารดา มีหย้าที่อุปกระเลี้ยงดูบุตรที่หาเลี้ยงดูตัวเองไม่ได้ บัตรต้องอุปการะเลี้ยงดูบิามารดา
2.โดยกระทำของผู้กระทำผิดเอง เช่น รับจ้างเป็นพยาบาลมีหน้าที่ดูแลให้การพยาบาล แต่งดเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้ออกซิเจนหมด ผู้ป่วยถึงแก่กรรม
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่องป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นอันตรายซึ่งเกิดจากการทำร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ถ้ากระทำพอสมควรแก่ดหตุการณ์กระทำนั้นป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
หลักเกณฑ์
2.อันตรายนั้นเป็นอันตรายที่ใกล้จะถึง
3.ต้องเป็นการกระทำใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือผู้อื่นให้พ้นการอันตรายนั้น
1.ต้องเป็นอันตรายซึ่งเกิดจากการประทะร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย
การยินยอม
การอนุญาตให้การกระทำใด เป็นการปล่อยให้เหตุเกิดขึ้นโดยไม่ขัดขวาง ความยินบอมที่ยกขึ้นเป็นเหตุยกเว้นความรับผิดได้
องค์ประกอบ
2.ความยินยิมต้องมีอยู่ในขณะกระทำผิด
3.ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมของประชาชน การยอมให้่าไม่อาจกระทำได้เพราะผิดกฎหมาย
1.ต้องยินยอมโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้เกิดจากความหลอกลวง
เหตุยกเว้น
กระทำตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่พนักงาน
ผู้ใดกระทำตามคำสั่งของพนักงงาน แม้คำสั่งนั้นจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าผู้กระทำมีหน้าที่หรืเชื่อโดยสุจริตว่ามีหน้าที่ต้ิงทำตาม ผู้นั้นไม่รับโทษ เว้นแต่รู้ว่าคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หลักเกณฑ์
1.กระทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน (บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมาย)
2.คำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย คือ คำสัง่ที่กฎหมายไม่ให้อำนาจที่จะให้ออกคำสั่งเช่นนั้นได้
3.ผู้ที่กระทำมีหน้าที่ หรือเชื่อโดนสุจริตใจว่ามีหน้าที่ต้องทำตาม
บุคคลที่กระทำผิดตามรรมดาก็ย่อมต้องรับโทษตามกฎหมาย แต่บางกรณีบุคคลกระทำผิดนั้นเป็นความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ เพราะมีเหตุเว้นโทาตามกฎหมาย
กระทำผิดเพราะไม่สามารถรู้ผิดชอบ
ผู้ใดกระทำความผิดในขณะไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่องหรือจิตฟั่นเฟือง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น แต่ถ้าผู้กระทำผิดยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ผู้นั้นต้องรับโทษแต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่ากฎหมายกำนห
หลักการ
1.ต้องกระทำผิดในจณะที่ไม่สามารถรู้รับผิดชอบหรือไม่ สามารถบังคับจนเองได้
2.เพราะจิตบงพร่อง โรคจิต จิตฟั่นเฟือง
การกระทำผิดด้วยความจำเป็น
1.เพราะอยู่ในที่บังคับหรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้
2.เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพันภัยอันตรายที่ใกล้จะกึงและหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นก็ได้ เมื่อภัยอันตรายนัน้ตนไม่ได่ก่อให้เกิด เพราะตนเอง
อายุความและโทษทางอาญา
การลงโทาผู้ที่กระทำผิดทางอาญานอกจากการกระทำต้องมีกฎหมายกำหนดไว้ชัดว่าเป็นความผิด ต้องอยู่ในระยะของอายุความที่ศาลจะลงโทษด้วย
หากผู้เสียหายปล่อยละเลยหรือจำเลยหลบหนีไปจนหมดอายุความ พนักงานอัยการผู้เป็นโจทย์ก็จะสั่งฟ้องผู้ต้องหาไม่ได้
สภาพบังคับของกฎหมาย เป็นการลงโทษเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความรู้สึกของชุมชนในการโต้ตอบผู้ที่กระทำผิด กฎระเบียบ ก่อให้เกิดความไม่สงบในสังคม อาจได้นชรับบทลงโทษสูงสุดขั้นประหารชีวิต
โทษสำหรัลผู้กระทำผิด
3.กักขัง
4.ปรับ
2.จำคุก
5.ริบทรัพย์สิน
1.ประหารชีวิต
การประกอบวิชาชีพพยาบาลและการผดุครรภ์กับความผิดทางอาญา
1.การไม่ช่วยเหลือหรืปฏิเสธการประกอบวิชาชีพ
ผูัใดเห็นผู้อื่นอยู่ในภัยอันตรายแห่งชีวิต ซึ่งตนอาจช่วยเหลือได้โดยไม่กลัวอันตรายแก่ตนหรือผู้อื่น แต่ไม่ช่วยตามความจำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิดหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดมาตรานี้ ได้แก่ การปฏิเสธไมช่วยเหลือผู้ป่วยเข้ามาขอรับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล การอ้างกฎระเบียบของโรงพยาบาลหรืออ้างว่าอาการหนักเกินกว่ารักษาได้ และไม่ให้การช่วยเหลือใดๆย่อมครบองค์ประกอบของความคิด
2ประกอบวิชาชีพโดยผู้ป่วยไม่ยินยอม
ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่ทำกระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โโยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง ทรพย์สิน ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น โดยใช้กำลังทำร้าย ไม่กระการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกินหกพัน หรือทั้งจำทั้งปรับ
4.การเปิดเผยความรับ
ผู้ใด้ล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับของผู้ป่วยโดยเหตุที่เป็นเจ้าพนักงาน โดยเหตุที่ประกอบอาชีพเป็นแพทย์ เภสัชกร คนจำหน่ายยา ผู้พยาบาลครรภ์ นักบวช ทนายความ ผู้สอบบัญชี
หรือโดยเหตุที่เป็นประกอบอาชีพนั้น แล้วเปิดเผยความลับนั้นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทาเช่นกัน
5.ประมาทในการประกอบวิชาชีพ
กระทำโดยประมาท ได้แก่ กระทำผิดไม่ใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวัง เช่นนั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอ
ความผิดมาตรานี้ ได้แก่ การฉีดยาที่สะโพกผิดเทคนิค ทำให้เส้นประสาท SCIATIC ได้รับบาดเจ็บผู้ป่วยมีอัมพาตของขา เป็นต้น
3.ทอดทิ้งหรือปล่อยปะละเลยผู้ป่วย
ผู้ใดมีหน้าที่ตามกฎหมายหรือตามสัญญา ต้องดูแลผู้ซึ่งพึ่งตนเองไม่ได้ เพราะอายุ ความเจ็บป่วย กายพิการ จิตพิการ ทอดทิ้งผู้ซึ่งพึ่งตนเองไม่ได้น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตราถึงชีวิต
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
6.การทำหรือรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ
ผู้ใดในการระกอบการงานในวิชาแพทย์ กฎหมาย บัญชี หรือวิชาชีพอื่นใด ทำคำรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
7.การทำให้แท้ง
ผู้ใดทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยิยยอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อเกิดความจำเป็นในลักษณะข้าต้น กฎหมายอนุญาตให้แพทย์ทำแท้งให้กับหญิงได้ และโดยหลักเกณฑ์กำหนดให้ผู้ทำแท้งเป็นแพทย์เท่านั้น ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลไม่เป็นผู้ลงมือทำแท้งให้กับหญิงได้ แม้มีเหตุจำเปป็นเพื่อสุขภาพหญิงหรือหญิงตั้งครรภ์เนื่องจากการกระทำผิดทางอาญา
กฎหมายแพ่ง
ที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพพยาบาลและการผดุครรภ์ ในการประกอบวิชาชีพพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชรพต้องมีความสัมพันธ์กับบุคคล ซึ่งในการปฏิบัติพยาบาลในบ้างครั้งอาจเกิดความเสียหายต่อร่างกายหรือทัรพย์สินของผู้ป่วย ก่อให้เกิดการเรียกร้องค่าเสียหายได้ในอนาคต
ความสัมพันธของบุคคล
ละเมิด
การกระทำหรืองดเว้นการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิต อนาัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน หรือสิทธิของผู้อื่น
องค์ประกอบ
2.การกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ คือการะทำโดยรู้สำนึกในขณะเดียวกันก็รู้ว่าจะทำให้เกิดความเสียหาย
3.ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย คือการกระทำก่อให้เกิดความสเียหายขึ้น ซึง่อาจเป็นความเสียหายต่อร่างกายหรือทรัพย์สิน
การชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดการละเมิดให้กับผู้เสียหายตามกฎหมายแพ่ง คือค่าสินไหมทดแทน
กรณีทรัพย์สินเสียหาย ป.พ.พ. มาตรา 438 วรรคสอง ค่าสินสไหมทดแทนได้แก่ การคือทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเพราะการละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินรวมค่าเสียหายอันพึ่งจะบังคับให้ใช้
กรณีเสียหายแก่ถึงความตาย ป.พ.พ. มาตรา 443 ค่าสินไหมทดแทนที่จะต้องชดใช้ให้แก่ทายาท
1.ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการปลงศพ เช่น ค่าโลง ค่าบำเพ็ญกุศล
2.ค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดู
3.ค่าขาดแรงงาน ถ้าผู้ตายมีความผูกพันตามกฎหมายจะต้องทำงานเป็นคุณให้แก่ครอบครัว
4.ค้ารักษาพยาบาลและค่าประโยชน์ทำมาหาได้ก่อนตาย
กรณีเสียชีวิตไม่ถึงแก่ความตาย เพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กาย
2.ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ระหว่างเจ็บป่วย
3.ค่าสูญเสียความสามารถในการประกอบอาชีพทั้งในปัจจุบันเวลาและในอนาคต
1.ค่ารักษาพยาบาลอันจำเป็นแก่การพยาบาล
4.ค่าเสียหายอื่น อันไม่ใช่ตัวเงิน หรือเรียกว่า ค่าทำขวัญ ตาม ป.พ.พ. 446 คือค่าเสียหายเฉพาะตัวผู้เสียหายเท่านั้นและไม่ตกทอดไม่ยังทายาทเหมือนค่าสินไหมทดแทน
1.กระทำผู้อื่นโดยผิดต่อกฎหมาย คือการกระทำผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย ด้วยการฝ่าฝืนต่อกฎหมายที่ห้ามไว้ หรือละเว้นไม่ทำสิ่งที่กฎหมายบัญญัติ
ผู้ร่วมรับผิดในการละเมิด
โดยปกติผู้กระทำจำต้องรับผิดโดยเฉพาะการกระทำของตน แต่ในเรื่องการละเมิด แต่บางกรณีผู้ี่ไม่ได้มีส่วนร่วม หรือรู้เห็นในการทำละเมิดเลย แต่อาจต้องรับผิดชอบในการละเมิด
ตัวการรับผิดชอบกับตัวแทน
ป.พ.พ.มาตรา 427 กฎหมายกำหนดให้ตัวการรับผิดชอบต่อผลการกระทำของตัวแทน ซึ่งได้ทำไปในขอบอำนาจของตัวแทนซึ่งได้รับมองหมายจากตัวการ
ครูอาจารย์กับผู้ที่อยู่ในความดูแลของตน
ป.พ.พ.มาตรา 430 กฎหมายกำหนดให้ครูอาจารย์ รับผิดชอบต่อผลการกระทำละเมิดของบุคคลที่อยู่ในความดูแลของตน ซึ่งได้กระทำในขณะที่ผู้นั้นอยู่ในความดูแลของตน
นายจ้างกับลูกจ้าง
ป.พ.พ.มาตรา 425 กฎหมายกำหนดให้นายจ้างรับผิดชอยกับลูกจ้างในผลของละเมิดที่เกิดขึ้น จากากรปฏิบัติของลูกจ้างในทางการจ้าง
บิดามารดากับผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาลกับคนวิกลจริต
ป.พ.พ.มาตรา 429 กฎหมายกำหนดให้บิดามารดา หรือผู้อนุบาล ต้องร่วมรับผิดชอบต่อผลการละเมิดที่เกิดขึ้นจากการกระทำของผู้เยาว์ หรือผู้วิกลจริตที่อยูในความดูแล
การร่วมกันละเมิด
ป.พ.พ. มานตรา 432 ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น โดยร่วมกันทำละเมิดท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดชอบใช้ค่าสินไหมทดแทน เพื่อความเสียหายนั้น
สัญญา
การตกลงด้วยความสมัครใจตั้งแต่บุคคลสองฝ่ายขึ้นไป โดยเจตนาจะต้องถูกต้องตรงกัน
ฝ่ายหนึ่งจะต้องแสดงเจตนามาก่อน คือ คำเสนอ เมื่อีกฝ่ายสนใจคำเสนอนั้นก็จะแสดงเจตนายอมรับ คือคำสนอง
เมื่อคำเสนอ และคำสนองตรงกันก็จะเกิดเป็นสัญญาผูกพันคู่สัญญา
นิติกรรม
คือการกระทำของบุคคลโดยชอบด้วยกฎหมายและสมัครใจมุ่งโดนตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์เพื่อก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับสิทธิ์
ป.พ.พ.มาตรา 149 นิติกรรม คือ การใดๆอันทำลงโดยชอบด้วยกฑหมายและใจสมัครโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เพื่อก่อการเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับสิทธิ์
องค์ประกอบ
1.มีการกระทำ จะเป็นการกระทำใดๆทั้งสิ้น เช่นการบอกกล่าวด้วยวาจาเป็นลาลักษณ์อักษร หรอืทำสัญญาลักษณ์
2.การกระทำนั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ขัดต่อกฎหมาย
แบ่งเป็น
1.นิติกรรมฝ่ายเดียว คือ นิติกรรมที่เกิดขึ้นโโนแสดงเจตนาของบุคคลากรฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียว
2.นิติกรรมสองฝ่าย คือ นิติกรรมที่เกิดขึ้นโดยแสดงเจตนาของบุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไป โดยฝ่ายหนึ่งแสดงเจตนาเป็นคำเสนอ อีกฝ่ายแสดงเจตนาสนอง จึงมีนิติสัมพันธ์ขึ้ยเป็นสัญญาว่าจ้าง
บุคคลซึง่กฎหมายถือว่าหย่อนความสามารถในการกระทำนิติกรรม
คนไร้ความสามารถ คือคนวิกลจริตที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ โดยศาลจะแต่งตั้งให้คู่สมรสหรือบุพการีของคนวิกลจริตเป็นผู้อนุบาล และผู้อนุบาลจะเป็นผู้ทำนติกรรมแทน
คนเสมือนไร้ความสามารถ คือบุคคลที่ไม่สามารถจัดการงา่นของตนเองได้เพราะ
2.ประพฤสุรุ่ยสุร่าย เสเพลเป็ฯอาจิณ
3.ติดสุรายาเมา
1.กายพิการหรือจิตฟั่นเฟืองไม่สมประกอบ
ผู้เยาว์ บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ การกระทำนิติกรรมของผู้เยาว์ต้องไดเ้รับการยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม ได้แก่ บิดามารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง
สภาพบังคับของกฎหมาย
2.โมฆียกรรม
นิติกรรมที่มีผลสมบูรณ์ในขณะที่ทำ แต่อาจถูกฝ่ายที่เสียเปรียบบอกล้างำด้ในเวลาต่อมา มีผลให้นิติกรรมนั้นสิ้นสุดลงและตกเป็นโมฆะกรรม
องค์ประกอบ
1.นิติกรรมที่ทำขึ้นโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของคู่สัญญา
2.นิติกรรมที่ทำขึ้นโดยคู่สัญญหย่อนความสามารถในการทำนิติกรรม
3.การบังคับชำระหนี้
อาจเป็นการบังคับชำระด้วยเงินหรือการส่งมอบทรัพย์สิน หรือสั่งให้กระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืองดการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ขึ้นอยู่กับสภาพที่เกิด
1.โมฆะกรรม
ความสูญเปล่าของนิติกรรม มีผลเสมือนหนึ่งว่าไม่ได้มีการกระทำนิติกรรมน้ันขึ้น และผู้เสียหายก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายให้อีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติตาม
ป.พ.พ.150 การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็ฯการพ้นวิสัยหรือการขัดต่อความสงบ หรือศีลธรรทอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ
องค์ประกอบ
2.เป็ฯพ้นวิสัย คือ เป็นการกระทำในสิ่งที่ไม่สามารถหระทำได้ เช่น ทำสัญญา ชุบชีวิต
3.ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมของประชาชน
1.ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย กฎหมยห้ามกระทำ เช่น ทำสัญญารับจ้างฆ่าคน
4.การชดใช้ค่าเสียหาย
กฎหมายแพ่งได้รับรองสิทธิให้ผู้ที่ได้รับความเสียหามีสิทธิเรียกร้องให้ผู้กรพทำความผิดชดใช้ค่าเสียหาย หรือค่าสินไหมทดแทนแก่ตน เพื่อให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายคืนสู่ฐานะเดิมให้ได้ใกล้เคียงมากที่สุด
ความรับผิด
ความรับผิดตามสัญญา
ความตกลงด้วยความสมัครระกหว่างบุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไปว่าจะกระทำหรืองดเว้นกระทำกี่อันชอบด้วยกฎหมาย
ความรับผิดทางแพ่ง
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับผู้บริการกับแพทย์หรือพยาบาล เปลี่ยนจากความสัมพันธ์ที่มีความนับถือไว้วางใจใตัวบุคคล เป็นควสามสัมพันธ์เชิญกฎหมาย คือความรับผิดตรมสัญญาและความรับผิดจากการละเมิด
ความรับผิดจากการละเมิด
ละเมิด คือ การกระทำ รวมถึงการงดเว้นที่ทำให้เกิดความเสียหายแกชีวิตอนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน และสิทธิต่างๆ
หลักที่ถือว่าละเมิด
1.กระทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย
2.กระทำโดยจงใจหรือประมาท หรือเลินเล่อ
3.ทำใ้บุคคลอื่นเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง
4.ผู้กระทำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
การกระทำ
กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ การกระทำโดยสำนึก ในการที่กระทำและในขณะเดียวผู้ที่กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของกากระทำนั้น
กระทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย คือกระทำผิดกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง