Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
อาหารที่เหมาะสมสําหรับบุค คลในภาวะและวัยต่าง ๆ - Coggle Diagram
อาหารที่เหมาะสมสําหรับบุค
คลในภาวะและวัยต่าง ๆ
หญิงตั้งครรภ์
โภชนาการสําหรับหญิงตั้งครรภ์
1.พลังงาน ขณะที่ตั้งครรภ์ จําเป็นจะต้องได้รับ พลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อใช้สำหรับ เมทาบอลิซึมที่เพิ่มขึ้นเพื่อการเจริญเติบโตของอวัยวะของ
แม่ และการเพิ่มขนาดของตัวเด็ก
2.โปรตีน กรมอนามัย แนะนําได้โปรตีนเพิ่มอีกวันละ 25 กรัม
เนื่องจากร่างกายต้องการโปรตีนเพื่อสร้างเนื้อเยื่อทั้ง กล้ามเนื้อและสมองเด็ก และสร้างเนื้อเยื้อ ทางฝ่ายแม่
3.ธาตุเหล็ก
ร่างกายแม่มีการสร้างเม็ดเลือดเพิ่ม ขึ้นเนื่องจากปริมาณเลือดโดยเสริมวัน ละ 60 มิลลิกรัม
4.แคลเซียม
มีควาสําคัญต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
และการรักษาปริมาณมวนกระดูกของมารดา
5.สังกะสี เพิ่มวันละ 2 มิลลิกรมเนื่องจากสังกะสีควบคุมการเจริญเติบโตและพัฒนาการระบบภูมิคุ้มกันอายุขัยของเซลล์ ถ้าขาดทารกในครรภ์จะเจริญเติบโตชา
6.ไอโอดีน ควรได้เพิ่มวัน ละ 50 ไมโครกรัมเนื่องจากอาจจะเกิดภาวะเสี่ยงต่อการแท้งบุตรทารกตายขณะคลอด
7.วิตามินบีหนึ่ง ควรได้รบั เพิ่มวัน ละ 0.3 มิลลิกรัม
8.วิตามินบีหก เพิ่มเป็น 0.6 มิลลิกรัม
ชว่ยในการเผาผลาญและสังเคราะห์กรดอะมิโน และ Heme
9.วิตามินโฟลาซิน ถ้าขาดจะส่งผลให้เด็กทารกที่คลอดพิการทางสมอง ได้รับวัน ละ 500 ไมโครกรัม
อาหารสําหรับ หญิงตั้งครรภ์
อาหารและผลิตภัณฑ์นม วัน ละ 3 แก้ว
อาหารกลุ่มผลไม้ วัน ละ 5 ส่วน
อาหารกลุ่มข้าว แป้ง วัน ละ 9 ทัพพี
อาหารกลุ่มผัก วัน ละ 6 ทัพพี
อาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ วัน ละ 12 ช้อนกินข้าว
อาหารกลุ่มไขมัน วัน ละ 5 ช้อนชา
หญิงให้นมบุตร
1.พลังงาน พลังงานในการผลิตน้ำนม
พลังงานเพิ่มอีกวัน ละ 500 กิโลแคลอรี
โปรตีน ใช้ในการสร้างน้ำนมสําหลับทารก
เพื่อซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆที่สูญเสียไปในการคลอดทารก
3.วิตามิน
เอ เพิ่มวัน ละ 375 ไมโครกรัม
ดี เท่าปกติ
บีหนึ่ง ควรได้เพิ่มอกี 0.3 มิลลิกรัม
บีสอง ควรได้รับเพิัมอีก วัน ละ 0.5 มิลลิกรัม
ซี ควรได้รับเพิ่มวัน ละ 35 มิลลิกรัม
4. เกลือแร่
ธาตุเหล็ก เพิ่มวัน ละ 15 มิลลิกรัม
แคลเซียม เท่าปกติ
ไอโอดีน เพิ่มอีก วัน ละ 50 ไมโครกรัม
อาหารสําหรับหญิงให้นมบุตร ต้องการวัน ละ 2250 กิโลแคลอรี่
อาหารกลุ่มนมและผลิตภัณฑ์นม วัน ละ 3 แก้ว
อาหารกลุ่มผลไม้ วัน ละ 7 ส่วน
อาหารกลุ่มข้าวแป้ง วนั ละ 9.5 ทัพพี
อาหารกลุ่มผัก วัน ละ 7 ทัพพี
อาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ กินวัน ละ 12 ส่วน
อาหารกลุ่มไขมัน กินวัน ละ 5 ช้อนชา
ทารก
โภชนาการสําหรับทารก
พลังงาน ทารก 6-11 เดือน ควรได้รับวัน ละ 800 กิโลแคลอรี่
โปรตีน สร้างกล้ามเนื้อ ทารกอายุ 6-11 เดือน ควรได้รับวัน ละ 15 กรัม
ความต้องการสารอาหารในทารก
แคลเซียม ได้รับวันละ 270 มิลลิกรัม
วิตามิน A รักษาสภาพของเยื่อบุผิวที่ผิวต้านทานโรค อายุ 6-11
เดือน ควรได้รับวัน ละ 400 ไมโครกรัม
วิตามิน D ช่วยดูดแคลเซียม สร้างกระดูกและฟัน ทารกอายุ 6-11
เดือนควรได้รับวันละ 5 ไมโครกรัม
วิตามินE ทารก 6-11 เดือน ควรได้รับวันละ 5 มิลลิกรัม
วิตามินC จําเป็นสมานแผล ทารกอายุ 6-11 เดือน ได้รับวัน ละ 35
มิลลิกรัม
B1 เพื่อเผาผลาญ ทารกอายุ 6-11 เดือน ควรได้รับวันละ 0.3
มิลลิกรัม
วิตามินB2 ควรได้รับวัน 0.4 มิลลิกรัม
วิตามินB6 ควรได้รับวัน ละ 0.5 มิลลิกรัม
วิตามินB12 ได้รับวันละ 0.5 ไมโครกรม
ฟอสฟอรัส ได้รับวัน ละ 275 มิลลิกรัม
ไอโอดีน ได้รับวันละ 9.3 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก ควรได้รับวัน ละ 9.3 มิลลิกรัม
สังกะสี ได้รับวันละ 3 มิลลิกรม
ความต้องการสารอาหารในทารก
ชนิดอาหารที่ให้ทารกตามวัย
อาหารทารกอายุ 8-9 เดือน กินนมแม่และอาหารอื่น 2 มื่อ
ผัก = ผักสุกหั่ย 2 ช้อนกินข้าว
ข้าวหุงนิ่ม ๆ = 5 ช้อนกินข้าว แบ่งกินมื้อละ 2-3
ช้อนกินข้าวไม่ต้องบดละเอียด เพราะฟันเริ่ม ขึ้น
ไข่ทั้งฟอง = เนื้อสัตว์ 2 ช้อน
ผลไม้ = กินผลไม้สุกวันละ 3-4 ชิ้น
เด็กอายุ 6 เดือน กินนมแม่และอาหารอื่น 1 มื้อ
ผัก = ผักสุกบดครึ่ง ช้อนกินข้าว เช่น ตําลึง กวางตุ้ง
ข้าว = ข้าวบด 3 ช้อนกินข้าว บดละเอียด
ไข่และเนื้อสัตว์ = ไข่แดงครึ่งฟอง กับ ตับบด 1 ช้อนกินข้าว หรือ ปลาบด
2 ช้อนกินข้าว เป็นปลาทู ปลาช่อน
ผลไม้ = ผลไม้สุก 1-2 ชนิด เช่น มะละกอสุก มะม่วงสุก ส้ม กล้วย
อาหารทารก อายุ 10-12 เดือน กินนมแม่และอาหารอื่น 3 มื่อ
ข้าว = ข้าวสุกหุงนิ่ม 5 ช้อนกินข้าวให้กินใน1 วัน
ไข่ทั้งฟองและเนื้อสัตว์ 2 ช้อนกินข้าว แยกเป็น 3 มื้อ
ผัก = ผักสุกหั่น 2 ช้อนกินข้าว
ผลไม้ = ผลไม้สุก ได้แก่ กล้วยน้ำว้ามะละกอสุก
หลังจากให้ลูกกินอาหารแล้ว ควรให้ลูกกินนมแม่ตามจนอม
เด็กก่อนวัยเรียน
โภชนาการ
ไอโอดีน เด็กอายุ 1-3 ป= วนั ละ 90 มิลลิกรมั เท่ากับ เด็กอายุ 4-5 ป
ฟอสฟอรัส เด็กอายุ 1-3 ป= วันละ 460 มิลลิกรัมเด็กอายุ 4-5 ปี
ควรได้รับวันละ 500 มิลลิกรัม
วิตามินB12 เด็กอายุ 1-3 ปี วันละ 0.9 มิลลิกรัมเด็กอายุ 4-5 ปีควรได้รับวันละ 1.2 มิลลิกรัม
วิตามินB2 เด็กอายุ 1-3 ปีวันละ 0.5 มิลลิกรัมเด็กอายุ 4-5 ปี
ควรได้รับวันละ 0.6 มิลลิกรัม
พลังงาน เด็กอายุ 1-3 ปีวันละ 1000 กิโลแคลอรี่เด็กอายุ 4-5 ปีละ 1300 กิโลแคลอรี่
โปรตีน เด็กอายุ 1-3 ปีวันละ 18 กรัมเด็กอายุ 4-5 ปี
ควรได้รับวันละ 22 กรัม
วิตตามินB1 เด็กอายุ 1-3 ปีวันละ 0.5 มิลลิกรัมเด็กอายุ 4-5 ปี
ควรได้รับวันละ 0.6 มิลลิกรัม
วิตามินB6 เด็กอายุ 1-3 ปีวันละ 0.5 มิลลิกรัมเด็กอายุ 4-5 ปี
ควรได้รับวันละ 0.6 มิลลิกรัม
แคลเซียม เด็กอายุ 1-3 ปีละ 500 มิลลิกรัมเด็กอายุ
4-5 ปีควรได้รับวันละ 800 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก เด็กอายุ 1-3 ปีวันละ 460 มิลลิกรัมเด็กอายุ 4-5 ปี
ควรได้รับวันละ 460 มิลลิกรัม
วัยเรียน
หลักการจัดอาหารสําหรับเด็กวัยเรียน
ควรจัดอาหารให้หลากหลาย ย่อยง่าย เคี้ยวงา่ย รสไม่จัด
สีสันน่ารับประทาน
2.ควรเสริมอาหารประเภทเต้าหู้ และถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ
แทนอาหารประเภทเนื้อสัตว
ควรจัดอาหารที่มีส่วนประกอบของผักทุกวันให้มีความหลากหลาย
เช่น ผักใบเขียว
ควรฝักให้เด็กรับประทานผลไม้ทุกวัน
5.ขนมหวานและอาหารว่าง ควรทําจากธัญพืชต่าง ๆ
และถั่วเมล็ดแห้ง
6.ไม่ควรปรุงอาหารรสจัด
7.ไม่ควรให้ขนมกินเล่นก่อนมื้ออาหาร
8.ระมัดระวังในเรื่องความสะอาดของอาหาร
ความต้องการสารอาหาร
สังกะสี เด็ก6-8 ปี = 4 มิลลิกรัมเด็กอายุ 9-12 ปี = 5 มิลลิกรัม
แคลเซียมและฟอสฟอรัส เด็กอายุ 6-8 ปี = 800 มิลลิกรัม เด็กอายุ
9-12 ปี = 41 มิลลิกรัม
พลังงาน เด็ก 6-8 ปี ชายและหญิง = 1400 กิโลเเคลอรี่เด็กอายุ 9-
12 ป=หญิง = 1600 กิโลแคลอรี่
โปรตีน เด็ก 6-8 ปี = 28 กรัม เด็ก 9-12 ชาย = 40 กรัม เด็กอายุ
9-12 ปีหญิง = 41 กรัม
ไอโอดีน เด็กอายุ 6-8 ปี และวัย 9-12 ปี = 120 ไมโครกรัมป้องกันคอพอก
วิตามิน เด็กอายุ 6-8 ปี และ 9-12 ปี = 5 ไมโครกรัม