Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงของระบบเผาผลาญ, รายชื่อสมาชิก, Illu_adrenal_gland, end…
การเปลี่ยนแปลงของระบบเผาผลาญ
ต่อมพาราธัยรอยด์ (parathyroidgland)
ขณะตั้งครรภ์ต่อมพาราธัยรอยด์จะโตขึ้นเล็กน้อย
ฮอร์โมนจะเพิ่มขึ้นสูงเกือบสองเท่าในสัปดาห์ที่ 15-35 ของการตั้งครรภ์และกลับสู่ภาวะปกติในระยะหลังคลอด
การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนทำให้การดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ดีขึ้นเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของทารกในครรภ์
ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต (adrenal gland)
ขนาดและลักษณะสร้างของต่อมไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีการสร้างฮอร์โมนเพิ่มขึ้นมาก
เอสโตรเจนจะกระตุ้นให้ตับสร้าง cortisol-binding globulin(CBG)
ส่งผลให้ระดับ cortisol และ corticotropin (ACTH) เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาสแรก และจะสูงขึ้นถึง 2-3 เท่าตอนคลอด
ระดับ deoxycorticosterone เพิ่มขึ้น
dehydroepiandrosterone sulfate จะลดลงเพราะเปลี่ยนไปเป็น estrogen
ในระหว่างการตั้งครรภ์จะเกิดภาวะ “physiologic hypercorticolism” จากการเพิ่มขึ้นของ steroids ในระหว่างตั้งครรภ์
progesterone ทำให้ต่อมหมวกไตมีการหลั่ง aldosterone เพิ่มขึ้นระยะแรกของไตรมาสที่ 2
estrogen ทำให้ระดับ cortisol ในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น
เกิดการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน
insulin antagonist
hyperglycemia
ต่อมธัยรอยด์
(thyroid gland)
สตรีมีครรภ์จะอยู่ในภาวะ euthyroid state ฮอร์โมน estrogen จะกระตุ้นให้ต่อมธัยรอยด์โตขึ้นเล็กน้อย
ในระยะแรกของ
การต้ังครรภ์
thyroxin binding capacity เพิ่มขึ้น
basal metabolic rate สูงขึ้น
เพิ่มขึ้นจากการตรวจพบระดับของ protein-bound iodine ในเลือด
และ butanol-extractable iodine เพิ่มขึ้น
รกจะสร้าง ฮอร์โมน HcG ไปกระตุ้นการหลั่ง thyroxinเเละสร้าง thyroxin เพิ่มขึ้น
เมื่อ thyroxin เพิ่มขึ้นจะผ่านรกเเละไปพัฒนาระบบประสาทของทารกในครรภ์ ถ้ามีความผิดปกติของฮอร์โมนทารกก็จะมีการเปลี่ยนเเปลงด้วย
ขนาดต่อมธัยรอยด์โตจะต้องส่งพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรค hyperthyroidism
สตรีมีครรภ์ได้รับ iodine ไม่เพียงพอก็จะทำ ให้เกิดคอพอกได้
ฮอร์ โมนจากต่อมใต้สมอง (pituitary gland)
ต่อมใต้สมองส่วนหน้าจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และกลับสู่สภาพปกติหลัง คลอด ตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์ FSHและLH จะถูกยับยั้งโดย estrogen และprogesterone จึงไม่มีไข่ตกในระยะตั้งครรภ์
ฮอร์โมน thyrotropin และ adrenotropin เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงการเผาผลาญสารอาหารของ มารดาในระยะตั้งครรภ์
ต่อมใต้สมองส่วนหลังจะหลั่ง
oxytocin จะกระตุ้นการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก การเจ็บครรภ์คลอด และการหลั่งน้ำนมในระยะหลังคลอด
ในระยะหลังคลอด progesterone จะลดลงจึงมีกระบวนการผลิตน้ำนมเริ่มขึ้น
หญิงตั้งครรภ์ต้องผลิตน้ำนม ร่างกายจึงต้องการโปรตีนเพื่อใช้ในการสร้างน้ำนม
vasopressin ทำให้เส้น
เลือดหดรัดตัวซึ่งจะทำให้ความดันโลหิตสูงและมีบทบาทในการปรับสมดุลน้ำในร่างกายโดย vasopressin
จะสร้างมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณเลือด และplasma osmolality
ในระยะการตั้งครรภ์ น้ำจะสะสมในรางกายมากขึ้น เมื่อครบกำหนดคลอด มีการสะสมน้ำประมาณ 6.5 ลิตร เป็นส่วนของน้ำคร่ำ 3.5 ลิตร Steroid hormones ทำให้มีการดูดซึมกลับของโซเดียมและน้ำ ทำให้มีระดับโปรตีนในเลือดต่ำ ส่งผลให้ Osmotic pressure ลดลง
Osmotic pressure ลดลง ทำให้มีการเพิ่มแรงดันในหลอดเลือดมากขึ้น จึงทำให้น้ำออกนอกเซลล์ ทำให้มีการบวมที่ข้อเท้าในระยะท้ายของการตั้งครรภ์
ต่อมใต้สมองส่วนหน้า
ต่อมใต้สมองส่วนหน้าจะหลั่งฮอร์โมน prolactin เพื่อช่วยให้มีการพัฒนาการของเต้านมในระยะ
ต้ังครรภ์เตรียมสำหรับการสร้างน้ำนม โดยปริมาณเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า
แต่ปริมาณ estrogen และ
progesterone ที่มีระดับสูงจะยับยั้งการสร้างน้ำนมและhypothalamusอจะหลั่ง prolactin inhibitor factor ซึ่งทำ
ให้ไม่มีการสร้างน้ำนมด้วย
ฮอร์โมนจากตับอ่อน (pancreas)
ตับอ่อนจะสร้าง insulin เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองกับ glucocorticoid ที่เพิ่มขึ้น
insulin จะทำหน้าที่ลดลงเนื่องจากฮอร์โมน estrogen, progesterone และ human placental lactogen ทำหน้าที่เป็น insulin antagonist
ทำให้ระยะครึ่งหลังของการตั้งครรภ์ เกิดภาวะ hyperglycemia จากภาวะ insulin atagonist
diabetogenic state
แนวโน้มจะเป็นเบาหวานในระยะตั้งครรภ์ได้ง่าย
และสตรีที่เป็นเบาหวานก่อนตั้งครรภ์จะมีความต้องการ insulin เพิ่มขึ้น
เมื่อ insulin ทำงานได้ไม่เต็มที่ทำให้มีการสลายไขมันใช้เพื่อเป็นพลังงานทดแทน
ผู้ที่เป็นเบาหวาน เกิดภาวะ Ketoacidosis
รายชื่อสมาชิก
นางสาวชญาน์นันท์ ชัยพรพูนมงคล 13B
นางสาวณิชาภัทร ขัติยะ 24B
นางสาวนริศรา เชียงแสงทอง 35B
นางสาวภควดี ฉัตรน้อย 60B
นางสาววรรณภา ดวงสุวรรณ์ 67B
นางสาวสุพัตรา รามจุล 87B
นางสาวอริสรา เจิมขุนทด 96B
นางสาวอัญมณี แอมสมจิตร์ 100B