Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เรื่อง ปัญหาระบบประสาทกระดูกและกล้ามเนื้อ - Coggle Diagram
เรื่อง ปัญหาระบบประสาทกระดูกและกล้ามเนื้อ
ประสาท Neuro
บทบาทของพยาบาลในการดูแลเด็ก
ที่มีความผิดปกติของระบบประสาท
**
ความไม่รู้สึกตัว
ระดับความรู้สึกตัวดี (full consciousness)
ความรู้สึกสับสน (confusion)
การรับรู้ผิดปกติ (disorientation)
ระดับความรู้สึกง่วงงุน (lethargy / drowsy)
ระดับความรู้สึก stupor
ระดับหมดสติ (coma)
ภาวะไม่รู้สึกตัว ร่วมกับการเคลื่อนไหวผิดปกติ
อาการสำคัญ คือ
ชักเกร็ง ซึม ไม่ดูดนม
กรณีที่ 1 ไม่มีไข้
นึกถึง ความผิดปกติของสมองที่เกิดจากการได้รับบาดเจ็บ (Head Injury) เนื้องอกในสมอง (Brain Tumor) โรคลมชัก (Epilepsy)
กรณีที่ 2 มีไข้
นึกถึง ความผิดปกติที่สมองที่เกิดจากการติดเชื้อของเยื้อหุ้มสมอง สมองและไขสันหลัง (Meningitis ;Encephalitis; Tetanus)
กรณีที่ 3 มีไข้สูง
มีไข้สูงเกิน 38 ํc อายุ ประมาณ 6 เดือน-5 ปี ไม่มีการติดเชื้อของระบบประสาทนึกถึง Febrile convulsion
ภาวะชักจากไข้สูง (Febrile convulsion)
ปัจจัยเสี่ยงของการชักช้ำ
1.อาการชักครั้งแรกช่วงอายุ 1 ปี
2.ความผิดปกติของประสาทก่อนมีอาการชัก
3.ประวัติชักในครอบครัว
4.ไข้ที่เกิดร่วมกับการติดเชื้อ
ชนิดของการชักจากไข้สูง
1.Simple febrile seizure (primary febrile seizure)
2.Complex febrile seizure
การประเมินสภาพ
1.การซักประวัติ
2.ประเมินสภาพร่างกาย
3.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
4.การตรวจพิเศษอื่นๆ
โรคลมชัก (Epilepsy)
สาเหตุ
1.ทราบสาเหตุ
ติดเชื่อระบบประสาทส่วนกลาง
2.ไม่ทราบสาเหตุ
ความผิดปกติของ Neurotransmission
เกิดจากความผิดปกติของยีน
3.กลุ่มที่หาสาเหตุไม่ได้
มีพยาธิสภาพภายในสมอง
อาการและอาการแสดง
1.Preictal period คือ ระยะก่อนอาการชัก ประกอบด้วย
1.1 อาการนำ (Seizre prodromes)
1.2 อาการเตือน (Aura)
Ictal event คือ ระยะที่เกิดอาการชักมีระยะเวลาตั้งแต่วินาทีจนถึงนาที มักไม่เกินครึ่งชั่วโมง
2.1 เกิดขึ้นทันทีทันใด
2.2 ระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 5 นาที
2.3 เกิดขึ้นบางครั้งมีปัจจัยกระตุ้น
Postictal peroid คือ ระยะเวลาเมื่อการชักสิ้นสุดลง ระยะนี้อาจเกิดนานหลายวินาทีถึงหลายวันก็ได้ มีอาการ สับสน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ
3.1 Postical paralysis กล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉพาะที่
3.2 Automatism การเคลื่อนไหวร่างกายโดยอัตโนมัติขณะชัก
Interictal peroid ช่วงเวลาเริ่มตั้งแต่ระยะเวลาหลังการชักหนึ่งสิ้นสุดลงไปจนถึงเริ่มเกิดชักครั้งใหม่ โดยทั่วไปจะไม่มีอาการใดๆ
เยื้อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
อาการและอาการแสดง
เยื้อหุ้มสมองอักเสบ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
มีอาการไข้สูง หนาวสั่น
การประเมินสภาพ
Meningeal Irritation
Kernig's sign
3.Brudzinski's neck sign
โรคไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal Meningitis)
เชื้อสาเหตุ
การเก็บและส่งตัวอย่างตรวจ
วิธีทางชีวเคมีและวิธี PCR
วิธีตรวจหาค่า Minimum inhibition concentration (MIC)
วิธี seminested-PCR
ระยะติดต่อ
ผู้ที่สามารถแพร่เชื้อได้ คือ ผู้ที่ไม่มีอาการ (พาหะ)
ผู้ป่วยสามารถแพร่โรคได้จนกว่าจะตรวจไม่พบเชื้อในน้ำมูก น้ำลาย
วิธีการติดต่อ
เชื้อนี้ติดต่อจากคนไปสู่คน มาจากละอองน้ำมูก น้ำลาย
เชื้อกระจายจากช่องปาก ช่องจมูกจากอีกคนสู่อีกคน ผ่านระบบทางเดินหายใจ เกิดได้ 3 แบบ
แบบไม่มีอาการหรืออาการน้อย
แบบเชื้อแพร่เข้ากระแสเลือดหรือเลือดเป็นพิษ (meningococcemia)
แบบเยื้อหุ้มสมองอักเสบ (meningitidis)
อาการและอาการแสดง
ไข้ ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน คอแข็ง อาจมีผื่นแดง
มีอาการสำคัญ 2 อย่างคือ
Meningococcemia
Acute Meningococcemia อาการเกิดอย่างฉับพลัน มีอาการปวดศีรษะ เจ็บคอและไอ
Chronic Meningococcemia พบได้น้อย ส่วนใหญ่มักมีไข้ ผื่นตามผิวหนัง อาจเป็นผื่นแดง
Fulinant Meningococcemia เป็นแบบรุนแรง ระบบไหลเวียนโลหิตไม่ทำงาน อาจช็อคถึงเสียชีวิตได้
Meningitis
มีอาการไข้ ปวดศีรษะ คอแข็ง ซึมและสับสน อาการจะแย่ลงอย่างรวดเร็ว
การรักษา
Glucocorticoid theroaoy ก่อนการให้ยาปฏิชีวนะ 15 นาที
ยาปฏิชีวนะ เช่น Ceftriaxone / PGS / Chloramphenicol
การรักษาแบบประคับประคองตามอาการอื่นๆ
การป้องกันผู้สัมผัสโรค
ใช้ยาป้องกันได้แก่ Rifampicin หรือ ceftriaxone หรือ ciprofloxacin
ภาวะไม่รู้สึกตัวร่วมกับความดันในสมองสูง
โรคอุทกเศียร : น้ำไขสันหลังคั่งในโพรงสมอง
อาการ
ศีรษะโตแต่กำเนิด ,กระหน่อมหน้าโป่ง
Congenital Hydrocephalus ความผิดปกติในการสร้างน้ำไขสันหลัง
Obstructive Hydrocephalus ความผิดปกติในการอุดกั้นทางเดินน้ำไขสันหลัง
Communicate Hydrocephalus ความผิดปกติในการดูดซึมน้ำไขสันหลัง post meningitis
อาการแสดงทางคลินิก
1.หัวบาตร
2.หัวโตกว่าปกติเมื่อเทียบกับ Growth curve ปกติ (Disproportion Head circumference:chest circumference,height developmen)
3.รอยต่อกะโหลกศีรษะแยกออกจากกัน
4.รอยเปิดกะโหลกโป่งตึง
5.หนังศีรษะบางและเห็นเส้นเลือดดำ
6.เสียงเคาะกะโหลกเหมือนหม้อแตก
7.อาการแสดงของความดันในกะโหลดศีรษะสูง
8.ตากลอกลงล่าง
9.ตาเขเข้าในมองไปด้านข้างไม่ได้
การรักษา(Treatment)
1.การรักษาด้วยยา
2.การรักษาด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดใส่สายระบายน้ำในโพรงสมองออกนอกร่างกาย
การผ่าตัดใส่สายระบายน้ำในโพรงสมองสู่ช่องในร่างกาย
ภาวะไม่รู้สึกตัวร่วมกับกล้ามเนื้ออ่อนแรง
อาการสำคัญ คือ มีก้อนที่หลัง หรือที่หน้าผาก ขาอ่อนแรงสองข้าง ปัสสาวะ อุจจาระตลอดเวลา มีไข้รว่มกับกล้ามเนื้ออ่อนแรง
Spina Bifidaคงามยกพร่องของกระดูกไขสันหลัง แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1.Spina bifida occulta ผิดปกติกระดูกสันหลังส่วน Vetebral arches ไม่รวมตัวกัน เกิดเป็นช่องโหว่ระหว่างแนวกระดูกสันหลัง
Spina bifida cystica ผิดปกติของส่วนโค้งกระดูกสันหลังทำให้มีการยื่นของไขสันหลัง หรือเยื้อหุ้มสมองผ่านกระดูกออกมาให้เห็นเป็นถุงหรือก้อน มี 2 ชนิด
2.1 Meningocele ก้อนถุงน้ำประกอบไปด้วยเยื้อหุ้มสมองน้ำไขสันหลัง
2.2 Myelomeningocele กระดูกสันหลังผิดปกติ มีก้อนยื่นออกมา พบบ่อย อันตรายและเกิดความพิการ
การวินิจฉัย
1.การซักประวัติ
2.การตรวจร่างกาย
3.การตรวจพิเศษ พบความผิดปกติ , ใช้ไฟฉายส่องบริเวณก้อนหรือถุง
การรักษา
spida bifida occulta ไม่จำเป็นต้องรักษาแต่ชนิด Cystica ต้องผ่าตัดภายใน 24-48 ชั่วโมงภายหลังเกิด เพื่อลดการติดเชื้อหลังผ่าตัด
ภาวะไม่รู้สึกตัวร่วมกับสติปัญญาบกพร่อง
อาการสำคัญ คือ ไม่รู้สึกตัว เกร็งเมื่อกระตุ้น
หายใจไม่มีประสิธิภาพ
มีประวัติสมองขาดออกซิเจน
สมองพิการ
ชนิดของสมองพิการ
1.กล้ามเนื้อหดเกร็ง(Splastic)
1.1 Splastic quadriplegia ความปิดปกติของกล้ามเนื้อ
แขนขา 2 ข้าง
1.2 Splastic diplegia ความผิดปกติกล้ามเนื้อแขนขาทั้ง 2 ข้าง ขาเป็นมากกว่าแขน
1.3 Splastic hemiplegia ผิดปกติที่แขนขาซีดใดซีกหนึ่ง
Extrapyramidol cerebral palsy การเคลื่อนไหวผิดปกติตลอดเวลาขณะตื่น
Ataxia cerebral palsy มีเดินเซ ล้มง่าย กล้ามเนื้อตึงตัวน้อย
4.Mixed type หลายอย่างร่วมกัน
อาการและอาการแสดง
1.มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการช้า
2.ปัญญาอ่อน
3.อาการอื่น ร่วม เช่น ชัก หูหนวก ตาบอด
การประเมินสภาพ
1.ซักประวัติ
มารดามีการติดเชื้อขณะคลอด เช่น เป็นหัดเยอรมัน
2.ประเมินร่างกาย เส้นรอบศีรษะไม่เพิ่มขึ้น การเคลื่อนไหวผิดปกติ
เป้าหมาย : การทำทางเดินหายใจให้โล่ง
กิจกรรมการพยาบาล ได้แก่
จัดท่านอนของเด็กในเหมาะสม
ดูแลไม่ให้มีเศษอาหารในช่องปาก เพราะเด็กอาจสำลักได้
ดูดเสมหะให้เด็กเป็นระยะ
เป้าหมาย : แรงดันภายในสมองต้องไม่เพิ่มขึ้น
กิจกรรมการพยาบาล ได้แก่
จัดให้เด็กนอนศีรษะสูงประมาณ 15-30 องศา
หลีกเลี่ยงื่านอนหรือกิจกรรม ที่ทำให้แรงดันภายในสมองเพิ่ม
เป้าหมาย : ได้รับการดูแลขั้นพื้นฐานอย่างมีคุณภาพ
กิจกรรมการพยาบาล ได้แก่
ด้านอาหาร
ดูแลให้เด็กได้รับสารอาหารครบถ้วน
ดูแลให้เด็กได้รับอาหารทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
บันทึกปริมาณน้ำดื่ม และปัสสาวะทุกวัน
แนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ
รับประทานอาหารครบ 5 หมู่
ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
การพักผ่อนให้เพียงพอ
มาตรวจสุขภาพตามนัดทุกครั้ง
กระดูกกล้ามเนื้อ
โรคกระดูกอ่อน (Ricket)
สาเหตุ
ความผิดปกติเผาผลาญ Vit D
ความผิดปกติเผาผลาญแคลเซียมจากโรคของลำไส้
โรคไตบางชนิดทำให้ไม่สามารถดูดกลับอนุมูลแคลเซียมและฟอสเฟต
ภาวะฟอสเฟตต่า (Hypophosphatasia)
จากขาด Alkaline Phosphatase
อาการและอาการแสดง
ในเด็กเล็กความตึงตัวของกล้ามเน้ือจะน้อย กล้ามเน้ือหย่อน อ่อนแรง หลังแอ่น ขวบปีแรกเดึกจะมีความผิดรูป
การรักษา
แบบประคับประคอง
การรักษาสาเหตุ เช่น ให้วิตามินดี
การป้องกัน
ให้ร่างกายได้รับแสงแดดช่วงเช้าและเย็น
การรับประทานอาหารโดยเฉพาะโปรตีนและแคลเซียม
ระวังและหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม
ให้ออกกำลังกายกระตุ้นการสร้างของกระดูก
ให้วิตามินดี 200 หน่วยต่อวันต่อน้ำหนักต่อวัน
สำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนด
Bone and Joint infection
Definite (ติดเชื้อกระดูกอย่างแน่นอน)
Probable(น่าจะติดเชื้อที่กระดูก)
Likely(คล้ายติดเชื้อที่กระดูก)
ข้ออักเสบติดเชื้อ (septic arthritis)
การวินิจฉัย
ผล Lab เจาะดูดน้ำในข้อ(jointaspiration) มาย้อม gramstain ผล CBC พบ ESR , CRP สูงข้ึนเล็กน้อย
การตรวจทางรังสี
ลักษณะทางคลินิค มีไข้ มีการอักเสบ ปวดบวมแดง
ภายใน 2-3 วันแรกของ การติดเชื้อข้อ
การรักษา
การให้ยาปฏิชีวนะ
การผ่าตัด
สาเหตุ
เชื้อเข้าสู่ข้อ เช่น จากการทิ่มแทงเข้าในข้อ
หรือแพร่กระจายบริเวณใกล้เคียง
ภาวะแทรกซ้อน
ข้อเคลื่อน (Dislocation)
ข้อถูกทำลาย (jointdestruction)
Growthplateถูกทำลาย
หัวกระดูกข้อสะโพกตายจากการขาดเลือด(avascularnecrosis)
Osteomyelitis
สาเหตุ
เชื้อแบคทีเรีย, เชื้อรา เข้าสู่กระดูกจากการทิ่มแทงจากภายนอก
การวนิจฉัย
การตรวจร่างกาย
มีปวด บวม แดง ร้อน เฉพาะที่
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ผล CBC พบ Leucocytosis , ESR , CRPมีค่าสูง
ประวัติ
มีอาการปวดเด็กเล็ก แสดงออกโดยไม่ใช้แขน ขา ส่วนนนั้น
ทารกนอนนิ่ง ไม่ขยบัแขนขาข้างที่เป็น(pseudoparalysis)
การตรวจทางรังสี
Plain flim พบเน้ือเยื่อส่วนลึกบวมโดยเฉพาะ
บริเวณ metaphysis Bone scan ได้ผลบวก
การรักษา
ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาของแพทย์
การผ่าตัดเอาหนองชิ้นเน้ือกระดูกตายออก
อาการแทรกซ้อน
กระดูกและเนื้อเยื่อตาย
กระทบต่อ physis เป็นส่วนเจริญเติบโตของกระดูก
Tuberculous Osteomyelitis and
Tuberculous Arthitis
การวินิจฉัย
ลักษณะทางคลินิก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจทางรังสี
การรักษา
ให้ยาต้านไวรัส
การผ่าตัด
อาการและอาการแสดง
วัณโรคกระดูกและข้อในเด็กอาการจะเริ่มแสดงหลังการติดเชื้อ
ประมาณ 1 – 3 ปี ที่กระดูกรอยโรคเริ่มท่ี metaphysis
ของ long bone ซึ่งมีเลือดมาเลี้ยงมาก
อาการแทรกซ้อน
กระดูกสันหลังค่อมหรืออาการ กดประสาทไขสันหลัง
สาเหตุ
เชื้อ Mycobacterium tuberculosis เข้า สู่ปอด
Club Foot (เท้าปุก )
พยาธิสภาพ
เริ่มตั้งแต่ระยะสร้างกระดูกเท้ากลไกการสร้าง
Catilage anlage ที่เป็นเน้ือเยื่อต้นแบบของ
กระดูกเท้าผิดปกติ(primarygermplasmdefect)
การวินิจฉัย
การตรวจดูลกัษณะ
positional clubfoot
idiopatic clubfoot
สาเหตุ
แบบไม่ทราบสาเหตุ
พบตั้งแต่กำเนิด
แบบทราบสาเหตุ
teratologoc clubfoot
neuromuscular clubfoot
positional clubfoot
การรักษา
การดดัและใส่เฝือก
การผ่าตัด
การผ่าตัดเนื้อเยื่อ (subtalar soft tissue release)
การผ่าตัดกระดูก (osteotomy)
การผ่าตัดเช่ือมข้อกระดูก (triple fusion)
ฝ่าเท้าแบน Flat feet
อาการ
รองเท้าผู้ป่วยจะสึกเร็ว
ปวดฝ่าเท้า
ผู้ป่วยอาจจะมีตาปลาหรือผิวหนังฝ่าเท้าจะหนาผิดปกติ
ในรายท่ีแบนรุนแรงผู้ป่วยจะมีอาการปวดน่องเข่าและปวดสะโพก
อาการข้ึนกับความรุนแรงของความแบนราบ
สาเหตุ
เกิดจากการเดินที่ผิดปกติ
เกิดจากเอ็นของข้อเท้ามีการฉีกขาด
เป็นพันธุกรรมในครอบครัว
โรคเกี่ยวกับสมองหรือไข้สันหลัง
การรักษา
อย่ารักษาตาปลาด้วยตัวเอง
ใส่แผ่นรองเท้าเสริม
ใส่รองเท้าที่กว้างและมีขนาดพอดี
ใช้ ultrasound หรือ laser
พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
มะเร็งกระดูก (Osteosarcoma)
การพยากรณ์โรค
ถ้าสามารถผ่าตัดออกได้หมดจะมีการพยากรณ์โรคที่ดี
ถ้ามีการแพร่กระจายของโรคการพยากรณ์จะไม่ดี
ตำแหน่งของโรคที่มีการพยากรณ์ดีที่สุด
คือส่วนปลายของ กระดูกต้นขา
การรักษา
เคมีบำบัด
รังสีรักษา
การผ่าตัด
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
ระยะเวลาการมีก้อนเน้ืองอกอาการปวดการ เคลื่อนไหว
การตรวจร่างกาย
น้ำหนักตำแหน่งของก้อน การเคลื่อนไหว ต่อมน้ำเหลือง
การตรวจทางห้องปฏิบัต้การ
MRI,CTเพื่อดูการ แพร่กระจายของโรค
อาการแทรกซ้อน
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนของกระดูก
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากเคมีบบัด
ไม่สุขสบายจากการปวดแผลผ่าตัด
มีความวิตกกังวลเนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรค
อาการและอาการแสดง
มีไข้
การเคลื่อนไหวของตำแหน่งที่เป็นผิดปกติ
น้ำหนักลด
อาจมีกระดูกหักบริเวณนั้นๆ
ปวดบริเวณที่มีก้อนเน้ืองอก
spastic cerebral palsy
ลักษณะ
quadriplegia
Diplegia
Double hemiplegia
อื่น ๆ เช่น monoplegia
Hemiplegia
การรักษา
การผ่าตัด
การผ่าตัดลดความตึงของกล้ามเน้ือ
การย้ายเอ็น
การผ่าตัดกระดูก
การให้การดูแลรวมถึงให้กำลังใจ
ลดความเกร็งโดยใช้ยา
ยากิน กลุ่ม diazepam
ยาฉีด กลุ่มBotox
การรักษาด้านอื่นๆ
ป้องกันความผิดรูปของข้อต่างๆ
กายภาพบำบัด (PhysicalTherapy)
อรรถบำบัด (Speech and Language Therapy)
Omphalocele
การรักษา
conservative
operative
ลักษณะทางคลินิก
การใช้อัลตราซาวนด์ตรวจทารกในครรภ์มารดสามารถ วินิจฉยัภาวะomphaloceleได้ภายหลังคลอดพบบริเวณกลางท้องทารกมีถุง omphalocele ติดอยู่กับผิวหนัง
Cerebral Palsy
สาเหตุ
ก่อนคลอด
มารดาเป็นโรคแทรกซ้อนขณะต้ังครรภ์
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับมารดาขณะต้ังครรภ์
อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ
ระหว่างคลอด/หลงัคลอด
สมองกระทบกระเทือน
ขาดออกซิเจน
คลอดยาก
ทารกคลอดก่อนกาหนด
ลักษณะการเคลื่อนไหว
Ataxic CP
Athetoid CP
Spastic CP
Mixed CP
การพยาบาลกระดูกหักในเด็ก
สาเหตุ
ได้รับอุบัติเหตุน้ามาก่อนมีแรง กระแทกบริเวณกระดูกโดยตรง เช่น ถูกตี รถชน ตกจากที่สูง
หรือจากการกระตุ้นทางอ้อม เช่น หกล้ม
อาการและอาการแสดง
1.มีอาการปวดและกดเจ็บ
2.บวมเนื่องจากมีเลือดออกบริเวณที่กระดูกหัก
3.รอยจ้ำเขียว
4.อวัยวะส่วนที่ได้รับบาดเจ็บมีลักษณะผิดรูป
การประเมินสภาพ
การซักประวัติเรื่องการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
การตรวจร่างกาย
การตรวจพบทางรังสี
หลักการรักษากระดูกหักและข้อเคลื่อน
ระมัดระวังไม่ให้กระดูกหักหรือข้อเคลื่อนได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้น
แก้ไขตามปัญหาและการพยากรณ์โรคที่กระดูกหัก
เป้าหมายการรักษา
3.1ในระยะแรกจะมุ่งลดความเจ็บปวด
3.2 จัดกระดูกให้เข้าที่และดามกระดูกให้มีแนวกระดูก
3.3 ให้กระดูกที่เข้าที่ดีและติดเร็ว
3.4 ให้อวัยวะนั้นกลับทางานได้เร็วที่สุด
กระดูกหักที่พบบ่อย
กระดูกไหปลาร้าหัก ( fracture of clavicle )
อาการและอาการแสดง
Pseudoparalysis ขยับข้างที่เป็นได้น้อย ไหล่ตก
Crepitus คล้าได้เสียงกรอบแกรบ
• ปวด บวม ข้างที่เป็น
• เอียงคอไปด้านที่เจ็บ ยื่นตัวไปข้างหน้า แขนที่ดีประคอง ข้างที่เจ็บ
การรักษา
ในเด็กทารกและเด็กเล็กจะตรีงแขนข้างที่หักในอยู่นิ่ง มัดแขนให้ข้อศอกงอ 90 องศา ให้ติดลำตัว พันนาน 10-14 วัน
เด็กอายุมากกว่า 3 ปี อาจใช้ผ้าสามเหลี่ยมคล้องคอ ห้อยแขนให้ข้อศอก งอ 90 องศา คล้องแขนไว้นานประมาณ 2-3 สัปดาห์
2.การดูกแขนหัก (fracture of humerus)
ในทารกแรกเกิด
มักเกิดในรายที่คลอดติดไหล่แล้วผู้ทำคลอดสอดนิ้วเข้าไปเกี่ยวออกมา
ในเด็กโต
อาจเกิดการล้มแล้วต้นแขนหรือข้อศอกกระแทกพื้นโดนตรง จะพบหัวไหล่บวม ช้ำ การหักกระดูกบรเวณนี้ อาจห้อยแขนข้างที่หักไว้ด้วยผ้าคล้องแขนไว้นาน 2-3 สัปดาห์
3.กระดูกข้อศอกหัก (Supracondylar fracture)
พบบ่อยในเด็กเพราะเด็กพลักหกล้มง่ายและบ่อย เกิดจากการหกล้มเอามือเท้าพื้นในท่าข้อศอกเหยียดตรง เด็กจะมีอาการปวดบวมบริเวณข้อศอกอย่างมาก
4.การเคลื่อนของหัวกระดูกเรเดียส (Transient subluxation of radial head , pulled elbow)
เป็นการเคลื่อนที่ของหัวกระดูกเรเดียส ออกมาจากข้อ radio-humeral ไม่หมดพบในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เกิดจากการหยอกล้อ แล้วดึงแขนมาตรงๆ ในขณะที่ข้อศอกเหยียดและแขนท่อนปลายคว่ำมือ
5.กระดูกปลายแขนหัก
พบได้บ่อยในเด็กตั้งแต่เริ่มหัดเดินไปขนถึงวัยรุ่น
6.กระดูกต้นขาหัก
พบได้ในทุกวัย โดยเฉพาะอายุ 2-3 ปี ส่วนมากเกิดกับเด็กชายมากว่า เพราะซุกซนกว่า ตำแหน่งคือ ช่วงกลางของกระดูกต้นขา
7.ภยันอันตรายต่อข่ายประสาท brachial plexus จากการคลอด
ข่ายประสาท brachial plexus เป็นการรวมตัวของรากประสาทไขสันหลังส่วน ventral rami เป็นระบบประสาทที่เลี้ยงกล้ามเนื้อและรับความรู้สึกจากบริเวณไหล่จนถึงปลายมือเมื่อมีภยันอันตรายต่อข่ายประสาทมีผลให้เกิดอาการแขนอ่อนแรง
สาเหตุ
เกิดจากข่ายประสาทถูกดึงยึด ได้แก่ การคลอดท่าก้น
การวินิจฉัย
จาการสังเกตเห็นแขนที่ผิดปกติเคลื่อนไหวน้อยกว่าธรรมดา
การรักษา
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักขะมีการฟื้นตัวของเส้นประสาทโดยไม่จำเป็นต้องรักษาแบบผ่าตัด
การพยาบาล
เด็กที่ได้รับการบาดเจ็บของกระดูกและข้อ ส่วนมากเกิดจากการได้รับอุบัติเหตุ การพยาบาลจึงต้องคำนึงถึงอวัยวะส่วนอื่นๆที่อาจได้รับบาดเจ็บ ระบบที่อาจทำให้อันตรายถึงชีวิต เช่น การหายใจ การสูญเสียเลือด
การพยาบาลเพื่อป้องกันเนื้อเยื่อรอบกระดูกที่หักได้รับบาดเจ็บเพิ่ม เนื่องจากการทิ่มของกระดูก
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินลักษณะการบาดเจ็บที่ได้รับ สังเกต คลำดูความสัมพันธ์ของอวัยวะ ตรวจสอบความตึงตัว อาการเกร็งกล้ามเนื้อ
2.เคลื่อนย้ายเด็กด้วยความระมัดระวัง
3.จัดกระดูกในอยู่นิ่งตามแผนการรักษา
3.1 เข้าเฝือกปูน
3.2 ดึงกระดูก
3.3 ผ่าตัดทำ open reduction internal fixation
การพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการถูกจำกัดเคลื่อนไหว
1.ป้องกันและลดอาการข้อติดแข็งและกล้ามเนื้อลีบกระตุ้นให้เด็กมีการออกกำลังบริเวณกล้ามเนื้อ
2.ป้องกันการเกิดแผลกดทับ ด้วยการเปลี่ยนท่าที่เหมาะสมทุก 2 ชั่วโมง
3.ช่วยปอดขยายตัวเต็มที่ด้วยการกระตุ้นให้เด็กหายใจเข้าออกลึกๆแรงๆ
การพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่กระดูกเนื่องจากมีทางเปิดของผิวหนังถึงกระดูก
กิจกรรมการพยาบาล
1.ทำความสะอาดบาดแผลก่อนการเข้าเฝือก
2.ประเมินลักษณะอาการ
3.ดูแลได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
4.ดูแลให้ได้รับประทานอาหารที่จะช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อ
การพยาบาลเพื่อลดความเครียด
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินสภาพความต้องการทางจิตใจว่าต้องการช่วยอะไรบ้าง
2.สร้างความมั่นใจที่ดีแก่เด็กที่มีต่อการรักษาพยาบาล
3.จัดกิจกรรมให้มีกระระบายออก
4.ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
การพยาบาลเพื่อบรรเทาปวด
1.ประเมินระดับอาการปวดผู้ป่วย
2.จัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ท่าที่ถูกต้อง
3.ตรวจดูว่าเฝือกคับ พันแน่นๆเกินไปหรือไม่
4.ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษาในระยะแรกๆ
การพยาบาลเพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อกลับไปอยู่บ้านอย่างถูกต้อง
1.ระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำหรือสกปรก
2.ห้ามผู้ป่วยเอาเฝือกออกเอง
3.สังเกตความผิดปกติที่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาลทันที เช่น เฝือกมีกลิ่นเหม็น
4.รับประทานอาหารให้มีประโยชน์
5.รักษาสุขภาพ หมั่นออกำลังกายกล้ามเนื้อ
การเตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัด
1.ด้านร่างกาย
1.1 การเตรียมผิวหนังเฉพาะที่
1.2 การดูแลความสะอาดของร่างกาย
1.3 การตรววัดสัญญาณชีพจร
1.4 ประเมินอาการของระบบประสาท
1.5 การให้สารทางหลอดเลือดดำ
2.ด้านจิตใจ
2.1 สภาพแวดล้อมในห้องผ่าตัด
2.2 ขั้นตอนการผ่ายโดยสังเขผ
2.3 การปฎิยัติตัวภายหลังยาระงับความรู้สึก
2.4 การไอแบบมีประสิทธิภาพ
การพยาบาลหลังจากกลับจากห้องผ่าตัด
ประเมินระดับความรู้สึกของผู้ป่วย ผลข้างเคียงการวางยา
การประเมินระดับความเจ็บปวดโดยใช้ pain scale
ประเมินปริมาณเลือดที่ออกจากแผลผ่าตัด
โรคแทรกซ้อนและการป้องกัน
โรคแทรกซ้อนชนิดหนึ่ง ที่ทำให้แขน มือ และนิ้วหงิกงอ ได้แก่ Volkmann’ s ischemic contracture พบมากในผู้ป่วยที่มีกระดูกหักบริเวณ supracondylar of humerus
ลักษณะรูปร่างของนิ้ว มือ และแขนใน
Volkmann’ s ischemic contracture
แขนอยู่ในท่าคว่ำมือ
2.ข้อศอกอาจจะงอ
3.ข้อมือพับลง
4.ข้อ metacarpophalangeal กระดกขึ้น หรือ มี extension
5.นิ้วจะงอทุกนิ้ว
6.อาจมีอัมพาต ถ้า median never ถูกทำลาย
สาเหตุ
เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณ foream ขาดเลือดไปเลี้ยง เนื่องจากเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำถูกกด ทำให้เลือดไหลกลับไม่ได้กล้ามเนื้อจะบวมตึงอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆดังนี้
1.ปลายกระดูกหักชิ้นบน เช่น ในรายที่มีการเคลื่อนของกระดูกมาก
2.เลือดแข็งจับกันเป็นก้อน
3.งอพับข้อศอกมากเกินไป ในขณะที่บริเวณนั้นยังบวมอยู่
ระยะต่าง ๆ ของ Volkmann’ s ischemic contracture
แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
1.ระยะเริ่มเป็น
2.ระยะมีการอักเสบของกล้ามเนื้อ
3.ระยะกล้ามเนื้อหดตัว
วิธีป้องกัน
1.จัดกระดูกให้เข้าที่โดยเร็วที่สุดขณะที่การหักเกิดขึ้นใหม่ๆ
2.อย่างอข้อศอกมากเกินไปขณะที่ใส่เฝือกจะงอได้มากแค่ไหนควรใช้การจับชีพจรเป็นหลัก
3ใช้ slab ใส่ทางด้านหลังของแขนแล้วพันด้วยผ้าธรรมดา
แนะนำผู้ป่วยปฎิบัติตัวให้ถูกต้องหลังเข้าเฝือก
ยกบริเวณที่หักให้สูงกว่าระดับหัวใจตลอดเวลา
ถ้ามีอาการบวมมาก และมีอาการเจ็บปวด แสดงว่าเฝือกรัดโลหิต ทำให้เลือดเดินไม่สะดวก ควรรีบปรึกษาษาแพทย์ทันที
หากมีปวด บวม หรือ ชา ต้องรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตัดเฝือกออกทันที
โรคคอเอียงแต่ดำเนิด (Congenital muscular Torticollis)
มีลักษณะที่ศีรษะเอียงจากแนวกึ่งกลางไปด้านหนึ่งจากกล้ามเนื้อด้านข้างคอ Sternocleidomastoid ที่เกาะยึดระหว่างกระดูกกับหลังหู กับส่วนหน้าของกระดูกไหปลาร้าหดสั้นลง ทำให้เอียงไปด้านที่หดสั้นใบหน้าจะบิดไปด้านตรงข้าม
อาการ
คลำพบก้อนเนื้อที่กล้ามข้างคอด้านที่เอียง และก้อนจะค่อย ๆ ยุบลงไป
การรักษา
ยึดกล้ามเนื้อบริเวณคอที่กดสั้น โดย
การยืดโดยวิธีดัด
การยืดแบบให้เด็กหันศีรษะเอง
ใช้อุปกรณ์พยุง
การผ่าตัด
การผ่าตัดแบบ bipolar release ตัดปลายเอ็นยึดเกาะของกล้ามเนื้อด้านคอทั้งสองปลาย หลังผ่าต้องใช้อุปกรณ์พยุงคอ
กระดูกหลังคด (Scoliosis)
การมีกระดูกสันหลังคดไปด้านข้างร่วมกับการหมุนของปล้องกระดูกสันหลัง เกิดความพิการทางรูปร่างและผิดปกติของทรวงอกร่วมด้วย
การวินิจฉัย
1.การซักประวัติ
2.การตรวจร่างกาย
3.การตรวจทางห้องปฏิบัติการพิเศษต่างๆ
อาการแสดง
1.กระดูกสันหลังโค้งไปด้านหลัง
2.ทรวงอกเคลื่อนไหวจำกัด
3.พบการเคลื่อนของกระดูกสันอกจากแนวลำตัว
4.กล้ามเนื้อและเอ็นด้านเว้าจะหดสั้นและหนา
เป้าหมายการรักษา
1.ป้องกันไม่ให้โรคเป็นมากขึ้น
2.แก้ไขหรอลดความพิการ
3.ป้องกันและลดความปวด
4.ป้องกันภาวะแทรกซ้อน
วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับอายุความโค้งและความก้าวหน้าของโรค
1.แบบอนุรักษ์นิยม
2.การผ่าตัด
การพยายามบุคคลวัยเด็กที่มีภาวะสันหลังคด (Scoliosis)
กระดูกสันหลังคด คือ โรคที่ผู้ป่วยมีลักษณะของการะดูกสันหลังผิดรูป เริ่มโค้งงอไปทางด้านข้าง แบ่งชนิดได้ดังนี้
ชนิดที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเนื้อกระดูกสันหลัง
2.ชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงของกระดูกสันหลัง
การตรวจวินิจฉัย
1.การซักประวัติเกี่ยวกับการเจ็บป่วยในอดีต
2.การตรวจร่างกาย
3.การตรวจทางห้องปฏิบัติการพิเศษอื่นๆ
อาการและอาการแสดง
1.ความพิการของกระดูกสันหลังพบกระดูกหลังโค้ง
2.เมื่อให้ผู้ป่วยก้มตัวไปด้านหน้าจะมองเห็นตะโหงก จากการหมุนของกระดูกซี่โครง
3.พบการเคลื่อนไหวจำกัด มักหายใจตื้น หายใจเข้าลึกทำได้ยาก
การรักษา มีจุดประสงค์ คือ ควบคุมหรือลดการคด ของกระดูกสันหลังไม่ให้เพิ่มมากขึ้น แบ่งได้ 2 แนวทาง คือ
1.การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
2.การรักษาแบบผ่าตัด
แนวทางการพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะสันหลังคด
1.แนะนำการปฏิบัติก่อนและหลังผ่าตัด ดังนี้
1.1 ให้ความรู้สึกเกี่ยวกับโรค เพื่อให้เกิดความเข้าใจและคุ้นเคย
1.2บอกผู้ป่วยต้องนอนในหออภิบาลหลังผ่าตัด
1.3อธิบายวิธีการพลิกตัวหลังผ่าตัดโดยให้ไหล่และสะโพกพลิกไปพร้อมกัน
1.4แนะนำให้รายงานอาการผิดปกติต่างๆที่อาจเกิดหลังผ่าตัด
2.ดูแลความไม่สุขสบายจากความปวดหลังผ่าตัดกระดูกสันหลัง
3.ป้องกันการติดเชื้อและการเกิดแผลกดทับ
4.แนะนำการปฏิบัติตัวในการใส่อุปกรณ์ดัดลำตัว