Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพัฒนาองค์กรและเครื่องมือในการพัฒนาองค์กร, การวิเคราะห์องค์กรโดยใช้เทคนิ…
การพัฒนาองค์กรและเครื่องมือในการพัฒนาองค์กร
ความหมายองค์การ
องค์การ คือ การรวมตัวของคนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อมาร่วมมือทำงานบางอย่างให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้
ความหมายการพัฒนาองค์กร
การพัฒนาองค์กร คือ เป็นความพยายามที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบขององค์กรทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการควรมุ่งเน้นที่การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมขององค์กรเป็นหลักไมใช่การมุ่งเน้นที่การเปลี่ยนแปลงของบุคคล
ลักษณะสำคัญของการพัฒนาองค์การ
การพัฒนาองค์การจะมีลักษณะต่างๆ หลายประการ ซึ่งผู้บริหารระดับสูงและทีมที่ปรึกษาจะต้องพิจารณาควบคู่กันไป เช่น การพัฒนาจะมุ่งนั้นไปที่วัฒนธรรมขององค์การ (Organization Cultural), ค่านิยม (Value) และทัศนคติของบุคคลภายในองค์การโดยการพัฒนาจะต้องกระทำเป็นระบบเช่น ระบบโครงสร้างใหม่ ซึ่งจำเป็นจะต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง มีการสอดแทรกข้อคิด (Intervention) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาจะต้องเริ่มที่ผู้บริหารระดับสูงสุดและ คณะกรรมการบริหารจะต้องให้ความร่วมมือในการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพื่อวัดประสิทธิภาพที่ได้จากการพัฒนาองค์การ การพัฒนาองค์การจะต้องใช้เทคนิค และเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาความสามารถของบุคคล และมุ่งขจัดความขัดแย้งใน
องค์การหลักการพัฒนาองค์กร(
กำหนดเป้าหมาย
(Goal Sating) ควรมีการ
ประชุม อภิปราย เพื่อกำหนดนโยบายร่วมกันทั้งฝ่ายผู้
บริหารและสมาชิกใน
องค์การอย่างชัดเจน
และตรงไปตรงมา
การปรับปรุงสัมพันธ์ภาพ (Improving Relations) การมีสัมพันธ์ภาพที่ดีต่อกัน
ในองค์การถือเป็นผลพลอย
ได้ขององค์ แต่ไม่ว่าคน
ในองค์การจะมีสัมพันธภาพ
ที่ดีต่อกันหรือไม่ก็ตามควรได้รับ การเปิดเผย เพื่อ
ให้ต่างฝ่ายได้รู้ถึงปัญหาเมื่อรู้ถึง ปัญหาทุกคนจะ
พยายามปรับตัวเข้หากัน
และตั้งใจทำงานมาก
มีความเข้าใจในสถานการณ์
( Understand Relations ) ต้องอาศัยความเข้าใจร่วม
กันเพราะความต้องการของ
บุคคลจะเป็นตัวอิทธิพล
อย่างยิ่งต่อพฤติกรรม
การทำงาน
ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม
ในการดำเนินการการแก้
ปัญหา การตัดสินใจ การ
ให้ความสนับสนุนและ
ความร่วมมือ ทั้งนี้ควรคำนึง ถึงการเปลี่ยนแปลง การ แก้ปัญหา ระบบการ
ทำงานของมนุษย์ขึ้นอยู่
กับดุลภาพของงาน (Balance
of force) ภายในระบบ
ของหน่วยงานนั้น
5.การเชื่อมโยง (Linking) แนวยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์การ คือความสามารถในการโน้มน้าวคน
ในหน่วยงานให้มีความเข้าใจที่ดีต่อกันมากที่สุด
วัตถุประสงค์ในการพัฒนาองค์การ
1เพื่อสร้างเสริมความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององค์การ
2.เพื่อให้องค์การสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและอยู่รอด เมื่อต้องประสบกับปัญหาและการ
เปลี่ยนแปลง
3.เพื่อพัฒนากระบวนการทำงานอย่างมีแผน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในวัตถุประสงค์ขององค์การ
ร่วมกัน
4.ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไข วัฒนธรรมที่ล้าสมัย ไร้สาระ ขัดต่อความเจริญ
5.มุ่งส่งเสริมหลักการทำงานที่นั้นหลักการมากกว่าตัวบุคคล
6.นั้นทั้งปริมาณงานและความรู้สึกของคน
7.กระจายการตัดสินใจไปยังผู้ปฏิบัติ
8.ส่งเสริมให้สมาชิกตระหนักในความรับผิดชอบต่อตำแหน่งและหน้าที่
9.มุ่งประสานเป้าหมายของบุคคลและองค์การเข้าด้วยกัน
ขั้นตอนของการพัฒนาองค์การ
1.การรวบรวมข้อมูล (Data Gathering) การรวบรวมสภาพปัญหาในองค์การ เพื่อตรวจวินิจฉัยปัญหา
และกำหนดยุทธศาสตร์ ตัวแปรที่ใช้ศึกษาพฤติกรรมองค์การ การควบคุมงาน ผลการปฏิบัติงาน วิธีการรวบรวมข้อมูลการสังเกตการณ์ การสัมภาษณ์
2.การตรวจวินิจฉัยปัญหา(Diagnosis)
2.1นำข้อมูลจากแบบสอบถามมาวิเคราะห์ โดยใช้ Mean
2.2.กำหนดเป้าหมาย เมื่อรู้สาเหตุของปัญหา ทำให้ปัญหา หมดไป หรือลดลง เป็นการกำหนด
เป้าหมายกว้าง ๆ ว่าจะทำอะไร และอย่างไร
2.3วิเคราะห์แรงดัน -แรงดึง การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นกับกลุ่มที่ได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์
ต้องดูทั้งด้านสังคม การเมือง เทคโนโลยี เศรษฐกิจ
3.การกำหนดยุทธวิธี(tactic or Intervention ) การกำหนดสิ่งสอดแทรก โดยกำหนดว่าใคร ทำอะไรที่ไหน เมื่อไร การเลือกสิ่งสอดแทรกขึ้นกับกาลเทศะและค่านิยมขององค์การ หรือการเลือกเครื่องมือในการเปลี่ยนวัฒนธรรมที่เหมาะสม
4.การประเมินผล( Evaluation ) เป็นขั้นตอนสำคัญติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการพัฒนาองค์การว่าสอดคล้องกับเป้าหมาย เกณฑ์ และมาตรฐานที่กำหนดไว้ โดยทีมงานจะได้รับข้อมูลย้อนกลับ
(Feedback) เพื่อปรับปรุงตนเองให้สามารถทำการพัฒนาองค์การได้ดีขึ้นในอนาคต
เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาองค์กร(Organization Development Tools)
การจะใช้เครื่องมือชนิดใดขึ้นอยู่กับบทบาทหน้าที่ขององค์กรนั้นและผู้ประเมินประเมินจากความก้าวหน้าขององค์กร ผลกำไร การขยายสาขา การดำรงสถานภาพของผู้บริหาร การบรรลุผลสำเร็จของงาน ความพึงพอใจของบุคลากรในหน่วยงาน
การบริหารที่ยืดวัตถุประสงค์เป็นตัวกำหนด (MBO : Management by objective)
กำหนดวัตถุประสงค์ (Setting of objectives) ต้องชัดเจน ระบุการปฏิบัติงาน ระยะเวลา
เกณฑ์ต่าง ๆ ผู้ปฏิบัติมองเห็นทิศทาง ที่จะดำเนินการอย่างเด่นชัด ผู้บริหารระดับสูงกำหนดวัตถุประสงค์
และ อภิปรายร่วมกับหัวหน้าแผนกเพื่อให้เกิดการยอมรับ เห็นด้วยและนำไปปฏิบัติเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ
อภิปรายร่วมกันระหว่างหัวหน้าและลูกน้อง ประเมินว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์หรือไม่ อะไรบ้าง และทำไม
จึงประสบความสำเร็จ แล้วนำมากำหนดวัตถุประสงค์ต่อไป
ปรับโครงสร้างขององค์การ (Revision of organization structure) มีการกำหนดลักษณะงาน(Job description)ให้เอื้อในการปฏิบัติงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องมีวัตถุประสงค์ ความรับผิดชอบ อำนาจ และความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง ปรับปรุงแผนภูมิ และคู่มือองค์การให้เหมาะสม
กำหนดจุดตรวจสอบ (Estabishing check points) มีการประชุมระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าในการปฏิบัติงาน โดยดูตามมาตรฐาน มาตรฐานต้องเหมาะสมเป็นไปได้เชิง
ปริมาณ ชัดเจน
การประเมินการปฏิบัติงาน(Appraisal of performance)
หัวหนเป็นคนตัดสินด้วยสติปัญญา1-2 ครั้งปี
ประเมินตามเกณฑ์มาตรฐาน/ผลกี่คาดหวัง ไม่ประเมิน
ทุกอย่างที่ผู้ปฏิบัติเกี่ยวข้อง ทำให้ลดความเครียดระหว่าง
หัวหนและลูกน้อง แล้วนำผลมาปรับปรุง เริ่มกระบวนการ
ใหม่อย่างต่อเนื่องสรุปการใช้การบริหารที่ยึด
วัตถุประสงค์เป็นตัวกำหนด (MBO : Management by objective) เป็นประโยชน์แก่องค์การ เนื่องจากเป็น
เครื่องมือในการวางแผนเป็นวิธีการนำไปสู่การ
กระจายอำนาจ กระตุ้นให้เกิดการจูงใจในการทำงาน
และเป็นเครื่องมือในการประเมินผลและควบคุมงาน
ระบบควบคุมคุณภาพ/กลุ่มคุณภาพ (Quality control circle : QCC,QC)
-ขั้นตอนแรกการวางแผน (Plan: P) ค้นหาปัญหา (โอกาสพัฒนา) วิเคราะห์ข้อมูลสาเหตุของปัญหาระดับของปัญหาเลือกวิธีแก้ปัญหา
-ขั้นตอนที่2การปฏิบัติ (DO:D) นำวิธีแก้ปัญหาที่เลือกไปปฏิบัติ
-ขั้นตอนที่3การตรวจสอบ (Check: C) เปรียบเทียบก่อนและหลังว่าแตกต่างกันอย่างไรพร้อมหาสาเหตุแก้ไข
-ขั้นตอนที่ 4 เป็นขั้นตอนสุดท้าย ได้แก่ การแก้ไขปรับปรุง (Action: A) หากเป็นที่พอใจและยอมรับทุกฝ่ายนำไปกำหนดมาตรฐานและเผยแพร่นอกจากนี้เทคนิคในการทำกิจกรรมคุณภาพจะประกอบไปด้วยผังก้างปลา
การจัดการคุณภาพโดยรวม (Total quality management: TQM)
การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) Kaizen โดยใช้ PDCA เป็นวิธีชีวิตการเดินทางไม่ใช่จุดหมายปลายทาง
การกำหนดมาตรฐานเทียบเคียง (Benchmarking) การเลือกมาตรฐาน
การปฏิบัติงานอาจเปรียบเทียบกับ
หน่วยงานที่ได้รับการยอมรับและ นำส่วนที่ดีมาใช้เพื่อให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
การจัดส่งสินค้าแบบทันเวลาพอดี (Just in time: JIT) ทำให้ลดสินค้าคงเหลือเช่นการให้ยาแบบ Day dose
การมอบหมายงานแก่พนักงาน (Employee Empowerment)
ขยายงานสู่พนักงานระดับล่างเพื่อ
เพิ่มระดับความรับผิดชอบเป็น
การผลักดันให้เกิดการติดสินใจ
Taguchi technique การปรับปรุง
ผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ช่วงที่มีการออกแบบ
เพื่อให้ได้คุณภาพที่คงที่
ความรู้ในการใช้เครื่องมือ (Knowledge
of TQM tools) สำหรับตัวอย่างกิจกรรม
คุณภาพที่ใช้ในโรงพยาบาล
การบริหารปรับปรุงองค์การแบบ six Sigma
Measurement เป็นการขั้นตอน
การปฏิบัติงานมากที่สุดวางแผนกำลัง
คนทำการวัดในสิ่งที่จำเป็นซึ่งเป็น
การประเมินปัญหาและระบุปัญหา
บันทึกผลลัพธ์ที่ได้และประมาณ
การศักยภาพขององค์การและ
กระบวนการต่างๆในองค์การในระยะยาว
Analyze เป็นการวิเคราะห์ว่าปัญหา ต่าง ๆ เริ่มมาจากที่ใดเพื่อหาทางแก้ไข
โดยการเปรียบเทียบศักยภาพขององค์
การและคู่แข่งวิเคราะห์ช่องว่างของ
กระบวนการทำงานต่าง ๆ
Improvement การแก้ไขกระบวน
การในขั้นนี้ black belt จะเป็นผู้ระบุ
ลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่ต้องปรับปรุง เพื่อให้บรรลุผลในการปฏิบัติงาน
และบรรลุวัตถุประสงค์ทางด้าน
การเงินการปรับปรุงที่ CTO จะช่วยใน
การปรับปรุงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ทั้งกระบวนการ
Control การควบคุมในขั้นนี้ถูก
กำหนดขึ้นมาเพื่อช่วยให้ black beltกำหนดมาตรการต่างๆเพื่อเป็นตัว
ควบคุมตัวแปรที่สำคัญให้อยู่ในช่วง
มาตรฐานใหม่ที่ระดับการทำงาน ที่ได้รับการปรับปรุงแล้วขั้นตอนของ การปรับปรุงจนมั่นใจว่า
ความสำเร็จต่าง ๆ
องค์กรแห่งการเรียนรู้(Learning organization : LO)
Personal Mastery ความเป็นเซียน
ส่วนบุคคล ความเชี่ยวชาญระดับ
พิเศษของบุคคลทำให้คนเข้าใจ
ลึกซึ้งในเป้าหมายของชีวิต สามารถ กำหนดวิถีชีวิตของตนเองได้
Mental Model การยึดติดในใจ อดติ
ความฝังใจ โลกทัศน์หรือความคิดความ
เข้าใจที่คนมีต่อโลก วิธีการคิดของ
คนที่มีต่อตนเอง ผู้อื่น หรือสิ่งอื่น ๆ
Share vision ฝันเดียวกัน สมาชิกในองค์การมีการกำหนดเป้าหมาย (Goals) ค่านิยม(Value)การมีวิสัยทัศน์ (vision) พันธกิจ (Mission) ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่เป้าหมายหรืออนาคตขององค์กรร่วมกัน
Team learningการเรียนรู้เป็นทีม กระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของสมาชิก มีการแลกเปลี่ยน
ความรู้ ความคิดเห็น ประสบการณ์ ระหว่างสมาชิกในองค์กรอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
System thinking ระบบการคิดของคนในองค์กร การคิดอย่างเป็นระบบ สิ่งต่าง ๆ มีการ
เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ และ บูรณาการอย่างเป็นองค์รวม
การบริหารจัดการความรู้(Knowledge Management : KM)
แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆคือ
การบริหารการเปลี่ยนแปลง(Change management)
การวางแผนการเปลี่ยนแปลง (Planning for Change)
การนำแผนการเปลี่ยนแปลงไปสู่การปฏิบัติ (Implementing Change)
ประกอบด้วยขั้นตอนและข้อพิจารณาต่าง ๆ
2.1 การกำหนดกลยุทธ์ในการนำแผนการเปลี่ยนแปลงไปสู่การปฏิบัติ
2.2 การสื่อสารความเข้าใจถึงแผนการเปลี่ยนแปลง
23 การจัดแบ่งงาน
24 การจัดกำลังคน
2.5 การจัดระเบียบวิธีการดำเนินงาน
2.6 การพัฒนาบุคคล
2.7 การทำให้การเปลี่ยนแปลงกลายเป็นแบบแผนวัฒนธรรมขององค์การ
การติดตามประเมินผลและรักษาผลการเปลี่ยนแปลง (Evaluating and Maintaining Change)
การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์(RESULT BASED MANAGEMENT - RBM)
ประกอบด้วย ดังนี้
1.กระตุ้นและเปิดรับความคิด
2.ดำเนินการตามขั้นตอนการเสนอความคิด
3.ประเมินความคิดและให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อการปรับปรุง
4.นำความคิดไปปฎิบัติ
5.ทบทวนเพื่อขยายความคิด
6.ยกย่อง ชมเชยและประกาศความสำเร็จ
7.วัดผล ทบทวน ปรับปรุง
การวิเคราะห์องค์กรโดยใช้เทคนิค SWOT analysis
ความหมายของ SWOT Analysis
การวิเคราะห์ SWOT เป็นเครื่องมือในการประเมินสถานการณ์ ซึ่งช่วยให้ผู้บริหารกำหนดจุดแข็งและจุดอ่อนจากสภาพแวดล้อมภายใน โอกาสและอุปสรรคจากสภาพแวดล้อมภายนอก ตลอดจนผลกระทบต่อการทำงานขององค์กร
การวิเคราะห์ SWOT
O มาจาก Opportunities หมายถึงโอกาสซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอก ปัจจัยและสถานการณ์ภายนอกที่เอื้ออำนวยให้การทำงานขององค์กรบรรลุวัตถุประสงค์หรือหมายถึงสภาพแวดล้อมภายนอกที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการขององค์กร เป็นผลจากการที่สภาพแวดล้อมภายนอกของบริษัทเอื้อประโยชน์หรือส่งเสริมการดำเนินงานขององค์กรโอกาสแตกต่างจากจุดแข็งตรงที่โอกาสนั้นเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมภายนอกแต่จุดแข็งนั้นเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมภายใน นักการตลาดที่ดีจะต้องเสาะแสวงหาโอกาสอยู่เสมอและใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้น
T มาจาก Threats หมายถึงอุปสรรค ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอกปัจจัยและสถานการณ์ภายนอกที่ขัดขวางการทำงานขององค์กรไม่ให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือหมายถึงสภาพแวดล้อมภายนอกที่เป็นปัญหาต่อองค์กรบางครั้งการจำแนกโอกาสและอุปสรรคเป็นสิ่งที่ทำได้ยากเพราะทั้งสองสิ่งนี้สามารถเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอาจทำให้สถานการณ์ที่เคยเป็นโอกาสกลับกลายเป็นอุปสรรคได้และในทางกลับกันอุปสรรคอาจกลับกลายเป็นโอกาสได้เช่นกัน
W มาจาก Weaknesses หมายถึงจุดด้อยหรือจุดอ่อนซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายใน สถานการณ์ภายในองค์กรที่เป็นลบและด้อยความสามารถ ซึ่งองค์กรไม่สามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการทำงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์หรือหมายถึงการดำเนินงานภายในที่องค์กรทำได้ไม่ดีเป็นปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายในต่าง ๆของบริษัทซึ่งบริษัทจะต้องหาวิธีในการแก้ปัญหานั้น
S มาจาก Strengths หมายถึงจุดเด่นหรือจุดแข็งซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายในความสามารถและสถานการณ์ภายในองค์กรที่เป็นบวก องค์กรนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการทำงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์หรือหมายถึงการดำเนินงานภายในที่องค์กรทำได้ดีเป็นข้อดีที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายในบริษัท
ประโยชน์ของ SWOT
การทำ SWOT จะช่วยให้ไหวตัว
ทันสถานการณ์
และมีการเตรียม
ความพร้อมกับการปรับเปลี่ยนของ
สภาพแวดล้อมบางครั้งเมื่อ
โอกาสมาถึงองค์กรจะได้เก็บเกี่ยว
ผลประโยชน์ได้ทันและเต็มที่หรือถ้าเรา
รู้ว่าแนวโน้มจะมีปัญหาอุปสรรค
อะไรเกิดขึ้นกับองค์กรเราจะได้มี
การเตรียมตัวรับมือผ่อนสถานการณ์
ที่เลวร้ายให้บรรเทาลงได้
นำ SWOT ไปจัดทำแผนกลยุทธ์เพื่อพัฒนาองค์กร
การวิเคราะห์ Twos Matrix
SO วิเคราะห์พร้อมกันเลยว่าเรามีจุดแข็งอะไรและมีโอกาสอะไรที่สนับสนุนจุดแข็งนั้นเช่นในธุรกิจการขนส่งพนักงานของเรามีความชำนาญเส้นทางสามารถลดระยะทางการขนส่งได้และประจวบกับราคาน้ำมันลดลงทำให้โอกาสทำกำไรมีสูงขึ้น
WT วิเคราะห์ว่ามีสภาพแวดล้อมภายนอกอะไรบ้างที่เป็นอุปสรรคกับเราและยังกระทบกับจุดอ่อนของเราโดยตรงด้วย
WO วิเคราะห์ว่ามีสภาพแวดล้อมภายนอกอะไรบ้างที่เอื้อโอกาสให้เราแล้วแต่ถ้าเรายังมีจุดอ่อนอะไรที่จะทำให้เราฉกฉวยโอกาสนั้นไม่ได้
ST วิเคราะห์ว่าเรามีอุปสรรคอะไรบ้างและเราจะสามารถใช้จุดแข็งแก้ไขอุปสรรคนั้นได้อย่างไรเช่นในธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงหน้ามรสุมนักท่องเที่ยวจะลดลงโรงแรมเรามีจุดแข็งในด้านการจัดกิจกรรมเสริมและสถานที่อบรมสัมมนาอาจจะดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการโรงแรมได้อย่างสม่ำเสมอ
ตัวชี้วัดการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในa
เงินทุนแหล่งที่มาของเงินทุนต้นทุนของเงินทุนปริมาณเงินระยะเวลาในการใช้คืนระบบบัญชีเพื่อการคำนวณต้นทุนการกำหนดงบประมาณสอดคล้องกับแผนงานขององค์กรหรือไม่ฐานะการเงินขององค์กรเพิ่มพูนรายได้อย่างไรการควบคุมทางการเงินเป็นอย่างไร
เครื่องจักร / ครุภัณฑ์ / สิ่งก่อสร้างมีประสิทธิภาพแค่ไหนเหมาะสมกับปริมาณงานหรือไม่เครื่องมือถูกใช้เต็มที่หรือถูกใช้บางส่วนการดัดแปลงใช้กับงานอื่นค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
วัตถุดิบปริมาณต้นทุนในการดำเนินงานจำนวนผู้ผลิตและผู้ขายฤดูกาลระยะเวลาในการสั่งซื้อ
เทคโนโลยี / นวัตกรรมเทคโนโลยีทันสมัยหรือล้าสมัยการสร้างมูลค่าเพิ่มความได้เปรียบในเชิงเปรียบเทียบการวิจัยและพัฒนา
การบริหารภาพพจน์ขององค์กร
กำหนดแผนกลยุทธ์จากการวิเคราะห์ TOWS Matrix
กลยุทธ์ ST เอาจุดแข็งสูงสุดไปข่มอุปสรรคเช่นใช้จุดแข็งทางเทคโนโลยีการจัดการเพื่อจัดการอุปสรรคที่มีคู่แข่งมาก
เลือก ST มีจุดแข็งสูงแต่เจออุปสรรคแข่งขันสูงหรือผู้บริหารยังขาดความมั่นใจควรเลือกแผนทดสอบโครงการ Pilot test เพื่อดูความเป็นไปได้ของแผนบางตัวที่คาดว่าสร้างตลาดใหม่ได้ (Competitive)
กลยุทธ์ So เป็นสถานการณ์ที่บริษัทต้องการมากที่สุดโดยใช้จุดแข็งและโอกาสที่ดีสร้างแผนรุกทางเลือกกลยุทธ์
เลือก So มีทั้งจุดแข็งและโอกาสสูงเลือกแผนรุก (Aggressive) และลงทุนด้านงบประมาณเต็มที่เพื่อชัยชนะในการแข่งขันและยึดตลาดได้ก่อนคู่แข่ง (Competitive)
กลยุทธ์ WT รีบสลายจุดอ่อนและหลีกเลี่ยงอุปสรรค
เลือก WT เมื่อเห็นจุดอ่อนและอุปสรรคสูงกว่าคู่แข่งขันต้องพัฒนาอีกระยะจึงจะแข่งขันได้ (กลยุทธ์ถอย)
กลยุทธ์ WO เลี่ยงจุดอ่อนนำความสามารถเฉพาะอย่างมาใช้ให้ได้เปรียบในส่วนที่มีโอกาสสูง
เลือก WO มีจุดอ่อนสูงแต่โอกาสก็สูงด้วยต้องคอยหลีกเลี่ยงบางจุดอ่อนเพื่อโอกาสควรเลือกแผนตั้งรับ (Defensive)