Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กลุ่มอาการที่ได้รับบาดเจ็บ, นส นิลาวรรณ นันต๊ะ เลขที่ 29 รุ่นที่35 -…
กลุ่มอาการที่ได้รับบาดเจ็บ
3.Head injury
การบาดเจ็บที่เกิดจากแรงที่เข้ามากระทบต่อศีรษะและร่างกายแล้วก่อให้เกิดความบาดเจ็บต่อหนังศีรษะ กะโหลกศีรษะ และ สมอง กับเส้นประสาทสมอง
การแบ่งระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บที่ศีรษะ
1.การบาดเจ็บที่ศีรษะระดับเล็กน้อย
(Mild or minor head injury) GCS = 13-15
2.การบาดเจ็บที่ศีรษะระดับปานกลาง (Moderate head injury) GCS = 9-12
3.การบาดเจ็บที่ศีรษะระดับรุนแรง (Severe head injury) GCS < 8
แนวทางการเลือกตรวจวิเคราะห์ (Investigation)
การถ่ายภาพรังสีกะโหลกศีรษะ (skull X-ray)
ตรวจสมองด้วยเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan)
การตรวจด้วยคลื่นสะท้อนในสนามแม่เหล็ก MRI
แนวทางในการรักษา
1.การดูแลระบบทางเดินหายใจ (Airway and respiratory support) ผู้ป่วยที่มี GCS < 8 ทุกรายต้องได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ และช่วยหายใจ
2.การดูแลระบบไหลเวียนโลหิต แก้ไขภาวะความดันโลหิตต่ำ (hypotension- systolic blood pressure < 90 mmHg) ต้องหลีกเลี่ยงภาวะ Hypoxia และ Hypercarbia และแก้ไขภาวะดังกล่าวถ้าเกิดขึ้นอย่างทันที
3.ภาวะบาดเจ็บร่วมอื่น ๆ ที่อาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิต เช่น tension pneumothorax, cardiac temponade, hypovolemic shock ต้องพยายามวินิจฉัยให้ได้ และให้การรักษาอย่างทันท่วงที
4.การตรวจประเมินทางประสาทวิทยา (neurological evaluation) โดยเฉพาะการตรวจว่ามีภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงซึ่งต้องรีบหาสาเหตุและแก้ไข
5.ในผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวทุกราย ต้องทำ neck immobilization ไว้จนกว่าจะตรวจสอบดูแล้วว่าไม่มีภาวะบาดเจ็บต่อกระดูกสันหลังส่วนคอ เพราะอาจเกิดอันตรายถึงแก่อัมพาตหรือเสียชีวิตได้ ถ้าไม่ระมัดระวัง
แบ่งเป็น
การบาดเจ็บโดยตรง ( direct injury ) คือ บาดเจ็บที่เกิดบริเวณศีรษะโดยตรง
การบาดเจ็บโดยอ้อม ( indirect injury ) คือ การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับส่วนอื่นของร่างกาย แล้วมีผลสะท้อน ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะขึ้น
อาการที่พบจากการบาดเจ็บ
ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของ
การบาดเจ็บ โดยแบ่งเป็น
การบาดเจ็บที่ศีรษะเล็กน้อย (minor head injury) ผู้ป่วยรู้สึกตัวค่อนข้างดี พูดคุยพอรู้เรื่อง
การบาดเจ็บที่ศีรษะปานกลาง (moderate head injury) ผู้ป่วยดูง่วงซึมหรือปลุกยาก พูดคุยสับสน หรือพูดไม่รู้เรื่อง
การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง (severe head injury) ผู้ป่วยซึมมากหรือปลุกไม่ตื่น ไม่ส่งเสียง หรือมีแค่เสียงอืออาเท่านั้น
4.Chest injury
อาการและอาการแสดง
1.เจ็บหน้าอก อาจเจ็บมากขึ้นเวลาหายใจ หรือขยับตัว
2.อาจมีอาการหายใจตื้น หายใจสั้นๆ
3.ในบางรายที่ช็อค อาจมีอาการมึนงงศีรษะ สับสนได้
แบ่งเป็น
Blunt injury เกิดจากได้รับแรงกระแทกหน้าอก
Penetrating injury เกิดจากการบาดเจ็บที่มีแผลทะลุเข้าช่องอก
การให้การดูแลรักษาเบื้องต้น
(Initial evalution : Primary Survey)
การป้องกันหลอดลม (clear airway) รวมถึงการใส่ท่อช่วยหายใจหรือการทำการเจาะคอถ้าจำเป็น (surgical airway protection)
การดูแลการหายใจที่พอเพียง (adequate ventilation) เป็นการดูแลให้ผู้ป่วยมีการหายใจแลกเปลี่ยนก๊าซที่เหมาะสม
3.ดูแลการใหลเวียนโลหิตให้พอเพียง ซึ่งสาเหตุของการช็อค การบาดเจ็บที่ทรวงอกที่พบได้บ่อยนอกจากการเสียเลือดปริมาณมาก แล้วยังอาจมีสาเหตุจากการที่หัวใจไม่สามารถบีบตัวได้เนื่องจากถูกกดทับ
บาดเจ็บทรวงอก (Chest trauma หรือ Chest injury ) หมายถึงภาวะที่ ผนังทรวงอกและอวัยวะที่อยู่ภายในทรวงอกได้รับบาดเจ็บจากแรงภายนอกที่มากระทำต่อทรวงอก
การตรวจร่างกาย
1.ดู ซีด เหงื่อแตก ช็อค เขียว ขาดออกซิเจน อัตราการหายใจ , ลักษณะการหายใจ (หายใจเฮือก ,ปีกจมูกบาน ,หน้าอกบุ๋ม) หลอดลมอยู่ตรงกลาง หรือเอียงไปด้นใดด้านหนึ่งหลอดเลือดดำที่คอโป่งหรือไม่ มีบาดแผลภายนอก บริเวณทรวงอกหรือไม่ เวลาหายใจ ทรวงอกสองข้าง ขยายเท่ากันหรือไม่
2.ฟัง
เสียงลมหายใจด้านหนึ่งเบากว่าอีกด้าน -->ลมหรือเลือดในช่องปอด
เสียงครืดคราดในปอด -->ปอดช้ำ
3.คลำ : คลำเบาๆ บริเวณทรวงอก เพื่อดูอาการเจ็บ คลำได้กรอบแกรบ หรือซี่โครงยุบ
4.เคาะ : ทำได้ยาก ณ ที่เกิดเหตุ
เคาะทึบ -->ปอดช้ำ หรือเลือดออกในช่องปอด
เคาะโปร่ง-->ลมรั่วในช่องปอด
5.การวัดสัญญาณชีพ และการวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
นส นิลาวรรณ นันต๊ะ เลขที่ 29 รุ่นที่35