Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การช่วยเหลือพยาบาลวิชาชีพในการดูแลบุคคล วัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีปัญหา…
การช่วยเหลือพยาบาลวิชาชีพในการดูแลบุคคล
วัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีปัญหาการติดเชื้อ
.
กระบวนการติดเชื้อ
แหล่งทางออกติดเชื้อ
รูปแบบการแพร่กระจาย
แหล่งที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ
ทางเข้าเชื้อ
ตัวกระทำที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ
ผู้รับเชื้อ
ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อ
ด้านสิ่งแวดล้อม
บุคคล : เจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อ
ที่อยู่อาศัย สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี : ปนเปื้อนในอุปกรณ์การแพทย์ สัตว์และแมลง
ด้านผู้ป่วย
ภายใน
อายุ
โรค
การบาดเจ็บ
ความต้านทานต่ำ
ความเครียด
ภายนอก
เศรษฐกิจ
อาชีพ
การผ่าตัด
การติดเชื้ออื่นๆ
ติดเชื้อดื้อยา
อาการแสดง :
มีไข้สูง
การดูแล/ป้องกัน :
ควบคุมเชื้อตามแนวทางของโรงพยาบาล แยกของใช้ผู้ป่วย ใส่ถุงมือ ใส่เสื้อกาวน์ หมวกขณะให้การดูแล ล้างมือเป็นประจำ แยกขยะติดเชื้อ/เสื้อผ้า ผ้าต่างๆของผู้ป่วย ทำความสะอาดเตียงเช้า เย็นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
สาเหตุ :
ซื้อยาปฏิชีวนะมารับประทานเอง
หยุดรับประทานยาทันทีเมื่ออาการดีขึ้น
ได้รับยาในรูปแบบอื่น เช่น ยาอมผสมยาปฏิชีวนะ
ขาดผู้แนะนำการใช้ยาปฏิชีวนะที่ถูกต้อง
กลุ่มเสี่ยง :
ผู้ที่ซื้อยามารับประทานเอง หยุดใช้ยาเอง
ติดเชื้อจากพาหะ
เช่น ยุง แมลงต่างๆ
ไข้มาลาเรีย
อาการแสดง :
อาการทั่วไป : ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่สบายในท้อง ปวดท้อง ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ร่วมกับไข้ หนาวสั่น เหงื่อออก เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
อาการรุนแรง : ระดับการรับรู้สติลดลงหรือหมดสติ
อ่อนเพลียมาก ชัก เหนื่อยหอบ น้ำท่วมปอด ช็อค ปัสสาวะออกน้อยจนถึงไม่มี ไตวาย ตัวตาเหลืองร่วมกับอวัยวะสำคัญทำงานผิดปกติ เลือดออกผิดปกติ
การดูแลรักษา :
รักษาด้วยยารักษาโรคต้านมาลาเรีย
สาเหตุ :
มีสาเหตุจากปรสิต โดยมียุงเป็นพาหะ(น้ำลายยุงก้นปล่องเพศเมีย)
การป้องกัน :
สวมเสื้อผ้าปกปิดมิดชิด ป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัดด้วยยากันยุง/กางมุ้ง กำจัดยุง(พ่นยา/ฆ่ายุง)
กลุ่มเสี่ยง :
มนุษย์และสัตว์ที่ถูกยุงก้นปล่องกัด
ไข้หวัดนก
อาการแสดง :
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก มีไข้สูง
การดูแลรักษา :
รักษาด้วยยาต้านไวรัส และรักษาตามอาการ
สาเหตุ :
เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Avian Influenza ติดต่อจากการสัมผัสสัตว์โดยตรง การใช้ของร่วมกัน เช่น ดื่มน้ำจากแก้วน้ำ รับประทานอาหารจากช้อนด้วยกัน การไอจาม การสัมผัส
การป้องกัน :
รับประทานเนื้อไก่และไข่ที่ปรุงสุก
เลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วย/ตาย
ไม่นำสัตว์ปีกที่ป่วย/ตายไปทำอาหาร
ล้างมือบ่อยๆอย่างถูกวิธี เช็ดให้แห้ง
ใช้หน้ากากปิดปากปิดจมูก
หลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่เป็นพาหะ
กลุ่มเสี่ยง :
คนที่สัมผัสกับสัตว์ปีกที่ป่วย (สัตว์ปีกทุกชนิดมีโอกาสติดเชื้อนี้ได้)
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
ติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ/กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
อาการแสดง :
ปวดปัสสาวะบ่อยแบบกะปริบกะปรอย
ปัสสาวะเกินวันละ 5 ครั้ง
ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
ปัสสาวะมากผิดปกติ
การดูแลรักษา :
ดูแลสุขอนามัย
สาเหตุ :
การอั้นปัสสาวะ
การตั้งครรภ์
การมีเพศสัมพันธ์
การติดเชื้อทางช่องคลอด
การป้องกัน :
ไม่กลั้นปัสสาวะนานเกิน 6 ชั่วโมง
ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ
กลุ่มเสี่ยง :
ทุกคน
ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจากการใส่สายสวนปัสสาวะ
อาการแสดง :
ปวดปัสสาวะบ่อยแบบกะปริบกะปรอย
ปัสสาวะเกินวันละ 5 ครั้ง
ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
ปัสสาวะมากผิดปกติ
การดูแลรักษา :
ใส่สายสวนเมื่อมีข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม และใส่นานเท่าที่จำเป็น
ดูแลสายปัสสาวะไม่ให้
หัก/พับ/งอ
สังเกตสี
ไม่ให้เข้ม ขุ่น
สาเหตุ :
การใส่สายสวนนนานเกินไป
การดูแลระหว่างใส่สายสวนไม่ถูกต้อง เช่น การดูแลความสะอาด สุขอนามัย
การป้องกัน :
ดื่มน้ำสะอาด >1,000 ml ต่อวันถ้าไม่มีข้อจำกัด
ป้องกันการติดเชื้อโดยการ
ล้างมือ
กลุ่มเสี่ยง :
ผู้ป่วยเพศหญิง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ
การติดเชื้อที่ติดต่อทางสัมผัส ผิวหนังและเลือด
ตับอักเสบจากเชื้อไวรัส
อาการแสดง :
ชนิดเฉียบพลัน
ชนิดไม่เหลือง พบบ่อย ไม่มีอาการตาตัวเหลืองมีเพียงอาการอ่อนเพลีคล้ายเป็นหวัด ตรวจพบจาก Lab เท่านั้น
ชนิดเหลือง
ก่อนระยะฟักตัวจะไม่มีอาการ
ระยะก่อนเหลืองจะเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนเจ็บชายโครงขวา อ่อนเพลีย ไข้ต่ำๆ ระยะหลัง ปัสสาวะสีเข้ม มีผื่นตามตัว ปวดข้อและข้ออักเสบ
ระยะเหลืองจะ ตาตัวเหลือง ตับโตกดเจ็บ
ชนิดเรื้อรัง
มักไม่มีอาการ แต่เซลล์ตับจะถูกทำลายไปเรื่อยๆ จนเกิดตับแข็ง หรืออาจเป็นมะเร็งตับในที่สุด
การดูแลรักษา :
ยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ เป็นการรักษาตามอาการ และดูแลโดยพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารอ่อน งดการดื่มสุรา เลี่ยงอาหารไขมันสูง
สาเหตุ :
จากเชื้อ Hepatitis virus
ชนิด A ติดต่อจาก Fecal-Oral
ชนิด B จากเลือด, จากการมีเพศสัมพันธ์
ชนิด C จากเลือด
การป้องกัน :
ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ใช้ถุงยางอนามัย และฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไว้รัสตับอักเสบชนิดต่างๆ
กลุ่มเสี่ยง :
ผู้ที่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
ไข้ฉี่หนู
อาการแสดง :
คลื่นไส้ อาเจียน
ปวดศีรษะ
ดีซ่าน
(ตัวเหลือง) ตาแดง
ไข้สูง
ปวดกล้าเนื้อ
การดูแลรักษา :
โดยการให้ยาปฏิชีวนะช่วยลดความรุนแรงและป้องกันอาการแทรกซ้อนของโรค
สาเหตุ :
จากเชื้อแบคทีเรีย Leptospirosis โดยมีหนูเป็นตัวนำโรค
การป้องกัน :
ไม่เดินลุยน้ำ ย่ำโคลน หรือที่ชื้นแฉะมีน้ำขังด้วยเท้าเปล่า
ผู้ที่ทำงานเสี่ยงควรสวมถุงมือ รองเท้าบู๊ท
ถ้ามีบาดแผลตามตัว ควรงดการลงแช่ในน้ำ
ไม่ใช้น้ำในแหล่งน้ำที่มีวัว ควายลงไป
หลังสัมผัสน้ำหรือที่ชื้นแฉะ ควรรีบอาบน้ำชำระร่างกาย หรือล้างมือล้างเท้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
ผักสด/ผลไม้ต้องล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้ง
ควบคุม กำจัดหนูในบริเวณที่อยู่อาศัย
กลุ่มเสี่ยง :
ชาวนา ชาวสวน คนงานขุดลอกท่อระบายน้ำ ผู้ที่สัมผัสกับดินและน้ำ
โรคเมลิออยด์โดซิส
(โรคไข้ดิน)
อาการแสดง :
ระยะเฉียบพลัน
(ฟักตัว 1-12 วัน) มีความหลากหลายทางคลีนิก ตั้งแต่การติดเชื้อโดยไม่มีอาการ การติดเชื้อเฉพาะที่ในอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง ปอดอักเสบ หรือมีอาการเหมือนติดเชื้อทั่วไป เช่น
ไข้
หนาวสั่น
ระยะเรื้อรัง
(มากกว่า 2 เดือน) อาจมาด้วยผิวหนังและแผลอักเสบ ก้อนในปอด โรคนี้
มีความหลากหลายทางคลินิก
ถ้าติดเชื้อที่ปอดจะแสดงอาการเลียนแบบคล้ายวัณโรค
การดูแลรักษา :
โดยการให้ยาปฏิชีวนะ และรักษาตามอาการ
สาเหตุ :
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Burkholderia pseudomallei พบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อมมักติดต่อจากการสัมผัสดินหรือนํ้าที่นํ้าที่ปนเปื้อนเชื้อ
การป้องกัน :
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน และผู้ที่มีบาดแผลควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสดินหรือแหล่งนํ้า เช่นในนาข้าว ซึ่งเป็นแหล่งที่มีโรคชุกชุม
ในแหล่งที่มีโรคชุกชุม ควรให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง หรือมีบาดแผล รอยขีดข่วน ในการป้องกันไม่ให้สัมผัสดินและแหล่งนํ้าโดยตรง เช่น สวมรองเท้าบู๊ท หรือหากจำเป็นต้องรีบทำความสะอาดหลังเสร็จงานทันที
กลุ่มเสี่ยง :
ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ชาวนา ชาวสวน คนงานขุดลอกท่อระบายน้ำ ผู้ที่สัมผัสกับดินและน้ำ โรคนี้พบได้ทั้งในคนและสัตว์
การติดเชื้อทางเดินหายใจ /อากาศ
ไวรัส
โคโรน่าไวรัส
อาการแสดง :
เริ่มต้นใน 1-14 วันหลังรับเชื้อ
จะมีอาการดังนี้ ปวดหัว เจ็บคอ คัดจมูก ไอ มีไข้มากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส มีหนาวสั่น หายใจลำบาก อาจมีภาวะแทรกซ้อนปอดอักเสบ
การดูแลรักษา :
รักษาตามอาการ ยังไม่มีวัคซันป้องกัน
สาเหตุ :
SARS-CoV-2 virus
ติดต่อจากการใช้ของร่วมกัน เช่น ดื่มน้ำจากแก้วน้ำ รับประทานอาหารจากช้อนด้วยกัน การไอจาม การสัมผัส
การป้องกัน :
ล้างมือบ่อยๆอย่างถูกวิธี เช็ดให้แห้ง ใช้หน้ากากปิดปากปิดจมูก หลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์เลี้ยง หากเริ่มมีอาการให้รีบไปพบแพทย์ทันที
กลุ่มเสี่ยง :
ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ผู้เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ
ไข้หวัดใหญ่
อาการแสดง :
เริ่มต้นใน 1-4 วันหลังรับเชื้อ
จะมีอาการดังนี้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอรุนแรง มีไข้สูง ปวดกระดูก อาจเกิดโรคหลอดลมและปอดอักเสบได้
การดูแลรักษา :
หายได้เองหากอาการไม่มาก รักษาตามอาการ
สาเหตุ :
Influenza virus
ติดต่อจากการไอ หรือจาม
การป้องกัน :
หลีกเลี่ยงผู้ป่วย สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ฉีดวัคซีนป้องกันทุกปี
กลุ่มเสี่ยง :
คนทุกเพศ ทุกวัย
วัณโรคปอด
อาการแสดง :
ระยะแรกอาการมักไม่ชัดเจน ให้สังเกตอาการตนเองถ้าไอ เรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์มีไข้ต่ำๆ ช่วงบ่ายเหงื่อออกตอนกลางคืน น้ำหนักลด เบื่ออาหารไอมีเสมหะ ปนเลือดอาจเป็นวัณโรค
การดูแลรักษา :
ด้วยยารักษาที่มีประสิทธิภาพ กินยาให้ครบ6-8 เดือน
สาเหตุ :
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ติดต่อจากคนสู่คน ผ่านทางละอองเสมหะที่เกิดจากการไอ จาม หรือ ใช้เสียง เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
การป้องกัน :
ใช้ผ้าปิดปากจมูกเมื่อไอจาม แยกของเครื่องใช้ ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย หากมีอาการสงสัยควร รีบไปปรึกษาแพทย์
กลุ่มเสี่ยง :
ผู้อาศัยร่วมบ้านผู้ป่วยวัณโรค ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้สูงอายุ
ปอดอักเสบ
อาการแสดง :
ไอมีเสมหะ เจ็บหน้าอกขณะหายใจหรือไอ หายใจเร็ว หอบ หายใจลำบาก มีไข้ เหงื่อออก หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน หรือท้องเสีย เด็กเล็กอาจมีอาการท้องอืด อาเจียน ซึม ไม่ดูดนมหรือน้ำ
ผู้สูงอายุอาจมีอาการซึม ความรู้สึกสับสน อุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ
การดูแลรักษา :
ด้วยการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ และรักษาตามรักษาภาวะแทรกซ้อน
สาเหตุ :
จากการติดเชื้อหรือpneumonia wบได้บ่อยที่สุด โดยเชื้อโรคที่เข้าสู่ปอด และทำให้เกิดการอักเสบของถุงลมปอด และเนื้อเยื่อโดยรอบ
ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เช่น เกิดจากการหายใจเอาสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น ฝุ่น ควัน สารเคมีที่ระเหยได้ ทั้งยังเกิดได้จาก การใช้ยาปฏิชีวนะ ยาเคมีบำบัด และยาสำหรับควบคุมการเต้นของหัวใจบางชนิด
การป้องกัน :
ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่จะทำลายกระบวนการป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจตามธรรมชาติของปอด
ดูแลสุขอนามัยส่วนตัวหมั่นล้างมือหลีกเลี่ยง การอยู่ในที่คนหนาแน่น
หลีกเลี่ยงฝุ่นควันจากบุหรี่ ควันไฟควันจากท่อไอเสียรถยนต์ หรืออากาศที่หนาวเย็น
เมื่อเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ควรรักษาให้หายขาดแต่เนิ่นๆ
สร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ
กลุ่มเสี่ยง :
เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำ บางครั้งการติดเชื้ออาจรุนแรงและทำให้เสียชีวิตได้
น.ส.ปาจารีย์ วิเศษศักดิ์ UDA6280124