Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Abnormality of primary power or force, Abnormality of secondary power or…

- - - - 1.Duration < 40 วินาที
      - 2.Interval > 3 นาที หรือ < 3 ครั้งภายใน 10 นาที
      - 3.ความแรงของการหดรัดตัวระดับน้อยถึงปานกลาง หรือ < 15 mmHg
  - - - 1.1 มดลูกขยายตัวมากกว่าปกติ เช่น ครรภ์แฝด ผนังหน้าท้องหย่อน (Pendulus abdomen)
      - 1.2 มดลูกมีเนื้องอก (Myoma uter) มีถุงน้ำที่รังไข่ (Ovarian cyst)
    - - 2.1 ทารกอยู่ในท่า ทรง หรือส่วนนำผิดปกติ
      - 2.2 ภาวะ Cephalopelvicdispro-portion : CPD
      - 2.3 Contracted pelvis
    - - 3.1 ได้ยาระงับปวดก่อนเวลาที่เหมาะสม (ก่อนปากทดลูกเปิด 3-4 ชม)
      - 3.2 เจ็บครรภ์คลอดเป็นเวลานาน ปวดจากการคลอดมาก
  - - - 1.ซักประวัติเกี่ยวกับการคลอด
      - 2.มักพบทารกมีท่าผิดปกติ มดลูกขนาดใหญ่ ทารกตัวโต ตัวเล็ก ครรภ์แฝดน้ำ หรือผนังหน้าท้องหย่อน
      - มักพบส่วนนำอยู่สูง ไม่มีการเคลื่อนต่ำลงหรือ Contracted pelvis
      - 4.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ในราย Hypotonic uterine dysfunction พบ Duration < 40 วินาที Intensity +1 หรือ +2
      - 5.ประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
        
        5.1 ระยะที่ 1 ของการคลอด ระยะ Latent phase ใช้เวลา > 20 ชม. ระยะ Active phase ใช้เวลา > 14 ชม. Active phaase ใช้เวลา > 2.5 ชม.
        
        5.2 ระยะที่ 2 ของการคลอด ใช้เวลา > 1 ชม. ในครรภ์แรก หรือใช้เวลา > 30 นาทีในครรภ์หลัง
      - 6.การได้รับยาบรรเทาอาการปวดมากเกินไป
      - 7.ประเมินด้านจิตสังคม ผู้คลอดมีความเครียด วิตกกังวลสูงมาก
    - - 1.ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่าง แนะนำไม่ให้กลั้นปัสสาวะ กระตุ้นให้ปัสสาวะทุก 2-4 ชม.
      - 2.กระตุ้นให้ลุกเดินในระยะ Latent phase ระยะ Active phase ให้นอนท่านอนตะแคง ช่วยให้เกิด Ferguson's reflex
      - 3.สวนอุจจาระในรายที่ไม่มีข้อห้าม
      - 4.ดูแลผู้คลอดที่ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกอย่างใกล้ชิด
      - 5.ดูแลให้ได้รับการเจาะถุงน้ำเมื่อเข้าสู้ Active phase และใส่ผ้าอนามัยที่สะอาด ป้องกันการติดเชื้อ สังเกตสี กลิ่นของน้ำคร่ำ
      - 6.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกเพื่อดูความก้าวหน้าของการคลอด ทุก 30 นาที่ในระยะที่ 1 ของการคลอด และทุก 15 นาทีของระยะที่ 2 ของการคลอด หากมดลูกลูกหดรัดตัวไม่ได้ให้รายงานแพทย์พิจารณาให้ยากระตุ้น
      - 7.ตรวจภายในประเมินการเปิดขยายปากมดลูก ระดับส่วนนำ การหมุนของทารก หากการคลอดไม่ก้าวหน้าให้รายงานแพทย์
      - 8.ประเมินสภาพเชิงกราน ดูภาวะ CPD
      - 9.ดูแลให้ได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ
      - สอนวิธีการบรรเทาอาการวดด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น เทคนิคผ่อนลมหายใจ การเพ่งจุด นวด ประคบ หากไม่ได้ผลให้รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาใช้ยาบรรเทาปวด
      - อยู่เป็นเพื่อนให้กำลังใจ อธิบายการดำเนินการคลอด แผนการรักษา
      - ประคับประคองจิตใจ สนับสนุนผู้คลอดเรื่องการดูแลตนเองเพื่อคลายความวิตกกังวล
      - ฟัง FHS > 160 ครั้ง/นาที หรือ < 100 ครั้ง/นาที จังหวะไม่สม่ำเสมอให้ออกซิเจน 5 ลิตร/นาที
      - ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชม.
      - 15.เตรียมอุปกรณ์การดูแลทารกและการฟื้นคืนชีพและทีมงานให้พร้อม
      - ช่วยให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกหลังคลอด และประเมินการหดรัดตัวของมดลูก เลือดที่ออกเป็นระยะและดูแลกระเพาะปัสสาวะให้ว่าง เฝ้าระวังการตกเลือดหลังคลอด
    - - สัญญาณชีพปกติ
      - 2.FHS อยู่ในช่วง 120-160 ครั้ง/นาที จังหวะสม่ำเสมอ
      - Interval 6-10 นาที Duration 20-30 วินาที Intensity +1,+2 ใน Latent phase Interval 3-5 นาที (ต้นActive phase) Interval 2-3 นาที (ปลาย Active phase) Duration 40-60 วินาที Intensity +3 ใน Active phase
      - 4.ระยะที่ 1 ของการคลอด 8-24 ชม. เฉลี่ย 12 ชม.ในการคลอดครั้งแรก 4-12 ชม. เฉลี่ย 6 ชม.ในการคลอดครั้งหลัง
        ระยะที่ 2 ของการคลอด 1-2 ชม. ไม่เกิน 2 ชม. ในการคลอดคร้งแรก 30 นาที ถึง 1 ชม. ไม่เกิน 1 ชม. ในการคลอดครั้งหลัง
      - Tatal blood loss ไม่เกิน 500 ml. ในชั่วโมงแรกหลังคลอดไม่เกิน 60 ml./ชม. ชั่วโมงที่ 2 ไม่เกิน 50 ml./ชม. และในชั่วโมงต่อมาไม่เกิน 30 ml./ชม. หรือไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะตกเลือดหลังคลอด
- - - - Interval < 2 นาที Duration > 90 วินาที Intensity +3 ถึง +4
    - - 2.ภาวะ Oligohydramnios
      - 3.การหมุนเปลี่ยนท่าทารกภายในครรภ์ (Internal version)
      - 1.ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
      - 4.Manual removal of placenta
    - - 1.ผู้คลอดมีอาการเจ็บครรภ์คลอดมาก แตะหน้าท้องไม่ได้เลย
      - 2.มารดาและทารกอยู่ในภาวะคับขันรีบให้การช่วยเหลือ
      - 3.เกิดการคลอดติดขัด ทำให้ต้องผ่าตัดทางหน้าท้อง
      - 4.ถ้าเกิดในระยะที่ 3 ของการคลอด จะทำให้ปากมดลูกปิดส่งผลให้เกิดรกค้างและตกเลือดหลังคลอดได้
    - - 1.ซักประวัติ เกี่ยวกับการเจ็บครรภ์คลอด
      - 2.ตรวจร่างกาย ตรวจหน้าท้องพบมดลูกหดรัดตัวไม่สม่ำเสมอ รู้สึกเจ็บมาก PV คลำพบวงแหวน ฟัง FHS ไม่ได้
    - - 2.ถ้าเกิดในระยะเบ่ง ควรให้ยาระงับปวด เพื่อให้วงแหวนคลายตัว ใช้คีมช่วยคลอด
      - 3.ระยะคลอดรก ถ้าไม่มีเลือดออกมาก ให้รออีกประมาณ 30 นาที วงแหวนจะคลายตัวลง ถ้าเลือดออกมากควรให้ยาสลบทำการล้วงรก
      - 1.ให้ยาระงับปวด เพื่อให้วงแหวนคลายตัว ภ้ามีภาวะ Fetal distress ต้องรีบทำผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
    - - การประเมินสภาพ
        
        1.ซักประวัติเกี่ยวกับการคลอดหลายครั้ง โดยเฉพาะคลอด > 5 ครั้ง
        
        2.มักพบทารกมีท่าผิดปกติ CPD
        
        3.ตรวจภายในพบว่า ปากมดลูกไม่เปิดขยายเพิ่มขึ้น และส่วนนำไม่เคลื่อนต่ำลง
        
        4.ประเมินการหดรัดตัวของมดลุก แรงแต่ไม่มีประสิทธิภาพ มักพบว่า Duration > 60 วินาที Interval < 2 นาที Intensity +3 หรือ +4 ทำให้มารดารู้สึกเจ็บปวด
        
        5.ประเมินความก้าวหน้าการคลอด มักพบการคลอดยาวนาน
        
        6.ผู้คลอดมีความวิตกกังวล กลัวการคลอด มีอาการเหนื่อย
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกทุก 30 นาที ถีง 1 ชั่วโมง
        
        2.ในรายที่กำลังได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกให้หยุดยาทันที
        
        3.จัดให้ผู้คลอดนอนตะแคงซ้าย ให้ออกซิเจนอย่างเพียงพอ
        
        4.ฟัง FHS ทุก 15 นาที ถ้า > 160 ครั้ง/นาที หรือ < 100 ครั้ง/นาที จังหวะไม่สม่ำเสมอ ดูแลให้ออกซิเจน 5 ลิตร/นาที และรายงานแพทย์
        
        5.สอนวิธีบรรเทาปวดด้วยเทคนิคต่างๆ หากไม่ได้ผลควรรายงานแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาบรรเทาปวด
        
        6.ให้ยาบรรเทาปวดตามแผนการรักษาเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัว
        
        7.ให้สามีอยู่เป็นเพื่อน ให้กำลังใจ เพื่อคลายคววามวิตกกังวล
        
        8.ดูแลให้สารน้ำอย่างเพียงพอตามแผนการรักษา
        
        9.ในระยะที่ปากมดลูกยังเปิดไม่หมดเตรียมการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
        
        10.ในระยะที่ 2 ของการคลอด ควรรายงานแพทย์เพื่อจัดให้ได้รับยาสลบตามแผนการรักษา ให้วงแหวนคลายตัวออกแล้วช่วยคลอดด้วยคีม แต่ถ้าวงแหวนไม่คลายตัวภายใน 45 นาที ต้องเตรียมผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
        
        11.ในระยะรก รายที่ไม่มีเลือดออกให้รอได้ครึ่งชั่วโมงวงแหวนอาจคลายตัวเอง แต่ถ้ามีเลือดออกให้รายงานแพทย์เพื่อดมยาสลบแล้วล้วงรก
      - การประเมินผล
        
        1.ผู้คลอดไม่เกิดการคลอดติดขัด
        
        1.1 ระยะที่ 1 ของการคลอด 8-24 ชม. เฉลี่ย 12 ชม.ในการคลอดครั้งแรก 4-12 ชม. เฉลี่ย 6 ชม. ในการคลอดครั้งหลัง
        ระยะที่ 2 ของการคลอด 1-2 ชม. ไม่เกิน 2 ชม. ในการคลอดครั้งแรก 30 นาที ไม่เกิน 1 ชม. ในการคลอดครั้งหลัง
        ระยะที่ 3 ของการคลอด 5-15 นาที ไม่เกิน 30 นาที ทั้งในการคลอดครั้งแรกและครั้งหลัง
        
        1.2 ปากมดลูกเปิด 1.2 ซม.ในการคลอดครั้งแรก และ 1.5 ซม. ในการคลอดครั้งหลัง ส่วนนำเคลื่อนต่ำลง 1 ซม.ต่อชม.
        
        2.ผู้คลอดปลอดภัยและไม่เกิดภาวะคับขันจากการคลอดตืดขัด
        
        2.1 สัญญาณชีพปกติ
        
        2.2 ไม่มีการหดรัดตัวมากกว่าปกติแบบไม่คลาย (Tetanic contration) ใน Latent phase ควรมี Interval 6-10 นาที Duration 20-30 วินาที Intensity +1 หรือ +2 ส่วนใน Active phase ควรมี Duration 40-60 วินาที Interval 3-5 นาที ในช่วงต้น Active phase ส่วนปลาย Active phase ควรมี Interval 2-3 นาที
        
        2.3 ไม่มีอาการนำและอาการแสดงของภาวะมดลูกแตก
        
        3.ทารกไม่เกิดภาวะขาดออกซิเจนและปลอดภัยจากการคลอดติดขัด FHS อยู่ในช่วง 120-160 ครั้ง/นาที จังหวะสม่ำเสมอ
        
        4.ผู้คลอดคลายความวิตกกังวล
        
        5.ผู้คลอดอ่อนเพลียลดลง สุขสบายขึ้น
  - - - Duration > 90 วินาที ระยะพักสั้น Interval < 90 วินาที
    - - 1.Obstructed labor ส่งผลให้มดลูกหดรัดตัวมากขึ้นดพื่อขับดันทารกลงมาในช่องคลอด มดลูกส่วนบนถูกดึงรั้ง มดลูกส่วนล่างยืดขยายขึ้น ผนังมดลูกบาง
      - 2.สาเหตุอื่นๆ มดลูกหดรัดตัวมากทั้งส่วนบนส่วนล่างไม่ทำให้เกิดวงแหวน จาก ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวไม่ถูกวิธี รกลอกตัวก่อนกำหนด
    - - 1.เจ็บครรภ์คลอดมากตลอดเวลา กระสับกระส่าย
      - 2.อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ขาดน้ำ น้ำตาลในเลือดต่ำจากการเจ็บครรภ์คลอดมากและพักผ่อนไม่เพียงพอ
      - 3.ทารกมีโอกาสขาดออกซิเจน เนื่องจากการไหลเวียนเลือดมาที่รกและมดลูกลดลง
      - 4.เกิดมดลูกแตกจากมดลูกหดรัดตัวมาก ทำให้ตกเลือด
      - 5.ต้องผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องในรายที่มี CPD
    - - 1.การซักประวัติ ระยะเวลาการเจ็บครรภ์คลอดนานและมากกว่าปกติ
      - 2.การตรวจร่างกาย
        
        2.1 มดลูกหดรัดตัวรุนแรงและพี่ขึ้น ระยะพักสั้นลง เจ็บครรภ์มาก
        
        2.2 พบรอยคอดคล้ายวงแหวนระหว่างกล้ามเนื้อมดลูกส่วนบนและส่วนล่าง ต่ำกว่าระดับสะดือ
        
        2.3 คลำพบเอ็นด้านข้างของมดลูกทั้งสองข้าง
        
        2.4 ฟัง FHS ไม่ได้เนื่องจากหน้าท้องแข็งตึงมาก
        
        2.5 ตรวจภายในพบการคลอดไม่ก้าวหน้า ส่วนนำไม่่เคลื่อนต่ำลงกระดูกกะโหลกศีรษะเกยกัน อาจพบ Caput succedeaneum
    - - การประเมินสภาพ
        
        1.ซักประวัติเกี่ยวกับประวัติทารกขาดออกซิเจน ได้รับยาเร่งคลอดมากหรือเร็วเกินไป
        
        2.มักพบว่าทารกมีท่าผิดปกติ CPD
        
        3.ตรวจภายในพบว่า ปากมดลูกไม่เปิดขยายเพิ่มขึ้น และส่วนนำไม่เคลื่อนต่ำลง โดยมักเกิดในระยะปากมดลูกเปิดช้า
        
        4.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก จะมีการหดรัดตัวแรงมากแต่ไม่มีประสิทธิภาพ พบว่า Duration > 60 วินาที Interval < 2 วินาที Intensity +3 หรือ +4
        
        5.ประเมินความก้าวหน้าของการคลอด การเปิดขยายของปากมดลูก การเคลื่อนต่ำของศีรษะทารก มักพบว่าใช้เวลาคลอดรวมทั้งหมด < 3 ชม.
        
        6.ประเมินด้านจิตสังคม พฤติกรรมแสดงออกพบว่า ผู้คลอดมีความวิตกกังวลสูง
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกบ่อยขึ้น ความถี่ ความนาน ลักษณะการหดตัว ถ้า Interval ถี่กว่าทุก 2-3 นาที Duration > 60 วืนาทีหรือไม่คลายตัว รายงานแพทย์
        
        2.ในรายที่ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกให้หยุดยาทันที
        
        3.จัดให้นอนตะแคงซ้าย และให้ออกซิเจน 8-10 ลิตร/นาที เพื่อส่งเสริมให้ทารกได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
        
        4.ประเมิน FHS ถี่ขึ้น ทุก 5 นาที
        
        5.สังเกตอาการเตือนมดลูกใกล้จะแตก เช่น ปวดทุรนทุราย กระสับกระส่าย มีรอยคอดคล้ายวงแหวนระหว่างกล้ามเนื้อมดลูกส่วนบนและส่วนล่าง มองเห็นได้ต่ำกว่าระดับสะดือเล็กน้อย (Bandl's ring) ให้รายงานแพทย์
        
        6.ปๆระเมินอาการเลือดออกทางช่องคลอด หรือภาวะ Hypovalumic shock โดยไม่มีอาการแสดงของมดลูกแตก อาจมีภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด จะต้องสิ้นสุดการตั้งครรภ์โดยเร็วเพื่อความปลอดภัย
        
        7.ตรวจภายในเพื่อประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
        
        8.ให้สารน้ำอย่างเพียงพอตามแผนการรักษาในรายที่ไม่ได้เป็นโรคไต หัวใจ หรือความดันโลหิตสูง เพื่อเพิ่มปริมาณการไหลเวียนของเลือดให้เลือดไปเลี้ยงรกได้ดี
        
        9.จัดให้พักผ่อนในสถานที่สงบและเป็นส่วนตัวเพื่อความสุขสบาย
        
        10.บรรเทาอาการปวดด้วยวิธีต่างๆที่ไม่ใช้ยา
        
        ประคับประคองด้านจิตใจโดยอยู่เป็นเพื่อนและเฝ้าดูแลตลอดเวลา
        
        12.ให้ยาบรรเทาอาการปวดตามแผนการรักษาในกรณีที่ไม่สามารถบรรเทาปวดด้วยวิธีการต่างๆที่ไม่ใช้ยาได้
        
        13.อาจให้ยาลดการหดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา สังเกตอาการข้างเคียง เช่น BP ต่ำ หัวใจเต้นเร็ว ให้รายงานแพทย์
        
        14.ดูแลให้มีกระเพาะปัสสาวะว่าง กระตุ้นให้ปัสสาวะทุก 2-3 ชม. ป้องกันความตึงตัวของกระเพาะปัสสาวะและลดความปวดจากการตึงตัวของมดลูก
        
        15.เตรียมการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องในรายที่มีความผิดปกติ
      - การประเมินผล
        
        Interval 6-10 นาที Duration 20-30 วินาที Intensity +1,+2 ใน Latent phase Interval 3-5 นาที (ต้นActive phase) Interval 2-3 นาที (ปลาย Active phase) Duration 40-60 วินาที Intensity +3 ใน Active phase
        
        2.FHS อยู่ในช่วง 120-160 ครั้ง/นาที จังหวะสม่ำเสมอ
        
        1.สัญญาณชีพปกติ
        
        4.ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะมดลูกแตก เช่น ไม่มีรอยคอดคล้ายวงแหวนระหว่างกล้ามเนื้อมดลูกส่วนบนและส่วนล่าง ต่ำกว่าระดับสะดือ (Bandl's ring) เลือดออกทางช่องคลอดขนาดหน้าท้องโตขึ้นเร็ว
        
        5.ผู้คลอดเผชิญความเจ็บปวดได้เหมาะสม
        
        6.ผู้คลอดมีความวิตกกังวลลดลง
  - - - แรงดัน > 60 mmHg
    - - 1.ผู้คลอดมีความวิตกกังวล และกลัวมาก ปวดรุนแรงทำให้หลั่งสารแคททิโคลามีนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มดลูกหดรัดตัวมากกว่าปกติ
      - 2.พบในผู้คลอดอายุมาก
      - 3.ผ่านการคลอดหลายครั้ง > 5 ครั้ง
      - 4.ภาวะ CPD
    - - เจ็บครรภ์คลอดยาวนาน จากการเปิดขยายของปากมดลูกล่าช้าหรือไม่เปิดขยาย
      - 2.คลอดล่าช้าจากภาวะ Constriction ring ซึ่งจะรัดตัวทารกในครรภ์ไว้ไม่ให้เคลื่อนต่ำลง
      - 3.เจ็บมากกว่าปกติเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวแรงและคลายตัวไม่เต็มที่
      - 4.ทารกมีโอกาสขาดออกซิเจน
      - 5.ผู้คลอดเหนื่อย อ่อนเพลียมากกว่าปกติ พักผ่อนน้อย
    - - การประเมินสภาพ
        
        1.ซักประวัติเกี่ยวกับการคลอดยาวนาน
        
        2.มักพบว่าทารกมีท่าผิดปกติ CPD
        
        3.ตรวจภายในมักพบ ปากมดลูกไม่เปิดขยายเพิ่มขึ้น ส่วนนำไม่เคลื่อนต่ำลง
        
        4.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก หดรัดตัวแรง แรงดันในโพรงมดลูก > 60 mmHg แต่ไม่มีแรงที่ยอดมดลูก อาจหดรัดตัวแรงตอนกลางหรือส่วนล่างของมดลูก
        
        5.ประเมินความก้าวหน้าของการคลอด มักพบว่าใช้เวลาคลอดรวมทั้งหมด < 3 ชม.
        
        6.ด้านจิตสังคม ผู้คลอดมีความวิตกกังวล กลัวการเจ็บครรภ์คลอดสูง
      - การพยาบาล
        
        1.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกบ่อยขึ้น ความถี่ ความนาน ความแรง ลักษณะการหดรัดตัว ตำแหน่งการเริ่มหดรัดตัว บริเวณที่มีความแรงที่สุด ถ้าพบความผิดปกติให้รายงานแพทย์
        
        2.จัดให้นอนตะแคงซ้าย ให้ออกซิเจน 5 ลิตร/นาที เพื่อลดการกดทับInferior venacava
        
        4.ประเมิน FHS ถี่ขึ้นทุก 15-30 นาที
        
        3.จัดให้พักผ่อนในสถานที่สงบเป็นส่วนตัว
        
        5.สนับสนุนการบรรเทาปวดด้วยวิธีต่างๆ
        
        6.ประคับประคองด้านจิตใจอยู่เป็นเพื่อย ดูแลตลอดเวลา อธิบายสาเหตุความผิดปกติ แผนการรักษาเพื่อคลายความวิตกกังวล
        
        7.ให้ยาบรรเทาปวดตามแผนการรักษาในรายที่ไม่สามารถบรรเทาปวดวิธีต่างๆที่ไม่ใช้ยา
        
        8.จัดให้สารน้ำอย่างเพียงพอตามแผนการรักษาในรายที่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ไต ความดันโลหิตสูงเพื่อเพิ่มแรงดันเลือดช่วยให้เลือดไปเลี่ยงรกดีขึ้น
        
        9.หากให้การพยาบาลข้างต้นแล้ว มดลูกยังหดรัดตัวผิดปกติอยู่ ควรรายงานแพทย์