Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Acquired Immunodeficiency Syndrome: AIDS, นางสาวศศิธร ตะโคตร ชั้นปีที่…
Acquired Immunodeficiency Syndrome: AIDS
ความหมาย
โรคเอดส์ คือ ภาวะป่วยขั้นสุดท้ายของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ที่ไปทำลายเม็ดเลือดขาว ทำให้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจนไม่สามารถต่อสู้กำจัดการติดเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย จึงเกิดอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการใดรักษาเอดส์ให้หายขาด มีเพียงแต่ยาที่ช่วยชะลอการพัฒนาโรคและลดอัตราการเสียชีวิตจากเอดส์ หากผู้ติดเชื้อรู้ตัวและได้รับการรักษาแต่แรกเริ่ม ก็อาจช่วยไม่ให้การติดเชื้อเอชไอวีลุกลามไปสู่ระยะที่เป็นเอดส์ได้
สาเหตุ
การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร
ทารกในครรภ์สามารถติดเชื้อเอชไอวีได้จากทั้งภายในครรภ์มารดา จากการทำคลอด และจากการให้นมบุตร
การใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ
ทำให้ได้รับเชื้อจากเลือดในอุปกรณ์นั้น มักเกิดจากการใช้ยาเสพติดร่วมกัน หรือการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ
การมีเพศสัมพันธ์
ทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดและทางทวารหนักโดยไม่ป้องกัน
การรับเลือด
การรับเลือดไปยังผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาอาการป่วยต่าง ๆ
ภาวะแทรกซ้อนของเอดส์
เอดส์เป็นภาวะขั้นสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของผู้ป่วยเอดส์จะถูกทำลายเสียหายจนไม่สามารถต้านทานต่อโรคและการติดเชื้อต่าง ๆ ได้ ทำให้เกิดการเจ็บป่วยและโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย
วัณโรค ซึ่งเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียอันตรายเรื้อรังที่ทำลายอวัยวะ โดยเฉพาะปอดและระบบทางเดินหายใจ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเอดส์เสียชีวิตได้
การติดเชื้อไซโตเมกะโลไวรัสที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ระบบทางเดินอาหาร ปอด หรืออวัยวะอื่น ๆ
การติดเชื้อราทำให้เกิดการอักเสบในเนื้อเยื่อปาก ลิ้น หลอดอาหาร ช่องคลอด
พยาธิสภาพ
ชื้อเอชไอวีจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานบกพร่อง ไม่สามารถต่อสู้ป้องกันหรือกำจัดการติดเชื้อได้ตามปกติ เสี่ยงต่อการป่วยโรคต่าง ๆ สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางของเหลวในร่างกายที่ติดเชื้อ อย่างเลือด น้ำอสุจิ หรือของเหลวในช่องคลอด โดยร่างกายจะไม่สามารถกำจัดเชื้อเอชไอวีออกไปได้ ไม่เหมือนไวรัสบางชนิดที่ทำให้ป่วยเป็นไข้หวัดและจะหายดีเมื่อเวลาผ่านไป เพราะหากได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้ว เชื้อเอชไอวีจะคงอยู่ตลอดไป
อาการและอาการแสดง
ระยะอาการสงบ มักจะไม่มีอาการแสดงที่เด่นชัด หรือแทบจะไม่มีอาการป่วยเลย แต่ยังคงมีเชื้อพัฒนาอยู่ภายในร่างกาย
ระยะเอดส์ เป็นระยะที่ภูมิคุ้มกันถูกทำลายจนเสียหายหนัก ทำให้เกิดการติดเชื้อและเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ และเสี่ยงต่อการเสียชีวิต โดยเอดส์มีอาการสำคัญ เช่น มีไข้อยู่ตลอดเวลา เหนื่อยล้า หมดแรง น้ำหนักลด มีเหงื่อไหลตลอดทั้งคืน ท้องร่วงเรื้อรัง มีฝ้าสีขาว หรือแผลบริเวณลิ้นและปาก
ระยะแรกเริ่มติดเชื้อ จะมีอาการ เช่น มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ มีผื่น ปวดตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ
การประเมินสุขภาพ
-
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
HIV viral load
CD4 Count
HIV drug resistance testing
2.ตรวจร่างกาย
1.ซักประวัติ
การรักษา
ปัจจุบันไม่มียาหรือวิธีการรักษาใดที่จะกำจัดเชื้อเอชไอวีให้หมดไปได้ มีเพียงแต่ยาที่จะช่วยชะลอการพัฒนาของโรค คือ ยาต้านเอชไอวี หรือยาต้านรีโทรไวรัส (Antiretrovirals: ARVs) หากผู้ป่วยได้รับยาตั้งแต่ในระยะเริ่มแรกที่ได้รับเชื้อ ยาจะออกฤทธิ์ควบคุมไม่ให้ไวรัสมีการแพร่กระจายและพัฒนาไปสู่การเจ็บป่วยในขั้นที่รุนแรงอย่างเอดส์ โดยการรับประทานยา PEP (Post-exposure Prophylaxis) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นยาฉุกเฉินที่ต้องรับประทานหลังได้รับเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย ส่วนวิธีการใช้ยา ต้องรักษาด้วยการใช้ยาต้านร่วมกันหลายตัว (Antiretroviral Therapy: ART)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
-
เสี่ยงต่อเนื้อเยื่อพร่องออกซิเจน เนื่องจากพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซลดลงจากการติดเชื้อที่ปอด
เสี่ยงต่อการติดเชื้อบริเวณผิวหนัง เนื่องจากภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาส เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ผู้ป่วยและญาติวิตกกังวลเกี่ยวกับการรักษา
นางสาวศศิธร ตะโคตร
ชั้นปีที่ 2 เลขที่ 52 รหัสนักศึกษา 610701054