Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กระบวนการพยาบาลผู้คลอดที่มีความผิดปกติของสิ่งที่คลอดออกมา (Abnormal of…

- - - - 5.ปากมดลูกบวมและอาจฉีกขาด
      - 6.ผู้คลอดเหนื่อล้า ติดเชื้อและตกเลือดหลังคลอดได้ง่าย
      - 4.ผนังช่องคลอดและฝีเย็บยืดขยายและฉีกขาดได้มาก
      - 7.กระทบกระเทือนจิตใจมาก
      - 3.ผู้คลอดปวดหลัง/เอวมาก จาก sacral nerve ถูกกด
      - 8.ทากรกเกิดภาวะขาด O2
      - 2.อาจใช้สูติศาสตร์หัตถการ C/S
      - 9.ทารกได้รับอันตรายจากเครื่องมือช่วยคลอด
      - 1.การคลอดยาวนาน คลอดยาก หงุดชะงัก
      - 10.เครียด วิตกกังวล
    - - 3.ใช้คีม kielland forceps ช่วยหมุนท่าOA ดึงช่วยคลอด
      - 4.ใช้เครื่องดูดสุญญากาศ กรณีแพทย์ไม่ชำนาญ
      - 2.ใช้มือช่วยหมุนให้เป็นท่า OA
      - 5.C/S กรณีเชิงกรานชนิด Android
      - 1.กรณีช่องเชิงกรานกว้างพอ ช่องคลอดฝีเย็บยืดดี ให้คลอดทางช่องคลอด อาจให้ยาช่วกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวดี
    - - 4.ผนังหน้าท้องหย่อนมาก
      - 5.มีสิ่งกีดขวางการหมุน เช่น รกเกาะด้านหน้า
      - 3.เชิงกรานแคบในแนวขวางของ midpelvic เช่น แบบAndroid
      - 6.มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
      - 2.ศีรษะเล็ก/ใหญ่เกินไป
      - 7.กล้ามเนื้อพื้นชิงกรานหย่อน
      - 1.ศีรษะก้มน้อย/ช้า เมื่อเข้าช่องเชิงกราน
  - - - 2.C/S กรณี
        
        1.หมุนกลับทารกไม่สำเร็จ มีข้อห้าม
        
        2.ถุงน้ำแตกแล้ว
        
        3.สายสะดือพลัดต่ำ
        
        4.ไหล่อัดแน่นในช่องเชิงกราน
      - 3.กรณีครรภ์แฝด คนน้องขวาง เมื่อพี่คลอดให้หมุนน้องเป็นท่าก้น ช่วยทำคลอดท่าก้นทางช่องคลอด
      - 1.กรณีไม่มีข้อห้าม เมื่อเจ็บครรภ์ให้หมุนกลับทารกทางหน้าท้อง เจาะถุงน้ำคร่ำและให้ยาเร่งคลอด
      - 4.กรณีทารกตายและตัวเล็กมาก อาจให้คลอดทางช่องคลอด โดยทารกะคลอดลักษณะหักพับกลางลำตัว ศีรษะชิดอกเอาลำตัวออกมาก่อน
    - - 1.ปัจจัยที่ทำให้ทารกเคลื่อนไหวได้สะดวกมาก
        
        1.ผนังหน้าท้องและมดลูกหย่อนยาน *พบมากสุด
        
        2.ครรภ์แฝดน้ำ
        
        3.การคลอดก่อนกำหนด
      - 2.ปัจจัยที่ทำให้ทารกเข้าสู่ช่องเชิงกรานไม่ได้
        
        1.รกเกาะต่ำ
        
        2.ช่องเชิงกรานแคบ
        
        3.ทารกหัวบาตร
        
        4.สายสะดือสั้นกว่าปกติมาก
        
        5.มีเนื้องอกในอุ้งเชิงกราน
      - 3.อื่นๆ
        
        ครรภ์แฝด พบในแฝดผู้น้อง
    - - 3.เกิดการติดเชื้อในโพรงมดลูกได้มาก
      - 4.มีอาการเจ็บปวดมาก จากไหล่อัดแน่นช่องเชิงกราน
      - 2.เกิดสายสะดือพลัดต่ำหรือถูกกดมาก
      - 5.เกิดมดลูกแตก
      - 6.ปากมดลูกและผนังช่องคลอดฉีกขาดได้มาก
      - 7.ทารกมีโอกาสขาด O2 และเสียชีวิตได้มาก
      - 1.การคลอดยาวนาน/ติดขัด
      - 8.ผู้คลอดวิตกกังวล หวาดกลัว
  - - - 1.คางอยู่ด้านหน้าช่องเชิงกราน คลอดได้เองามธรรมชาติเนื่องจากใกล้เคียงท่า OA
      - 2.คางอยู่ด้านหลังช่องเชิงกราน 70%อาจหมุนมาด้านหน้าและคลอดธรรมชาติได้ แต่อาจล่าช้า ถ้าไม่หมุนมักพบในทารกตัวโต มักต้องC/S
  - - - 2.ทารกมีรูปร่างผิดปกติ เช่น Anencephaly
      - 3.ผนังหน้าท้องหย่อนมากทำให้ลำตัวทารกลงไปข้างหน้าลำคอเหยียดตรงขึ้น
      - 1.เชิงกรานแคบ ศีรษะทารกโต *พบบ่อย
      - 4.ครรภ์แฝดน้ำ ทำให้ศีรษะเคลื่อนได้อิสระ
      - 5.มีสิ่งกีดขวางช่องเชิงกราน
    - - 1.การคลอดยาวนาน จากใบหน้านุ่มไม่แนบกระชับช่องคลอด
      - 2.ผู้คลอดและทารกอาจมีาวะแทรกซ้อนจากการคลอดยาวนาน
      - 3.ผู้คลอดเหนื่อยล้า ขาดน้ำ
      - 4.อาจเกิดภาวะมดลูกแตกจากคลอดติดขัด
      - 5.ฝีเย็บช่องคลอดฉีกขาดมาก
      - 6.ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อภาวะขาด O2
      - 7.ภาวะPROM สายสะดือพลัดต่ำ
      - 8.บริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้นทารกบวม หายใจลำบาก ไม่ค่อยดูดนม อาจมีเลือดออกในกระโหลกร่วม
  - - - Incomplete breech
        
        ทารกมีการเหยยดข้อสะโพก และมีเข่า/ขา อยู่ต่ำกว่าก้น
        
        Kneeling breech
        
        ส่วนนำเป็นเข่า1หรือ2ข้าง ต่ำกว่าก้น
        
        Frank breech
        
        ทารกงอเข้าข้อสะโพกทั้ง2ข้างและเหยียดข้อเข่าออกทั้ง2ข้าง
        
        Footling breech
        
        ส่วนนำเป็นขา1หรือ2ข้าง ต่ำกว่าก้น
      - Complete breech
        
        ทารกรกงอเข้าข้อสะโพกและข้อข่าทั้งสองข้าง
    - - 4.ผนังหน้าท้อง/กล้ามเนื้อมดลูกหย่อน
      - 5.กระดูกเชิงกรานแคบ
      - 3.ครรภ์แฝด/ครรภ์แฝดน้ำ
      - 6.มีสิ่งกีดขวาง เช่นรกเกาะต่ำ
      - 2.ทารกตัวเล็ก
      - 7.IUGR,DFIU หรือพิการ
      - 1.คลอดก่อนกำหนด
    - - 5.ตกเลือดหลังคลอด จากการฉีกขาดมาก หรือมดลูกแตก
      - 6.ทารกในรรภ์ขาด O2 จากสายสะดือพลัดต่ำถูกกด
      - 4.ติดเชื้อหลังคลอด
      - 7.เลือดออกใสมองทารก จากการดึงอย่างรวดเร็ว
      - 3.การฉีกขาดของช่องทางคลอดอ่อน
      - 8.ทารกได้รับบาดเจ็บจากการคลอด
      - 2.PROM มักติดเชื้อร่วม
      - 9.อัตราตายสูงกว่าการคลอดที่ศีรษะเป็นส่วนนำ 3-5 เท่า
      - 1.ระยะการคลอดยาวนานโยเฉพาะระยะที่2 หยุดชะงัก
    - - 1.การคลอดทางช่องคลอด
        
        2.การช่วยคลอด (breech assisting or partial breech extraction)
        
        3.การดึงทารกออกมา ( breech extraction or total breech extration)
        
        1.คลอดเอง (spontaneus breech delivery)
        
        ปัจจัยพิจารณา
        
        1.แบบ frank breech
        
        3.คาดคะเนน้ำหนักทารก<3,500 g.
        
        4.GA 36-42 wks.
        
        5.ช่องเชิงกรานมีขนาดรูปร่างปกติ
        
        2.ศีรษะทารกอยู่ในลักษณะก้ม
        
        6.มีอุปกรณ์และบุคคลากรทางการแพทย์พร้อม
      - 2.C/S
    - - 1.คลอดเอง (spontaneus breech delivery)
        
        ใช้กรณีทารกในครรภ์ตัวเล็ก ครรภ์หลัง มารดาลมเบ่งดี ควรให้สิ้นสุดภายใน 8-10 นาที นับตั้งแต่สะดือพ้นช่องคลอดออกมา
      - 2.การช่วยคลอด (breech assisting or partial breech extraction)
        
        1.การทำคลอดไหล่และแขน
        
        1.Muller's method คือ ใช้ผ้าคลุมก้นกันลื่น โน้มลง 45 องศาจนไหล่หน้าคลอด แล้วโน้มขึ้น หาไม่สำเร็จทำคลอดไหล่หลังก่อน
        
        2.Classical method คือ ทำคลอดไหล่หลังก่อนแล้วหมุนไหล่หน้ามาด้านหลังแล้วทำคลอดแบบไหล่หลัง ในรายคลอดยาก
        
        3.Lovset's method คือ ดึงทารกลงล่างหมุนไหล่หลังมาหน้า ดึงพร้อมหมุนทวนให้ไหล่กลับมาด้านหน้าเหมือนเดิม โดยหลังต้องอยู่ด้านหน้าช่องคลอดสมอ ในราย ไหล่แขนมีปัญหา
        
        2.วิธีการทำคลอดศีรษะ
        
        1.Mauriceau-Smillie-Veit's maneuver นิยมมากสูด วางมือใต้ลำตัวทารก อกพาดแขนผู้ทำคลอด สอดนิ้วกลางเข้าปากทารกเพื่อดึงศีรษะก้ม นิ้วชี้ยันไว้ใต้คาง มืออีกข้างเกี่ยวไหล่ทารก ดึงยกลำตัวขึ้นด้านบนหน้าท้องผู้คลอด ผู้ช่วยกดยอดมดลูก
        
        2.การใช้ piper forceps คือ หลังศีรษะเข้าช่องเชิงกรานแล้ว ให้เสริฟ blade ข้างซ้าย ดึงครีมโดนให้ศีรษะทารกงอ จนsubocciput ลงใต้กระดูกหัวหน่าว และยกทรกขึ้นหน้าท่องผู้คลอด
      - 3.การดึงทารกออกมา ( breech extraction or total breech extration)
        
        2.การทำคลอดไหล่และแขน
        
        อันตรายสูง ทำในรายขาด O2 สายสะดือพลัดต่ำ ใช้กรณีมีภาวะแทรกซ้อนทางอายุรศาสตร์
        
        3.การทำคลอดศีรษะ
        
        1.การดึงก้นออกมา
        
        1.ใช้นิ้วดึง (digital groin extraction) ในรายFrank breech ใช้นิ้วเกี่ยวขาหนีบดึงก้นออกมา ทำขณะมดลูกหดรัดตัว พร้อมช่วยกดยอดมดลูก
        
        2.การเปลี่ยนให้เท้าเป็นส่วนนำ (breech decomposition) ในรายcomplete breech สอดมือเข้าไปจับเท้าและดึงออกมา
    - - 3.ช่วยป้องกันการฉีกขาดของฝีเย็บ
      - 4.เมื่อก้นคลอดถึงระดับสะดือ ดึงสายสะดือให้เคลื่อนต่ำออกมา ป้องกันกดทับ
      - 2.การตัดฝีเย็บทุกราย แบบเฉียงและยาวกว่าปกติ
      - 5.เมื่อไหล่คลอดแล้ว ต้องรอให้ศีรษะก้มและหมุนภายในก่อน
      - 1.สวนปัสสาวะทิ้งก่อน
      - 6.รายที่การคลอดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ให้ช่วยตัดฝีเย็บและพยุงทารกตามวิธี Brancht maneuver
  - - - การประเมินสภาพ
        
        1.การตรวจครรภ์ โดยดู คลำ ฟัง
        
        1.สังเกตลักษณหน้าท้อง พบรอยบุ๋มต่ำกว่าสะดือ รอยนูนบริเวณหัวหน่าว
        
        2.สังเกตการดิ้น ทารกดิ้นทั่วท้อง
        
        3.การตรวจโดย sencond leopold handgrip หหากทารกอยู่ท่า longitudinal lie ราย OP มักคลำได้ small part/large part อยู่ด้านข้างหน้าท้อง
        
        2.ฟัง FHS รายที่มี OPฟังได้ยินใกล้เส้นกึ่งกลางลำตัวผู้คลอด
        
        3.ตรวจภายใน หา sagital suture และposterior fontanel มีOP sagital suture อยู่แนวหน้าหลังช่องคลอด posterior fontanel ใกล้กระดูกก้นกบ
        
        4.อาการชวนสงสัย ปวดหลังและเอวมากแม้ขณะมดลูกคลายตัว มีลมเบ่ง ปากมดลูกบวม ระยะ 1-2 ยาวนาน
        
        5.ประเมินความรู้สึก รับรู้เกี่ยวกับการคลอด โดยซักถาม
      - ตัวอย่างข้อวินิจฉัยการพยาบาล
        
        1.ผู้คลอดและทารกมีโอกาสเกิดอันตรายจากกรคลอดยาวนานและการคลอดติดขัด เนื่องจากท่าทารกผิดปกติ
        
        2.มีโอกาสเกิดการบวมช้ำ ฉีกขาดของปากมดลูก เนื่องจากมีลมเบ่งตั้งแต่ปากหมดลูกยังไม่เปิด
        
        3.มีโอกาสเกิดการฉีกขาดและยืดขยายมากผิดปกติของช่องคลอดและฝีเย็บ เนื่องจากทารกมีท่าผิดปกติ
        
        4.ผู้คลอดไม่สุขสบายจากการเจ็บครรภ์คลอดมาก เนื่องจากการคลอดยาวนาน
        
        5.ผู้คลอดมีความกลัวหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับการคลอด
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกอย่างใกล้ชิด หดรัดตัวไม่แรงรายงานแพทย์
        
        2.ดูแลให้มดลูกหดรัดตัวดี กระตุ้นให้ปัสสาวะทุก 2-4 ชม. ดูแลให้ยากระตุ้นอย่างเหมาะสม
        
        3.จัดท่าผู้คลอด
        
        1.นอนตะแคง (Lateral position or sim's position)
        
        2.ท่าศีรษะและลำตัวสูง (Upright position)
        
        3.ท่าคุกเข้าฟุบหน้าบนหมอน (Modified knee-chest position)
        
        4.ท่าคลาน (Four-leg position) *ได้ผลดี แต่เมื่อย
        
        4.NPO อาจช่วยคลอดด้วยสูติศาสตร์หัตถการ ให้ IV
        
        5.สอนและกระตุ้นใช้เทคนิคการบรรเทาปวดด้วยวิธีต่างๆ เช่น หายใจ ลูบหน้าท้อง นวด ประคบ ดูแลความสุขสบายทั่วไป
        
        6.บรรเทาความกลัววิตกกังวล ยมรับพฤติกรรม ให้ข้อมูล อยู่เป็นเพื่อน
        
        7.ประเมินสภาพทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด ฟังFHS ทุก 30 นาที
        
        9.เตรียมอุปกรณ์ช่วยคลอดสูติศาสตร์ให้พร้อม
        
        10.ช่วยคลอดโดยตัดฝีเย็บ
        
        11.ประเมินทารกด้วย APGAR score ส่งเสริมสัมพันธภาพมารดาทารก
        
        12.ประเมินปริมาณเลือดที่ออกจกช่องคลอด เฝ้าระวังตกเลือดหลังคลอด
        
        8.กระตุ้นให้เบ่งอย่างถูกต้องในระยะที่ 2
    - - การประเมินสภาพ
        
        3.ฟังFHS GA>34 wks.ชัดเจนเหนือสะดือ
        
        4.ตรวจภายในระวังถุงน้ำแตก
        
        2.การตรวจครรภ์
        
        5.ภาพถ่ายรังสี ตรวจเมื่อครบกำหนดหรือใกล้ครบ
        
        1.ซักประวัติ ทารกดิ้นส่วนล่าง แสบยอดอก หายใจลำบาก
        
        6.U/S
      - ตัวอย่างข้อวินิจฉัยการพยาบาล
        
        1.ผู้คลอดและทารกมีโอกาสเกิดอันตรายจากกรคลอดยาวนานและการคลอดติดขัด เนื่องจากมีก้นเป็นส่วนนำ
        
        2.ทารกเสี่ยงต่อการขาด O2 เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงในการเกิดภาวะ สายสะดือพลัดต่ำ สายสะดือถูกกดทับ ทารกสูดน้ำคร่ำและขี้เทาเข้าปอดในระยะก่อนศีรษะคลอด
        
        3.ทารกเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกในสมองและอวัยวะต่างๆ ได้รับอันตรายเนื่องจากคลอดยากหรือคลอดติดขัด
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        ระยะรอคลอด
        
        4.นอนพักบนเตียงท่านอนตะแครง
        
        5.ตรวจภายในเป็นระยะๆ
        
        3.รายที่ถุงน้ำแตกฟัง FHS และPV ทันที
        
        6.ประเมินบันทึกการหดรัดตัวมดลูกทุก 30 นาที-1 ชม. กระตุ้นให้ปัสสาวะ
        
        2.ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ หาความเข้มข้นหมู่เลือด
        
        7.ประเมินFHS เป็นระยะๆ
        
        8.ประเมินการดิ้นของทารกเป็นระยะๆ
        
        9.ให้ข้อมลเกี่ยวกับการดำเนินการคลอด
        
        10.จัดเตรียมอุปกรณ์ช่วยคลอด ฟื้นคืนชีพ
        
        1.NPO
        
        ระยะที่ 2 ของการคลอด
        
        7.เมื่อปากจมูกโผล่ ให้รีบดูดสารคัดหลั่ง
        
        8.บันทึกข้อมมูลคลอดอย่างละเอียด
        
        6.ช่วยแพทย์ทำคลอด
        
        9.ประเมินปริมาณเลือดที่ออกจกช่องคลอด เฝ้าระวังตกเลือดหลังคลอด
        
        5.กระตุ้นเบ่งเมื่อส่วนนำลง
        
        4.ประเมินบันทึก หดรัดตัวมดลูกทุก 5 ที ฟังFHS
        
        3.จัดท่า Lithotomy position
        
        2จัดเตรียมอุปกรณ์
        
        1.รายงานสูติแพทย์วิสัญญี เพื่อเตรียมช่วยเหลือ
    - - การประเมินสภาพ
        
        2.ตรวจภายใน
        
        3.ตรวจ U/S , X-ray
        
        1.ตรวจครรภ์คลำหน้าท้อง พบส่วนนูนศีรษะไปทางด้านหลัง
      - ตัวอย่างข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
        
        3.มีโอกาสเกิดการบวมช้ำฉีกขาดของปากมดลูก เนื่องจากเส้นผ่านศูนย์กลางของส่วนที่ผ่านช่องคลอดออกมามีขนาดใหญ่
        
        2.ทารกมีโอกาสพร่อง O2 จากภาวะสายสะดือพลัดต่ำ เนื่องจากมีใบหน้าเป็นส่วนนำ
        
        1.ผู้คลอดและทารกมีโอกาสเกิดอันตรายจากกรคลอดยาวนานและการคลอดติดขัด เนื่องจากมีใบหน้าเป็นส่วนนำ
        
        4.ผู้คลอดไม่สุขสบายจากการเจ็บครรภ์คลอดมาก เนื่องจากการคลอดยาวนาน
        
        5.ผู้คลอดมีความกลัวหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับการคลอด
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        2.ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ หาความเข้มข้นหมู่เลือด
        
        4.กรณีพิจารณาคลอดทางช่องคลอด ให้PV ประเมินการหดรัดตัว FHS
        
        3.ให้ผู้คลอดนอนพักบนเตียง เพื่อป้องกันถุงน้ำแตก
        
        5.ดูแลความสุขสบายและประคองจิตใจ
        
        6.ตัดฝีเย็บให้ยาวขึ้น
        
        7.ดูแลทารกแรกคลอดอย่างใกล้ชิด
        
        1.NPO
    - - ประเมินสภาพ
        
        2.ตรวจครรภ์ ฟังFHS ต่ำกว่าสะดือ
        
        3.การตรวจภายใน
        
        1.ซักประวัติถุงน้ำแตกก่อนกำหนด
        
        4.การตรวจ U/S หรือ X-rey
      - ตัวอย่างข้อวินิจฉัย
        
        1.ทารกมีโอกาสขาด O2 ภาวะสายสะดือพลัดต่ำ เนื่องจากส่วนนำไม่แนบกระชับช่องคลอด
        
        2.ผู้คลอดมีโอกาสได้รับอันตรายจากการคลอดยาวนานหรือติดขัด เนื่องจากทารกอยู่ในแนวขวาง
        
        3.ทารกมีโอกาสได้รับอันตรายจากการคลอดยาวนานหรือติดขัดเนื่องจากส่วนนำทารกอยู่ในแนวขวาง
        
        4.ผู้คลอดมีวิตกกังวลจากการคลอดยาวนานหรือติดขัด เนื่องจากส่วนนำทารกอยู่ในแนวขวาง
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        3.กรณีถุงน้ำแตก ฟังFHS ทุก 5-10 นาที ใน 30 นาทีแรก สังเกตการดิ้น
        
        4.NPO
        
        2.ดูและให้พักบนเตียง ลดการกระตุ้น
        
        5.ดูแลเช่นเดียวกับหมุนกลับทางหน้าท้อง
        
        1.รีบรายงานแพทย์หากสงสัยอยู่ท่าขวาง
        
        6.กรณี C/S รายงานกุมารแพทย์ วิสัญญี
- - - - ขนาดใหญ่ผิดปกติ
    - - พบในท้องมาน ตับโต บวมน้ำ
    - - มีการอุดตันการไหลเวียนเลือดและการดูดซึมของน้ำไขสันหลัง เกิดการคั่งในสมองมากเกินไป
    - - น้ำหนัก 4,000 g. ทำให้คลอดยาก
    - - 1.เกิดการคลอดยาก คลอดยาวนาน/ติดขัด
      - 2.ช่องทางคลอดอ่อนฉีกขาด
    - - 1.ใช้สูติศาสตร์หัตถการ รายที่คลอดทางช่องคลอดได้
      - 2.C/S
  - - - 4.ทารกเสียชีวิตจากภาวะ Chromic brain injiury
      - 5.ผู้ลอดช่องคลอดฉีกขาดหรือชอกช้ำ
      - 3.ทารกขาด O2 ขณะคลอด
      - 6.ผู้คลอดตกเลือดหลังคลอด
      - 2.ทารกบาดเจ็บจากการช่วยคลอด
      - 7.ผู้คลอดได้รับอันตราย ได้แก่ มดลูฏแตก ติดเชื้อหลังคลอด
      - 1.สายสะดือถูกกด ทารกขาด O2
    - - การประเมินสภาพ
        
        2.ตรวจร่างกาย มักพบ ผู้คลอดอ้วน
        
        3.การตรวจครรภ์ ขนาดหน้าท้องใหญ่กว่าปกติ
        
        1.ซักประวัติมักพบ เป็นเบาหวาน ทารกตัวใหญ่
        
        4.ประเมินภายหลังศีรษะคลอดแล้ว พบศีรษะขนาดใหญ่
      - ตัวอย่างข้อวินิจฉัยการพยาบาล
        
        1.มีโอกาสเกิดการฉีกขาดและยืดขยายมากผิดปกติของทางช่องคลอด ฝีเย็บ เนื่องจากการคลอดไหล่ยาก
        
        2.วิตกกังวลจากการคลอดติดไหล่
        
        3.ทารกมีโอกาสเกิดอันตรายจากการคลอดติดไหล่
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        3.ทำคลอดไหล่ตามวิธีไม่สำเร็จ ให้ทำคลอดไหล่หลังก่อน ไม่สำเร็จทำดังนี้
        
        4.ประเมินอาการผิดปกติทารกแรกเกิด
        
        2.กรณีติดไหล่หลังศีรษะออกให้รายงานกุมารแพทย์ช่วยคลอด
        
        5.ตรวจสอบการฉีกขาด เย็บซ่อมแซมถูกวิธี
        
        1.กรณีประเมินสภาพพบความเสี่ยง รายงานแพทย์พิจารณาช่วยคลอด
        
        6.ประเมินเลือดที่ออกทางช่องคลอดและอาการแสดงตกเลือด
        
        7.ดูแลด้านจิตใจ ส่งเสริมสัมพันธภาพ
  - - - 3.การตรวจครรภ์ พบทารกท่าผิดปกติ
      - 4.การตรวจภายใน มักคลำส่วนนำไม่ได้ สูงกว่าส่วนนำผิดปกติ
      - 2.ตรวจร่างกาย มักพบ ผู้คลอดอ้วน
      - 5.ตรวจ U/S หรือ X-ray พบความผิดปกติได้ชัดเจน
      - 1.ซักประวัติมักพบ เป็นเบาหวาน ทารกตัวใหญ่
    - - 2.ผู้คลอดและทารกมีโอกาสเกิดอันตรายจากการคลอดยาวนานหรือการคลอดติดขัด เนื่องจากทารกมีรูปร่างและขนาดผิดปกติ
      - 3.มีโอกาสเกิดการฉีกขาดและยืดขยายมากผิดปกติของช่องทางคลอด ฝีเย็บ เนื่องจากทารกมีรูปร่างและขนาดผิดปกติ
      - 1.ระยะการคลอดยาวนาน คลอกยาก หรือการคลอดติดขัด เนื่องจากทารกมีรูปร่างและขนาดผิดปกติ
      - 4.ไม่สุุขสบายจากการเจ็บครรภ์คลอดมาก จากการคลอดยาวนาน เนื่องจากทารกมีรูปร่างและขนาดผิดปกติ
    - - 3.ประเมินและบันทึก FHSิ เป็นระยะๆ
      - 4.รายที่ถุงน้ำแตกให้รีบฟังFHSและตรวจภายในทันที
      - 2.นอนพักบนเตียง ลดการกรตุ้น
      - 5.ตรวจภายในเป็นระยะๆ ถุงน้ำทูนหัวยังไม่แตก
      - 6.ประเมินและบันทึกการหดรัดตัวของมดลูก ทุก 30นาที - 1 ชม.
      - 7.ติดตามความก้าวหน้าของการคลอดด้วย WHO partograph
      - 1.NPO
      - 8.ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติเพื่อตรวจความเข้มข้นของหมู่เลือด
      - 9.จัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อใช้สูติศาสตร์ ช่วยฟื้นคืนชีพทารก
      - 10.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับดำเนินการคลอด