Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Retinopathy of prematurity(ROP), กลุ่มอาการสูดสำลักขี้เทา(MAS) - Coggle…
Retinopathy of prematurity(ROP)
ระยะของโรค
ระยะ 0
เส้นเลือดยังงอกไม่ครบถึงรอบนอกสุดของจอประสาทตา แต่ตัวเส้นเลือดยังไม่พบลักษณะผิดปกติ
ระยะ 1
เห็นเส้นสีขาวบางๆกั้นระหว่างตำแหน่งที่มีเส้นเลือดและบริเวณที่ยังไม่มีเส้นเลือดงอกไปถึง
ระยะ 2
เส้นคั่นระหว่างตำแหน่งที่มีเส้นเลือดและบริเวณที่ยังไม่มีเส้นเลือดงอกไปถึงการหนาตัวนูนขึ้น
ระยะ 4
เส้นเลือดที่ผิดปกติดึงรั้งจอประสาทตาทำให้มีจอประสาทตาลอกบางส่วน
ระยะ 3
เส้นคั้นตำแหน่งที่มีเส้นเลือดและบริเวณที่ยังไม่มีเส้นเลือด เริ่มมีเส้นเลือดผิดปกติงอกขึ้นมา
ระยะ 5
จอประสาทตาหลุดลอกทั้งหมด
ภาวะขาดออกซิเจนเกิน ROP (Retinopathy of prematurity)จอประสาทตาผิดปกติในทารกคลอดก่อนกำหนด
เส้นเลือดซี่งอยู่ระหว่างทางในการงอกไปตามจอประสาทตา
ปัญหาทางการพยาบาล
มีโอกาสเกิดจอตาถูกทำลาย เนื่องจากได้รับ ออกซิเจนที่มีระดับความเข้มข้นสูงและนาน
กิจกรรมการพยาบาล
เฝ้าระวังดูแลการให้ออกซิเจนกับทารกตามแผนการรักษา อย่างระมัดระวัง SpO2 90-95% PaO2 60-80 mmHgจึง จะป้องกันการเกิดภาวะ ROPได้ เมื่อจะหยุดให้ออกซิเจน จะต้องค่อยๆลดปริมาณที่ให้ลงอย่างช้าๆ และตรวจสอบ ความทนของทารกต่อการเลิกให้ออกซิเจน โดยดูจากผล arterial blood gas(ABG)
ส่งปรึกษาจักษุแพทย์เป็นระยะๆเพื่อประเมินภาวะสุขภาพตา
พยาธิสรีรภาพ
TTNB อยู่ในครรภ์ภายในถุงลมจะถูกบรรจุด้วย Fetal lung fluid
แรกคลอด มี Lung compliance และ air wayresistance เกิด Mild- Moderate hypoxia
มีการดูดซึมน้ำในปอดกลับช้ากว่าปกติ
Treatment
การช่วยหายใจ (CPAP)
การให้ออกซิเจน (Oxygen treatment)
การรักษาแบบประคับประคอง(supportive treatment)
กลุ่มอาการสูดสำลักขี้เทา(MAS)
เป็นกลุ่มอาการหายใจลำบากที่เกิด เนื่องจากการที่ทารกสูดสำลักหายใจเอาขี้เทาปนอยู่ในน้ำคร่ำเข้าไปในทางเดินหายใจ อาจเกิดขึ้นขณะอยู่ในครรภ์ ระหว่างการคลอด หรือทันทีหลังเกิด
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลทางเดินหายใจโล่ง โดยการดูดเสมหะให้อย่างถูกวิธีและป้องกันการขาดออกซิเจนขณะดูดเสมหะ
ช่วยเพิ่มจำนวนออกซิเจนที่เข้าไปในปอด
ดูแลให้ทารกพักผ่อนให้ได้มากที่สุด ลดกิจกรรมที่ทำให้ทารกต้องใช้พลังงานเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ปริมาณการใช้ออกซิเจนลดน้อยลง จัดให้ทารกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีแสงและเสียงรบกวน
ประเมินการหายใจของผู้ป่วย ทั้งอัตราและลักษณะของการหายใจ ในรายที่มีอาการรุนแรงติดตามสัญญาณชีพทุก ½-1 ชั่วโมง และติดตามระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแดง(SpO2) พร้อมกับบันทึก
อาการและอาการแสดง
ทารกมักมีอาการหายใจลำบาก
เสียงหายใจออกยาวกว่าปกติ
ฟังปอดได้ยินเสียง rhonchi และcrepitation
เสียงกลั้นหายใจในระยะหายใจออก
หน้าอกบุ๋ม ปีกจมูกบาน
ทรวงอกโป่งออกหรืออกถัง (barrel chest
หายใจเร็ว เขียว
การวินิจฉัย
ประวัติน้ำคร่ำมีขี้เทาปนหรือดูดได้ขี้เทาจาก หลอดลมคอ
ภาพรังสีปอดจะพบลักษณะปอดอักเสบจาก การสูดสำลักขี้เท