Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิดการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต, อ้างอิง, รูปจับมือ - Coggle Diagram
แนวคิดการพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต
End of life
ความหมาย
การดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยในวาระสุดท้ายของชีวิต (หมายถึงช่วงเวลา6 เดือนสุดท้ายที่ผู้ป่วยอาจมีชีวิตอยู่)
หลักการสำคัญของการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ให้การดูแลเป็นองค์รวม ทั้งกาย ใจ สังคม และจิตวิญาณ
ให้การดูแลทั้งผู้ป่วยและครอบครัว เพราะเมื่อคนใดคนหนึ่งในครอบครัวป่วยหนัก ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนอื่นๆในครอบครัวจะได้รับผลกระทบจากการเจ็บป่วยของผู้ป่วยไปด้วย
ให้ความเคารพสิทธิของผู้ป่วยและครอบครัวในการรับทราบข้อมูลการเจ็บป่วยและให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมตัดสินใจเรื่องแนวทางและเป้าหมายของการดูแล รวมไปถึงการให้ความเคารพในค่านิยม ความเชื่อและศาสนาของผู้ป่วยและครอบครัว
ปรัชญาของการดูแลจะไม่ใช่เป็นการใช้เครื่องมือหรือความรู้ทางการแพทย์ที่เป็นเพียงการยื้อความทรมานโดยไม่เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่เป็นการเร่งหรือช่วยให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเร็วกว่าการดำเนินโรคตามธรรมชาติ
การดูแลจะเป็นการดูแลโดยทีมสหวิชาชีพ มีการประสานงานระหว่างบุคคลากรสาธารณสุขหลายสาขา เพื่อให้สามารถช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัวได้มากที่สุด และที่สำคัญควรตระหนักไว้เสมอว่าครอบครัวก็เป็นส่วนหนึ่งของทีม
การดูแลมีความต่อเนื่องตั้งแต่ในระยะแรกๆ ของโรคจนกระทั่งหลังจากผู้ป่วยเสียชีวิต
Palliative care
ความหมาย
มุ่งที่จำทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว ซึ่งเผชิญหน้ากับโรคที่คุมคามต่อชีวิต (Life-threatening) ไม่ว่าจะเป็นโรคใด โดยเน้นที่การดูแลรักษาอาการที่ทำให้ทุกข์ทรมาน ทั้งอาการเจ็บป่วยทางกาย ปัญหาทางจิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ แบบองค์รวมและควรให้การรักษาดังกล่าวตั้งแต่ระยะแรกที่เริ่มวินิจจฉัยว่าผู้ป่วยระยะสุดท้าย (Terminal illness) จนกระทั่งผู้ป่วยเสียชีวิต และรวมถึงการดูแลครอบครัวของผู้ป่วยหลังจากการสูญเสีย
แนวคิดการดูแลผู้ป่วย
L: Living will ตอบสนองเจตนารมณ์ของผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล
I: Individual Belief สนับสนุนให้ผู้ป่วยและครอบครัวได้ทำตามความเชื่อส่วนบุคคล
F: Function ช่วยเหลือให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถทำกิจกรรมได้อย่างเหมาะสม
E: Emotional and Coping ดูแลและประคับประคองความรู้สึกของผู้ป่วยและครอบครัวต่อการเจ็บป่วยและการสูญเสีย
S: Symptom ดูแลความไม่สุขสบายต่างๆ
S: Social and Support ช่วยประสานให้ผู้ป่วยและครอบครัวในการแก้ปัญหาทางด้านสังคมและครอบครัว
หลักการสำคัญของการดูแลผู้ป่วยระยะประคับประคอง
ผู้ป่วย
การสื่อสาร (communication) เพื่อการตัดสินใจของผู้ป่วยและครอบครัว เป็นหน้าที่ของแพทย์โดยตรง
การแจ้งการวินิจฉัยโรค การพยากรณ์โรค ซึ่งมักเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ป่วยและครอบครัว(breaking bad news) ด้วยเทคนิควิธีการที่ถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งการให้ความหวังแก่ผู้ป่วยและครอบครัวตามจริง
การวางแผนเกี่ยวกับแนวทางการรักษาที่มีอยู่ และการกำหนดเป้าหมายของการรักษา(goal setting) ร่วมกันระหว่างผู้ป่วยและญาติกับแพทย์และทีมผู้รักษา
การวางแผนล่วงหน้าเกี่ยวกับการรักษาในวาระสุดท้ายของชีวิต (advance care planning) ซึ่งในขณะนั้นผู้ป่วยมักไม่มีสติสัมปชัญญะหรือไม่สามารถสื่อสารความต้องการของตนเองได้แล้ว โดยแพทย์ควรหาจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมเพื่อให้ข้อมูล และสอบถามความเห็นของผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับการยืดชีวิตของผู้ป่วยด้วยวิธีต่างๆ เช่น ปฏิบัติการกู้ชีวิต(cardiopulmonary resuscitation: CPR) จากนั้น แพทย์ควรบันทึกผลการสนทนานั้นในเวชระเบียนส่วนที่เป็นรายงานการดำเนินโรค(progress note) ให้ชัดเจน และแจ้งทีมผู้รักษา รวมทั้ง สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำหนังสือแสดงเจตนาดังกล่าว (living will) เป็นลายลักษณ์อักษร หากผู้ป่วยต้องการ
การจัดการกับโรค (disease management) เจตคติที่สำคัญในการดูแลผู้ป่วยและครอบครัวแบบ palliative care คือ การดูแลแบบนี้มิใช่ “do nothing” ดังนั้น การจัดการกับโรคในมุมมองของpalliative care คือ treat the treatable ได้แก่ การรักษาภาวะแทรกซ้อนหรือภาวะฉุกเฉินที่ยังรักษาได้(reversible conditions) การรักษาบางอย่าง เช่น การผ่าตัด การฉายแสง เพื่อมุ่งหวังบรรเทาความทุกข์ทรมานของผู้ป่วย รวมทั้ง การป้องกันภาวะแทรกซ้อน (complications) ของโรค
การดูแลอาการทางกาย (symptom control) ที่พบบ่อย เช่น อาการปวด หอบเหนื่อย คลื่นไส้อาเจียน สับสน ฯลฯ ด้วยวิธีการต่างๆ ทั้ง ที่ใช้ยาและไม่ใช้ยา คำอธิบายที่ดีและการให้กำลังใจของ
แพทย์จะช่วยบรรเทาอาการของผู้ป่วยได้มาก
การดูแลจิตใจ-สังคม-จิตวิญญาณ (psycho-social-spiritual care) ได้แก่ การประคับประคองจิตใจของทั้งผู้ป่วยและครอบครัว รวมทั้ง การทำความเข้าใจมิติทางด้านจิตวิญญาณของผู้ป่วยเพื่อหาทางช่วยเหลือ ความเข้าใจนี้ย่อมเกิดจากการที่แพทย์และทีมให้เวลา ใส่ใจรับฟัง ผู้ป่วย(active listening)ด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์หลังจากนั้นแพทย์และทีมจึงแจ้งให้ครอบครัวได้ทราบเพื่อสามารถตอบสนองความต้องการทางจิตวิญญาณของผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง การดูแลผู้ป่วยและครอบครัว ในระยะสุดท้ายของชีวิต (ระยะเวลาเป็นวันก่อนผู้ป่วยเสียชีวิต) แพทย์ควรดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
ครอบครัว
แพทย์ควรประคับประคองจิตใจญาติ และเปิดโอกาสให้ครอบครัวได้มีโอกาสอยู่กับผู้ป่วยอย่างเป็นส่วนตัวเท่าที่ต้องการ เพื่อบอกลา พูดถึงสิ่งดีๆ หรือบุญกุศลที่ผู้ป่วยเคยทำ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยจากไปด้วยดีโดยปราศจากความห่วงกังวล
หลังจากผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว แพทย์และทีมควรปฏิบัติต่อร่างของผู้ตายด้วยความเคารพ เปิดโอกาสให้ครอบครัวได้อยู่กับผู้ตายโดยไม่จำกัดเวลา และแพทย์ควรหาโอกาสพูดกับญาติเพื่อแสดงความเสียใจและพูดถึงการดูแลอย่างทุ่มเทของญาติที่สังเกตเห็น เพื่อลดความรู้สึกผิด (guilty) และความเศร้าโศกของญาติหลังจากการเสียชีวิตของผู้ป่วย (bereavement period)
ผู้ป่วยแต่ละคน ครอบครัวแต่ละครอบครัว มีความเชื่อ มีความรู้สึกนึกคิดต่อความเจ็บป่วย รวมทั้ง ความคาดหวังต่อการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน
อ้างอิง
นางสาวสุชานาถ ศรีสุขใส เลขที่68
กิติพล นากวิโรจน์ . (ม . ป . ป .) .
หลักการของPalliative care
.สืบค้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ . ศ . 2563,จาก
https://med.mahidol.ac.th/fammed/th/postgrad/doctorpalliative1th
พิมประพรรณ สถาพรพัฒน์ . (ม . ป . ป ).หลักการสำคัญของการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง . สืบค้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ . ศ . 2563,จาก
https://www.slideshare.net/mobile/doodeewa/concept-pc-30838303
สันต์ ใจยอดศิลป์ . (2560). การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต( End of Life Care ).สืบค้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ . ศ . 2563,จาก
http://visitdrsant.blogspot.com/2010/07/end-of-life-care.html?m=1