บทที่ ๓ หลักการบริหารและพัฒนาองค์การ
(นายธนภัทร คบหมู่ รหัสนักศึกษา 603101031)
- การบริหารงานบุคคล
1.1 การบริหารงานบุคคล หมายถึง กระบวนการที่ประกอบด้วย การคาดการณ์
การเปลี่ยนแปลง การวางแผน และการพัฒนาบุคลากร ทักษะการปฏิบัติงานและมีความก้าวหน้าในอาชีพ การประเมินผลการปฏิบัติงาน สวัสดิการที่เหมาะสม
เพื่อสร้างแรงจูงใจและความยึดมั่นผูกพันต่อองค์กร และบรรลุตามเป้าหมายขององค์การ
1.2 การบริหารบุคลากรทางการพยาบาล หมายถึง กระบวนการบริหารงานบุคคลที่เกี่ยวกับบุคลากรทางการพยาบาลทุกระดับในองค์กร เริ่มตั้งแต่การสรรหาและรับเข้าทำงาน
การบำรุงรักษา การพัฒนา การประเมินผล จนกระทั่งพ้นออกจากงาน
1.3 ความสำคัญของการบริหารงานบุคคล หมายถึง การบริหารจัดการให้บุคลากรในงานเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับงานที่ปฏิบัติ
มีความคิดสร้างสรรค์ มีความสุขในการทำงาน
1.4 วัตถุประสงค์ของการบริหารงานบุคคล
- เพื่อสรรหาและเลือกสรร (recruitment and selection)
ให้ได้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และความประพฤติดีเข้ามาทำงาน
- เพื่อใช้ประโยชน์ (utilization) ของบุคคลอย่างเต็มกำลังในการทำงาน
- เพื่อรักษาไว้ (maintenance) ซึ่งบุคคลให้ทำงานกับองค์การนานๆ
- เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี (relationships) ของบุคคลกลุ่มต่างๆขององค์การ
- เพื่อพัฒนาทักษะและเสริมสร้างความสามารถของบุคลากร
ให้มีสมรรถภาพเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง(development)
1.5 หลักการบริหารงานบุคคล
- ระบบคุณธรรม (Merit System) เป็นระบบที่นิยม
และช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารงานองค์การฟ
1 หลักความเสมอภาค (equality of opportunity) ผู้มีความรู้ความสามารถ และมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ย่อมมีสิทธิ์และโอกาสเท่ากันในการแข่งขันเข้ามาทำงาน เช่น ให้สิทธิสมัครสอบได้ทุกคน
- หลักความสามารถ (Competency) เป็นการพยายามคัดเลือกให้ได้
ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งมากที่สุด เช่น
คัดเลือกผู้ที่มีความสามารถสูงไว้บรรจุก่อน
- หลักความมั่นคง (Security of tenure) ความมั่นคงในงาน ย่อมมีความสำคัญต่อผู้ปฏิบัติมาก ข้าราชการจะมีความมั่นคงสูง แม้จะเงินเดือนน้อยกว่าภาคเอกชน แต่ยังคงได้รับความนิยมเข้ารับ
- หลักการเป็นกลางทางการเมือง (Political neutrality) มุ่งเน้นที่
ข้าราชการมากกว่าวงการธุรกิจ
เช่น ห้ามข้าราชการเป็นกรรมการ
บริหารพรรคการเมือง
5.2 ระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) เป็นระบบ
การบริหารงานบุคคลที่ตรงข้ามกับระบบคุณธรรม
ส่วนใหญ่จะยึดถือหลักพวกพ้อง
เครือญาติ หรือมีผู้อุปการะ
1.6 กระบวนการบริหารงานบุคคล
- การวางแผนกำลังคน (Manpower Planning)
- เพื่อทำให้หน่วยงาน/องค์กรสามารถทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
- เพื่อให้บุคลากรแต่ละคนได้รับประโยชน์สูงสุดในการปฏิบัติงานในหน่วยงาน
- เพื่อให้มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในการจัดคนไว้ทำงานทุกตำแหน่งและทุกระดับ
- เพื่อทำให้หน่วยงาน/องค์กรมีบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมบรรจุไว้ตรงกับ ความจำเป็นของงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งที่สำคัญขององค์การ
กระบวนการวางแผนกำลังคนนั้นสามารถแบ่งการดำเนินการไว้เป็นขั้นตอนได้เป็น 3 ขั้นตอน
- การศึกษานโยบายและแผนขององค์กร
- การตรวจสภาพกำลังคน
- การพยากรณ์ความต้องการกำลังคน
- การสรรหาบุคคลและการบรรจุแต่งตั้ง
- การสรรหาจากภายนอกหน่วยงาน เช่น การเปิดรับสมัครบุคคลทั่วไป
- การสรรหาจากหน่วยงานเดียวกัน ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเนื่องจากเป็นการส่งเสริมกำลังใจ แก่ผู้ปฏิบัติงาน เช่น การคัดเลือกเพื่อดำรง
ตำแหน่งที่สูงขึ้น การผลิตพยาบาลให้กับหน่วยงาน/องค์กรของตนเอง
ขั้นตอนการสรรหาและการบรรจุแต่งตั้ง
- การสัมภาษณ์เบื้องต้น
- การยื่นใบสมัคร
- การทดสอบการปฏิบัติงาน
- การสอบสัมภาษณ์
- การตรวจสอบภูมิหลัง
- การคัดเลือกขั้นต้นของฝ่ายการเจ้าหน้าที่
- การตัดสินใจของหัวหน้างาน
- การตรวจร่างกาย
- การบรรจุแต่งตั้ง
- การประกาศรับสมัคร
1.7 ขั้นตอนการบริหารงานบุคคล
- การสรรหาและคัดเลือก หมายถึง การแสวงหาบุคลากรที่มีความรู้ มีความสามารถ และมีเจตคติที่ดีต่อการทำงานห้มาสมัครงาน
เพื่อให้ผู้บริหารจะได้พิจารณาคัดเลือกบุคลากรที่เหมาะสมที่สุด
เข้าปฏิบัติงานในองค์การ
- กำหนดนโยบายการสรรหา (Recruiting Policies) โดยนำข้อสรุปจากการวิเคราะห์งานและ กำหนดคุณสมบัติบุคลากรที่ต้องการ รวมทั้งเงินเดือน/ค่าจ้าง
- กำหนดแหล่งสรรหาบุคลากร (Source of recruitment) เช่น การสรรหาภายในหน่วยงาน และการสรรหาภายในหน่วยงาน
ข้อดี : มีโอกาสคัดเลือกพนักงานได้หลากหลาย กว้างขวาง
ไม่เกิดปัญหาการขาดแคลน มีภาพพจน์ที่ดี ไม่ปิดกั้น
มีโอกาสได้แนวคิดใหม่ๆมาใช้พัฒนางาน
ข้อจำกัด : สิ้นเปลืองเวลาและค่าใช้จ่าย เสียขวัญและกำลังใจของพนักงาน ปิดโอกาสความก้าวหน้าของพนักงานภายใน ต้องศึกษาพนักงานใหม่อย่างรอบคอบ อาจเกิดข้อขัดแย้งระหว่างพนักงานเดิม – พนักงานใหม่
ระบบริหารงานบุคคล ได้แก่ 1. ระบบอุปถัมภ์ (Patronage system และ 2. ระบบคุณธรรม (Merit system)
หลักการคัดเลือกบุคลากร ได้แก่ 1. หลักความเท่าเทียมกัน (Equity) และ 2. ระบบการคัดเลือกที่มีประสิทธิภาพ (Effective selection)
- การพัฒนาบุคลากร
- การฝึกอบรมทางด้านความรู้ (Knowledge Skill)
- การฝึกอบรมทางด้านเทคนิค (Technical Skill)
- การฝึกอบรมทางด้านมนุษยสัมพันธ์(Human Skill
- การฝึกอบรมทางด้านความคิด (Conceptual Skill)
ประเภทของการฝึกอบรม
- การฝึกอบรมก่อนเข้าทำงาน
- การอบรมปฐมนิเทศ
- การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติงาน
- การพัฒนาความก้าวหน้าในวิชาชีพ
- การธำรงรักษา
การจูงใจ (motivation) คือแรงกระตุ้นหรือแรงผลักดันให้เกิดพฤติกรรม และให้บุคคลรักษาพฤติกรรมนั้นเอาไว้ หรือแรงกระตุ้นหรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นทางด้านจิตใจ ซึ่งมีผลต่อพฤติกรรมและการกระทำของบุคคล เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามที่ปรารถนาหรือตามเป้าหมาย
- การเสริมแรงจูงใจในทางบวก (positive reinforcement) เช่น การให้รางวัล คำชมเชย โล่ เป็นต้น
- การเสริมแรงจูงใจในทางลบ (negative reinforcement) เช่น
ไม่เพิ่มเงินเดือนหากพยาบาลไม่สามาถทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
- การระงับพฤติกรรม (extinction)
- การลงโทษ (Punishment) เช่น การตัดเงินเดือน โยกย้าย และให้ออกจากงาน เป็นต้น
ประเภทของแรงจูงใจ
- แรงจูงใจภายใน เกิดจากความทะเยอทะยาน ในความต้องการก้าวหน้าในอาชีพ
- แรงจูงใจภายนอก เช่น เงินเดือน และความมั่นคงต่อการทำงานและโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ
- การประเมินผลการปฏิบัติงาน
- ขั้นตอนการประเมินผลการปฏิบัติงาน
- กำหนดวัตถุประสงค์ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน
- กำหนดแบบและลักษณะของงานที่จะประเมิน เขียนแบบประเมินและแบบบันทึก
- กำหนดผู้ประเมินและการอบรมผู้ทำการประเมิน เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกัน
- กำหนดวิธีการการประเมินผลงาน เช่นประเมินพฤติกรรม ประเมินตามมาตรฐานของหน่วยงาน
- วิธีการประเมินผลการปฏิบัติงาน
- วิธีการให้คะแนนตามมาตราส่วน (Graphic Rating Scales)
- การประเมินตามค่าคะแนน (Point Rating Scales)
- การประเมินผลที่เน้นผลการปฏิบัติงาน เช่น Self-Appraisal, Management by objective, Psychological Appraisal/Competency Appraisal, Assessment Centers
- การประเมิน 360 องศา
- การบริหารพัสดุ
2.1 วัตถุประสงค์การบริหารพัสดุ เพื่อควบคุมการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที
2.2 ประเภทของพัสดุ
- พัสดุประเภทสำนักงาน
- พัสดุทางการแพทย์
- พัสดุวิทยาศาสตร์
- พัสดุยานพาหนะ
- พัสดุงานบ้าน
2.3 ขั้นตอนการบริหารพัสดุ
- วางแผน/กำหนดโครงการ
- กำหนดความต้องการ
- จัดหา จัดซื้อ จัดจ้าง
- การแจกจ่าย
- การบำรุงรักษา
- การจำหน่าย
2.4 หลักการบำรุงรักษาพัสดุ
- จัดทำสมุดทะเบียน
- การควบคุมดูแล การเบิกจ่าย
- จัดทำคู่มือบำรุงรักษา
- รายงานการส่งซ่อมอุปกรณ์
- การบริหารงบประมาณ หมายถึงการนำข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่าย
มาดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ซึ่งต้องปฏิบัติให้เป็นไป
ตามกฎหมาย ข้อบัญญัติ ระเบียบและวิธีการที่กำหนด
3.1 มาตรฐานการจัดการทางการเงิน
- การวางแผนงบประมาณเริ่มจากการกำหนดแผนกลยุทธ์
ของหน่วยงานนำแผนกลยุทธ์มาจัดทำประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า ระยะปานกลาง 3 ปี เป็นการคาดคะเนวงเงินที่จะใช้เป็นรายปี
- การกำหนดผลผลิตและการคำนวณต้นทุน โดยหน่วยงานต้องระบุกิจกรรมและผลผลิตที่เกิดจากกิจกรรม โดยนำข้อมูลต้นทุนช่วยตัดสินใจเรื่องคุ้มค่ากับต้นทุน
- การจัดระบบการจัดซื้อจัดจ้าง
- การบริหารทางการเงิน และการควบคุมงบประมาณ
- การรายงานทางการเงินและ
ผลการดำเนินงาน
- การบริหารสินทรัพย์
- การตรวจสอบภายใน (Internal Audit)
3.2 ความสำคัญและประโยชน์ของงบประมาณ
- ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารหน่วยงาน
- ให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาหน่วยงาน
- เป็นเครื่องมือในการจัดสรรทรัพยากร ที่มีอยู่จำกัดให้มีประสิทธิภาพ
- เป็นเครื่องมือกระจายทรัพยากร และเงินงบประมาณที่เป็นธรรม
- เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์
งานและผลงานของหน่วยงาน
3.3 บทบาทของผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ
- ผู้บริหารจะต้องตระหนัก และเห็นความสำคัญของงบประมาณ
- ผู้บริหารจะต้องจัดองค์กรและวางแผนการปฏิบัติงาน
ให้สอดคล้องกับงบประมาณที่เป็นอยู่
- ผู้บริหารจะต้องจัดบุคลากร
ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานงบประมาณ
- ผู้บริหารจะต้องจัดเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็น ในการบริหารงานงบประมาณไว้ครบถ้วน
3.4 บทบาทของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ
- ผู้ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณต้องรู้จักเข้าใจบทบาท
และอำนาจหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดีและมีเหตุผล
- ผู้ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ ต้องจัดระบบบริหารงบประมาณให้เป็นไป
อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
3.5 บทบาทขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ
- จัดระบบงานและองค์กรให้มีสายการบังคับบัญชาในองค์กรที่แน่นอน
- จัดให้มีการประสานงานกับในหน่วยงานขององค์กร
- จัดให้มีองค์กรกลางเป็นศูนย์รวมข้อมูลงบประมาณขององค์กร
- การบริหารการเปลี่ยนแปลง หมายถึงการจัดการกับเหตุการณ์ทั้งภายในและภายนอกองค์การ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเหมาะสม
4.1 รูปแบบของการเปลี่ยนแปลง
- การเปลี่ยนแปลงเชิงรุก (Proactive) เป็นการเปลี่ยนแปลงตนเองก่อนที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลงจากผู้อื่น
- การเปลี่ยนแปลงเชิงรับ (Reactive) เป็นการถูกเปลี่ยนแปลงโดยผู้อื่นตัวเองไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลง
4.2 ความสำคัญของการบริหารการเปลี่ยนแปลง
- ปรับตัวได้ทันกับปัญหา และการท้าทายจากสภาพแวดล้อมได้
- ช่วยให้องค์การเห็นโอกาส และภัยคุกคามต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ช่วยให้การดำเนินงานขององค์การเป็นไปโดยราบรื่น ต่อเนื่อง
ไม่ต้องติดขัด ชะงักงันโดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง
- จะช่วยให้องค์การไม่สับสน วุ่นวาย ระส่ำระสาย เมื่อต้องเผชิญ
กับความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน
- จะช่วยให้องค์การได้ปรับปรุงตัวเองอย่างต่อเนื่องในด้านต่างๆ
4.3 องค์ประกอบของการเปลี่ยนแปลงในองค์การ
- เทคโนโลยี (Technology) ซึ่งหมายถึงอุปกรณ์ เครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อให้มีผลิตภาพในระดับที่จะแข่งขัน และอยู่รอดได้
- ระเบียบสังคม (Social Order) หมายถึง
การจัดระเบียบ โครงสร้างของกลุ่ม
- อุดมการณ์ (Ideology) หมายถึง ความเชื่อ ค่านิยมสูงสุด
4.4 ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
- แรงต่อต้าน ได้แก่ ความกลัวว่าจะต้องสูญเสียประโยชน์ อำนาจ ความมั่นคง หรือสิ่งที่เคยมี เคยทำอยู่จนเคยชิน
- แรงเสริม คือ ภาพลักษณ์ และการปฏิบัติตนของผู้นำที่แสดงถึงความมุ่งมั่น เอาจริงเอาจังต่อการเปลี่ยนแปลง
4.5 การขั้นตอนการบริหารการเปลี่ยนแปลง
- การวางแผนการเปลี่ยนแปลง (Planning for Change)
- การนำแผนการเปลี่ยนแปลงไปสู่การปฏิบัติ (Implementing Change)
- การติดตามประเมินผล และรักษาผลการเปลี่ยนแปลง (Evaluating and Maintaining Change)