Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4 การสร้างการมีส่วนร่วมและเสริมพลังอำนาจชุมชน, นางสาวพรนิภา …
บทที่ 4
การสร้างการมีส่วนร่วมและเสริมพลังอำนาจชุมชน
การเสริมพลังสร้างสุขภาพ (Health Empowerment)
เป็นกลไกที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจของแนวทาง "สร้าง" นำ "ซ่อม" ซึ่งหมายถึงการให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งทางด้านสุขภาพองค์รวม
เพื่อป้องกันการเกิดโรคภัยไข้เจ็บหรือปัญหาด้านสุขภาพองค์รวมที่ร้ายแรง ที่อาจจะเกิดตามมาจากการใช้ชีวิตที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของตนเอง
เปรียบได้กับการใช้รถยนต์โดยไม่เคยใส่ใจตรวจเช็กสภาพเครื่อง ไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไม่เคยเติมน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ไม่เคยตรวจเช็กน้ำมันเบรก ก็รับประกันได้เลยว่า รถก็จะมีอายุการใช้งานที่สั้นลงมาก ๆ มีปัญหาขึ้นมาก็ต้องเข้าอู่ซ่อมกันนาน ๆ
แนวคิดเรื่อง "พลังอำนาจ"
อำนาจสมมุติ
อำนาจที่ได้รับการมอบหมาย แต่งตั้ง สถาปนา (หรือยึดอำนาจ) ขึ้น จากคน กลุ่มบุคคล เช่น ตำรวจมีอำนาจในการจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย
ลักษณะชั่วคราวไม่ยั่งยืน มีอยู่ได้ใช้ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่นานก็แปรเปลี่ยนไป และที่สำคัญ ต้อง "ขึ้นอยู่กับผู้รับรองอำนาจ" นั้นด้วย
อำนาจที่แท้จริง
เป็นอำนาจตามธรรมชาติ เกิดขึ้นเอง เป็นไปเอง (สำนวนจีนว่าเป็น "อำนาจของฟ้าดิน") มีพลัง มีความมั่นคงและยั่งยืน มากกว่าอำนาจสมมุติหลายร้อยหลายพันเท่า
ตัวอย่างของอำนาจชนิดนี้ ก็คือ "อำนาจของความรัก" ซึ่งหมายถึง ความสามารถในการสร้างความรักความศรัทธาให้เกิดขึ้นในจิตใจคนได้ ทำให้คนรักใคร่ ชื่นชม นับถือ และพร้อมที่จะปฏิบัติตาม
แนวทางสร้างเสริมสุขภาพ-คนธรรมดาคือพระเอก
พระเอกต้องฉลาด
พระเอกจะคิดเป็น รู้จักสังเกตเรียนรู้ เชื่อมโยงเรื่องราวต่าง ๆ มองเห็นภาพรวม รู้เท่าทันผู้ร้าย มองเห็นปัญหาและทางแก้ปัญหา (ในขณะที่คนอื่นมองไม่ออกหรือคิดไม่ถึง)
พระเอกต้องมีบทบาทนำ
เป็นคุณสมบัติข้อสำคัญที่สุดของการเป็นพระเอก
พระเอกต้องมีความเชื่อมั่นที่จะ "พึ่งพาตนเอง" แก้ปัญหาด้วยตนเอง แสดงศักยภาพ ใช้ความสามารถที่มี ทำสิ่งที่ควรทำ แก้ไขสิ่งที่ควรแก้ อย่างรวดเร็วและไม่รั้งรอ
พระเอกต้องมุ่งมั่น
ไม่ว่าจะเริ่มต้นจากสภาพที่ต่ำต้อย ยากลำบาก หรือมีอุปสรรคขวากหนามใด ๆ คนเป็นพระเอกจะไม่ท้อแท้หรือท้อถอย จะดำรงจิตใจที่มุ่งมั่น ฝ่าฟันอุปสรรคทั้งมวล อย่างไม่ครั่นคร้ามลังเล
พระเอกต้องทำได้สำเร็จ
คนเป็นพระเอกจะใช้คุณสมบัติทุกข้อเพื่อที่จะบากบั่นพากเพียร ดำเนินภารกิจต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง (แม้อาจจะต้องล้มแล้วล้มอีกกี่ครั้งก็ตาม) จนบรรลุถึงความสำเร็จได้อย่างน่าชื่นชม
ที่มาและความหมายของ Empowerment
ความหมายอย่างกว้างของ Empowerment
สร้างเสริมพลังให้ใคร?
สร้างเสริมให้กันได้ตั้งแต่ ให้ตนเอง ให้บุคคล กลุ่มบุคคล ชุมชน หน่วยงาน หรือองค์กร
พลังอะไร?
พลังกาย พลังใจ พลังความคิด พลังปัญญา พลังทางการบริหาร พลังทางเศรษฐกิจ พลังทางการเมือง พลังทางสังคม พลังทางจิตวิญญาณ
การสร้างเสริมพลัง คืออะไร?
การทำให้เกิด ทำให้มี ทำให้ตระหนัก ทำให้เชื่อมั่น ทำให้ได้ใช้ ได้พัฒนา "ศักยภาพ" ที่มีอยู่ในตน ให้แปรรูปออกมาเป็นพลังที่สร้างสรรค์
สร้างเสริมพลังไปทำไม?
ให้เกิดมีพลังทำในสิ่งที่ควรทำอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ และมีพลังที่จะพัฒนาพลังนั้นให้งอกงามยิ่งๆ ขึ้นไป
ความหมายอย่างเจาะจงของ Empowerment
การพูดถึงการเสริมพลังในขอบเขตเนื้อหา และกลุ่มเป้าหมายที่เจาะจงมากขึ้น
การสร้างเสริมพลังอำนาจ" (แนวคิดแบบตะวันตกมักออกแนว "อำนาจนิยม")
การสร้างกระบวนวิธีที่ทำให้คนทำงานในองค์กรได้ดึงเอาความสามารถของตนออกมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
เน้นไปที่พลังอำนาจที่ใช้ในการบริหารจัดการงานในหน่วยงานหรือองค์กรเป็นหลัก ปัจจุบันนี้หน่วยงานทางด้านการแพทย์ การสาธารณสุขของไทย ก็ได้เริ่มให้ความสนใจเรื่องนี้กันมากขึ้นแล้ว
ที่มา
เกิดจากการรวมตัวของคำ 2 คำ คือคำว่า em และคำว่า power
คำว่า em (หรือ en) เป็นคำอุปสรรค (คำเสริมนำหน้าคำเพื่อให้เกิดความหมายใหม่) ที่ให้ความหมายถึง "การทำให้เกิดขึ้น"
เมื่อนำมารวมกับคำว่า power ที่แปลว่า "พลัง" จึงเกิดคำว่า "empower" ซึ่งมีความหมายว่า "ทำให้เกิดพลัง" หรือ "สร้างเสริมพลัง"
"Empowerment" เป็นคำนามของกริยา empower จึงแปลว่า "การสร้างเสริมพลัง"
สุขภาพองค์รวม
สุขภาวะทางจิต : มีจิตใจแจ่มใส เบิกบาน มีความสุขสงบในจิตใจ
สุขภาวะทางสังคม : มีความสัมพันธ์ที่ดี (เป็นมิตรและเกื้อกูล) ต่อผู้อื่น ต่อครอบครัว ต่อชุมชน ต่อสังคม
สุขภาวะทางกาย : มีร่างกายที่แข็งแรง มีพลานามัยดี ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน
สุขภาวะทางจิตวิญญาณ (ปัญญา) : มีปัญญา เข้าใจความจริงของโลกและชีวิต มีความมั่นคงทางอารมณ์ (วุฒิภาวะ) มีศรัทธาในความดีและยึดมั่นในวิถีชีวิตที่ดีงาม
นางสาวพรนิภา มะโนนึก เลขที่ 40 600842044 สสช ปี 3