ปกครอง 2
การควบคุมฝ่ายปกครอง
การกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่
การบริหารงานบุคคล
นิติสัมพันธ์ตามกฎหมายข้าราชการและนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายแรงงาน
ข้าราชการ
ลูกจ้าง/พนักงาน
เจ้าหน้าที่กระทำละเมิดบุคคลภายนอก
เจ้าหน้าที่กระทำละเมิดหน่วยงานรัฐ
พิจารณาเปรียบเทียบบทบัญญัติเรื่องละเมิดตามกฎหมายแพ่ง
ข้อสังเกต
คดีที่เจ้าหน้าที่กระทำละเมิดซึ่งอยู่ในบังคับของพรบ.อาจไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครองเสมอไป
เชิงแก้ไข
เหตุที่จำค้องควบคุม เพราะฝ่ายปกครองใช้อำนาจปกครองกระทบสิทธิ์ประชาชนได้
ศาลปกครอง
เชิงป้องกัน
องค์กรรัฐ
องค์กรอื่น
ภายในฝ่ายปกครอง
ประชาชน
โดยคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท
โดยการอุทธรณ์ภายใน
โดยผู้มีอำนาจเหนือ
มีอำนาจทั่วไป
มีอำนาจเฉพาะ
วิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง
เป็นกรณีที่มีการกำหนดหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมฝ่ายปกครองไว้เฉพาะ เช่นคณะกรรมการควบคุมอาคาร
ในกรณีที่มิได้กำหนดองค์กรที่มีอำนาจควบคุมฝ่ายปกครองในเรื่องใดไว้เป็นการเฉพาะ
ให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของคณะกรรมการกฤษฎีกา
เป็นไปตามหลักการกระทำของฝ่ายปกครองต้องชอบด้วยกฏหมาย จึงต้องมีการควบคุม
การตรวจสอบนั้นเพียงแค่เป็นการตรวจสอบเพียงในองค์กรฝ่ายปกครองย่อมไม่เพียงพอ ต้องมีการตรวจสอบโดยองค์กรอื่นด้วย
เป็นการทำให้ประชาชนซึ่งได้รับผลจากการกระทำทางปกครอง มีสิทธิ์โต้แย้งได้ เช่น
การไต่สวนสาธารณะหรือการรับฟังความคิดเห็น
การเข้าถึงเอกสารทางราชการ
พิจารณาตาม พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวศาล
ประชาชนมีสิทธิในการเข้าถึงเอกสารทางราชการ
ม.14 15
โดยหลัก เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นรอง
ข้อมูลที่จะปกปิดได้ต้องเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ
หน่วยงานราชการมีหน้าที่ในการรวบรวมเอกสาร
หากยังมิได้มีการเปิดเผย ย่อมไม่อาจเอามาใช้ในทางที่เป็นโทษแก่ประชาชนได้
เอกสารที่จะปกปิดได้ เช่นเอกสารซึ่งเกี่ยวด้วยเรื่องของความมั่นคง
หากปรากฏว่าเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ให้แจ้งเฉพาะแก่บุคคลนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากบุคคลข้างต้นให้เเจ้งกับบุคคลภายนอกได้
กรณีที่เจ้าพนักงานตีความว่าเอกสารนั้นมีข้อมูลอันกระทบต่อความมั่นคงหรือการบังคับใช้กฎหมาย ให้คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารในเรื่องต่างๆเป็นผู้อุทธรณ์คำสั่งไม่เปิดเผยข้อมูลเอกสาร
อำนาจบังคับบัญชา
ควบคุมได้ทั้งความเหมาะสม(การควบคุมเหนือการกระทำ) และความชอบด้วยกฏหมาย
อำนาจกำกับดูแล
ควบคุมได้เฉพาะความชอบด้วยกฏหมาย
ควบคุมเหนือตัวบุคคล
ควบคุมเหนือการกระทำของบุคคล
อำนาจในการมอบรางวัลเมื่อทำความดีความชอบ
อำนาจในการลงโทษ
อำนาจในการกำหนดตำแหน่งงานหรือการโยกย้าย
เป็นการควบคุมในกรณีที่ได้มีการออกนิติกรรมทางปกครองแล้ว
เป็นการควบคุมก่อนที่ฝ่ายปกครองจะออกนิติกรรมทางปกครอง เป็นเพียงการหารือเท่านั้นไม่สามารถไปฟ้องศาลปกครองได้
พิจารณาได้ว่าการควบคุมลักษณะนี้เป็นการควบคุมที่ไม่มีความแน่นอนและไม่เป็นทางการ
การสั่งให้แก้ไขการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
การปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าพนักงานที่ไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่
การสั่งให้ปฎิบัติหน้าที่
หมายถึงคณะกรรมการซึ่งได้จัดตั้งขึ้นตามกฏหมายโดยกำหนดองค์กรและวิธีพิจารณาเอาไว้
มีหน้าที่ในการวินิจฉัยข้อพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิและหน้าที่ของบุคคล
การอุทธณ์ภายในฝ่ายปกครอง
เป็นกรณีที่กฎหมายเปิดโอกาสให้ฝ่ายปกครองสามารถ
ทบทวนแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองของตนได้
เป็นเงื่อนไขในการฟ้องคดีต่อศาล พิจารณาตามมาตรา42แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง
การอุทธรณ์มีเฉพาะในคำสั่งทางปกครองเท่านั้น
ยกเว้นคำสั่งทางปกครองทั่วไป
โดยมีข้อพิจาณาดังนี้คือ
การอุทธรณ์ตามกฏหมายทั่วไป
ในกรณีของกฎ
เหตุที่ไม่มีการอุทธรณ์ ได้แก่
กฎบังคับใช้แก่บุคคลเป็นการทั่วไป คือระบุบุคคลซึ่งถูกบังคับไว้เป็นประเภท จึงไม่อาจทราบวันซึ่งบุคคลนั้นทราบถึงข้อบังคับตามกฏได้แน่นอน อันมีผลในเรื่องของการนับระยะเวลาอุทรณ์
การอุทธรณ์ เป็นไปตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองซึ่งบังคับใช้เฉพาะการออกคำสั่งทางปกครองเท่านั้น
ในกรณีของคำสั่งทางปกครองทั่วไป
ไม่มีการอุทธรณ์
ข้อยกเว้นประการอื่น
กรณีคำสั่งทางปกครองออกโดยรัฐมนตรี
กรณีคำสั่งทางปกครองออกโดยคณะกรรมการตามมาตรา48
คำสั่งทางปกครองที่กฏหมายเฉพาะกำหนดให้เป็นที่สุด
คำสั่งทางปกครองที่กฏหมายเฉพาะระบุให้สามารถยื่นเรื่องต่อศาลอุทรณ์ได้ทันที
การอุทธรณ์ตามกฏหมายเฉพาะ
จะเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ม.44 โดยเป็นกรณีที่
ไม่ได้มีกฏหมายเฉพาะกำหนดเกี่ยวกับการ
อุทรณ์ไว้เฉพาะ
มีกฏหมายอุทรณ์กำหนดเกี่ยวกับการอุทธณ์ไว้เฉพาะ แต่มีหลักประกันความเป็นธรรมและมาตราฐานการปฏิบัติงานต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในพรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายเฉพาะดังกล่าว กำหนดวิธีและระยะเวลาการอุทธรณ์ไว้เฉพาะ
ย่อมไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งมาตรา 3
- ต่อให้มีมาตฐานต่ำกว่า ก็ต้องใช้วิธีการเเละระยะเวลา(ม.44)ตามกฎหมายนั้น วรรคท้าย
ระยะเวลาในที่นี้มิได้หมายรวมถึงการนับระยะเวลา
ในกรณีที่กฏหมายเฉพาะกำหนดซึ่งวิธีในการนับระยะเวลาไว้จึงต้องตกอยู่ภายใต้มาตรา3
ขั้นตอนและหลักเกณฑ์ในการอุทธรณ์
การอุทธรณ์เป็นเงื่อนไขในการฟ้องคดีปกครอง
ตามมาตรา42แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง
วัตถุแห่งการอุทธรณ์
คำสั่งทางปกครองทุกชนิดซึ่งมิได้บังคับบุคคลเป็นการทั่วไป หรือไม่ใช่คำสั่งทางปกครองทั่วไป
บุคคลผู้มีสิทธิอุทธรณ์
บุคคลซึ่งรับอุทธรณ์
"คู่กรณี" ตามมาตรา5
ผู้ตกอยู่ภายใต้คำสั่งทางปกครอง
ผู้ซึ่งเข้ามาในกระบวนการพิจารณาเพราะสิทธิของเขาตกอยู่ภายใต้คำสั่งทางปกครอง
ผู้ขอคำขอหรือคัดค้านคำขอ
กรณีที่มีกฎหมายเฉพาะกำหนดเกี่ยวกับการอุทรณ์ไว้ ทั้งนี้ตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งมาตรา3 วิธีปฏิบัติ
เช่น การอุทรณ์คำสั่งไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า พิจารณาได้ว่าเป็นคำสั่งทางปกครองอย่างหนึ่ง
เหตุที่ต้องมีการควบคุมฝ่ายปกครอง
- ได้แก่เจ้าพนักงานซึ่งทำคำสั่งดังกล่าว
ข้อสังเกตุ - ทั้งนี้หากเป็นการอุทรณ์ต่อผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลอื่นโดยสุจริต ex. ผู้ว่าราชการจังหวัดที่เจ้าพนักงานที่ออกคำสั่งอยู่ก็นับว่าชอบแล้ว (เเนวคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ป.31/2550)
ระยะเวลาในการอุทธรณ์
44
กรณีที่เจ้าพนักงานได้แจ้งสิทธิตามมาตรา44แต่แจ้งระยะเวลายาวกว่า
ป.178/2558
กรณีที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งสิทธิ เเละเเจ้งสิทธิใหม่
40 ว.2 ตอนต้น
ในกรณีที่เจ้าพนักงานได้มีการแจ้งสิทธิเกี่ยวกับการอุทรณ์(ม.42)ไว้แล้ว ณ เวลาที่ออกคำสั่ง
ตามมาตรา44
ให้อุทธรณ์ภายใน15วันนับแต่เวลาที่รับทราบคำสั่ง
ให้อุทรณ์ภายในเวลาที่ได้รับแจ้ง
ให้เริ่มนับเวลาอุทรณ์นับแต่เวลาที่ได้มีการแจ้งสิทธิใหม่ไปอีก 15 วัน
กรณีที่ไม่ได้มีการแจ้งสิทธิ(เลย) และระยะเวลาในการอุทรณ์นั้นสั้นกว่า1 ปี
40 ว.2 ตอนท้าย
ขยายระยะเวลาในการอุทธรณ์เป็น1ปี
การอุทรณ์จะต้องทำเป็นหนังสือ
44 ว.2
ขั้นตอนการพิจารณา
45
กรณีที่เห็นด้วยกับการอุทธรณ์
กรณีที่ไม่เห็นด้วย
หากเห็นด้วยกับการอุทรณ์ก็ให้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่ง
กรณีที่เจ้าพนักงานไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์
- ให้แจ้งผลการพิจารณาแก่ผู้มีอำนาจพิจารณา ภายใน 30 วันนับแต่วันที่รับอุทธรณ์
- ผู้มีอำนาจพิจารณาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน30วัน นับเเต่วันที่ได้รับรายงาน
- หากมีเหตุให้ไม่อาจพิจารณาจนแล้วเสร็จได้ ให้ขยายเวลาในการพิจารณาออกไปได้ไม่เกิน30วัน
โดยจะต้องมีหนังสือแจ้งแก่ผู้อุทรณก่อนระยะเวลาในการพิจารณาจะสิ้นสุดลง
ผลของการอุทรณ์
การอุทธรณ์ไม่มีผลเป็นการทุเลาการบังคับคดี
เป็นเงื่อนไขการฟ้องคดีปกครอง ม.42 พรบ จัดตั้งฯ
เมื่อได้รับแจ้งผลการอุทรณ์แล้วย่อมมีสิทธิในการฟ้องคดี โดยเจ้าพนักงานมีหน้าที่ในการแจ้งสิทธิ ตามมาตรา50 แห่งพระราชบัญญัตจัดตั้งศาลปกครอง
กรณีที่ไม่ได้แจ้งสิทธิ+มาเเจ้งสิทธิในภายหลัง ให้เริ่มนับระยะเวลาในการฟ้องนับแต่เวลาที่มีการแจ้งสิทธิใหม่
ในกรณีที่ไม่ได้มีการแจ้งสิทธิใหม่ และระยะเวลาในการอุทรณ์ไม่เกิน1ปี ให้ขยายระยะเวลายื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเป็น1ปีนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง
การแจ้งสิทธิจะแจ้งเพียงเลขมาตราไม่ได้ ไม่นับว่ามีการแจ้งสิทธิ
วิวัฒนาการของกฎหมายละเมิดของเจ้าพนักงาน
ระยะแรก
ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช การกระทำทางปกครองถือเป็นการกระทำโดยอำนาจของกษัตริย์ ไม่สามารถฟ้องได้ ตามหลัก the king can do no wrong
ระยะต่อมา
การฟ้องหน่วยงานของรัฐโดยตรงยังไม่อาจทำได้ แต่สามารถฟ้องเจ้าหน้าที่ได้ โดยเรียกหน่วยงานรัฐเข้ามาในคดี ฐานความสัมพันธ์คล้ายลักษณะของนายจ้าง ลูกจ้าง
ระยะที่สาม
มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติความรับผิดเพื่อละเมิด
ประมวลกฏหมายแพ่ง
พรบ ความรับผิดเพื่อละเมิด
ข้อพิจารณาเกี่ยวด้วยการ
กระทำในการปฎิบัติหน้าที่
ระบบสถานะทางกฎหมายของข้าราชการเเละลูกจ้างหรือพนักงาน
ระบบคู่ขนาน
ระบบร่วม
กฎหมายอาญาเเละกฎหมายวินัยข้าราชการ
ลักษณะร่วม
ข้อเเตกต่าง
ลักษณะการกำหนดโทษกรณีความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน
วัตถุประสงค์ในการลงโทษ
วิธีการบัญญัติสิ่งที่เป็นความผิด
ตำแหน่งงาน ถูกกำหนดโดยคำบรรยายลักษณะงาน
การเลิกจ้าง เป็นไปตามกฎหมายเเรงงาน
เนื้อหาของนิติสัมพันธ์ เกิดจากการตกลงกัน
การจ่ายค่าจ้างหรือค่าตอบเเทนจ่ายตามเนื้องานที่ทำ
เกิดจากสัญญาจ้างเเรงงาน
ลูกจ้างมีสิทธิตามกฎหมายเเรงงานสัมพันธ์
นิติสัมพันธ์ตามกฎหมายเอกชน
อยู่ในอำนาจการพิจารณาคีของศาลเเรงงาน
ตำแหน่งถูกกำหนดคุณสมบัติโดยกฎหมายว่าต้องมีระดับการศึกษาหรืออารอบรบอย่างไร
การเเต่งตั้งเกิดจากคำสั่งทางปกครอง
การให้ออกจากตำแหน่งเป็นไปตามที่กฎหมายมวินัยข้าราชการกำหนด โดยมีกระบวนการสอบสวนเป็นเงื่อนไข
การจ่ายค่าตอบเเทน มีการให้ค่าตอบเเทนมากกว่าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ไม่สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายเเรงงานสัมพันธ์ได้
อยู่ภายใต้อำนาจการพิจารณของศาลปกครอง
เนื้อหาของนิติสัมพันธ์ ถูกกำหนดโดยกฎหมายไม่สามารถเจรจาหรือต่อรองได้
เป็นนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายมหาชน
เพราะข้าราชการมีหน้าที่อย่างอื่นยิ่งไปกว่างานที่ตนได้รับมอบหมาย / หน้าที่ในการภักดีต่อหน่วยงาน
ได้รับค่าเลี้ยงดูตามหลักการเลี้ยงดูโดยรัฐ
หน้าที่ในการจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานบางประการของตน
หน้าที่ในการยอมตนอยู่ภายใต้กฎหมายวินัยข้าราชการ
สิทธิในการนัดหยุดงาน
สิทธิในการต่อรองเพื่อเปลี่ยนเเปลงสภาพการทำงาน
กรณีปกติ
กรณีที่มีเหตุพิเศษ
ครบอายุสัญญา
ตกลงเลิกจ้าง
บอกเลิกสัญญาโดยเเจ้งให้ทราบล่วงหน้าตามเวลาที่กำหนด
การทำผิดสัญญาอย่างร้ายเเรงโดยมีเหตุตามที่สัญญาหรือกฎหมายกำหนด
แยกนิติสัมพันธ์ของข้าราชการออกจ้างลูกจ้างโดยสิ้นเชิง
ลักษณะงานของข้าราขการเเละลูกจ้างนั้นต่างกัน
ทำให้การตกอยู่ใต้นิติสัมพันธ์ลักษณะใดๆนั้นต่างกันด้วย
มองว่าการนำกฎหมายวินัยข้าราชการมาใช้กับนิติสัมพันธ์ของลูกจ้างหรือพนักงงานนั้นไม่เป็นธรรม เนื่องไม่ได้ค่าตอบเเทนพิเศษนอกเหนือไปจากเนื้องานแก่เขา
เห็นว่าทั้ง 2 ระบบมีลักษณะร่วมกันทำให้ไม่
สามารถเเยกระบบของสถานะทางกฎหมายออกให้ชัดเจนได้
มองว่าทั้งลูกจ้างที่ปฎิบัติงานในหน่วยงานของรัฐเเละข้าราชการนั้น ต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนเพื่อให้การจัดบริการสาธารณะนั้นดำเนินไปได้ พิจารณาการประกันความต่อเนื่องในการจัดบริการสาธารณะเป็นสำคัญ
การที่กฎหมายให้บุคคลตกอยู่ภายใต้นิติสัมพันธ์ตามกฎหมายเเรงงานพิจารณาได้ว่า
ไม่ต้องการให้เขามีหน้าที่พิเศษ หน้าที่ในการภักดีต่อหน่วยงาน
ไม่ต้องการให้เขาใช้อำนาจทางปกครอง
ยอมตนอยู่ใต้กฎหมายวินัยข้าราชการ
จำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานบางประการของตน
เมื่อไม่มีหน้าที่เพิ่มเติมก็ไม่ควรได้รับประโยชน์เป็นพิเศษจากรัฐ
จึงให้เขาผูกพันตามกฎมายเเรงงานเเทน
ข้าราชการ
มีลักษณะเป็นการใช้อำนาจเหนือ
ลูกจ้าง/พนักงาน
สนับสนุนการทำงานขององค์กร
กำหนดสิ่งที่เป็นความผิดและ โทษเอาไว้เมื่อกระทำความผิดบุคคลก็จะได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้น
กฎหมายวินัยข้าราชการ
กำหนดไว้โดยใช้คำที่มีความหมายทั่วไปเนื่องจากเปิดโอกาสให้ผู้บังคับบัญชาได้ใช้ดุลพินิจ
กฎหมายอาญา
กำหนดสิ่งที่เป็นความผิดไว้อย่างชัดเจน มีการระบุรายละเอียด
กฎหมายวินัยข้าราชการ
หลักความเป็นอันหึ่งอันเดียวกันของโทษทางวินัย
ผู้บังคับบัญชาสามารถใช้ดุลพินิจได้ว่าความผิดใดก่อให้เกิดผลเสียต่อองค์กรมากที่สุด เเละใช้ดุลพินิจกำหนดโทษเพียงฐานเดียว
กฎหมายอาญา
ลงโทษตามความผิดเป็นกระทงความผิดไป
กฎหมายอาญา
เพื่อตอบโต้/เอาคืนการกระทำผิดของผู้กระทำ
กฎหมายวินัยข้าราชการ
เพื่อรักษาสถานะเเละภาพลักษณ์ขององค์กร
เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหน่วยงาน
ไม่ให้คนในหน่วยงานเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
เพื่อตัดบุคคลากรที่สร้างความเสียหายออกไปจากหน่วยงานของรัฐ
เพื่อคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีกระบวนการสอบสวนก่อนมีการลงโทษเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรังแกกันระหว่างผู้บังคับบัญชาเเละข้าราชการชั้นผู้น้อย
เป็นคำสั่งทางปกครองซึ่งบังคับเฉพาะเรื่องแต่ไม่เฉพาะบุคคล เช่นนี้จึงมีสภาพไม่ต่างจากกฏเท่าใดนัก
ซึ่งโดยมากมักจะกระทำในกรณีที่การกระทำทางปกครองนั้นกระทบสิทธิ์ของคนจำนวนมาก เช่นการประกาศผังเมือง
45
อุทธณ์ภายใน 15 วัน
เจ้าพนักงานมีหน้าที่ในการพิจารณาและแจ้งผลการอุทธรณ์โดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ต้องไม่เกินระยะเวลา30วันนับแต่รับอุทธรณ์
ทำในหน้าที่
ไม่ได้ทำในหน้าที่
ทำในหน้าที่
ไม่ได้ในหน้าที่
สรุปประเด็นความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ตาม ปพพ.
เจ้าหน้าที่เป็นผู้กระทำละเมิดเเละจะต้องรับผิด
ในการทำละเมิดนั้น
ดึงให้หน่วยงานที่มีนิติสัมพันธ์บางประการต้องเข้ามาร่วมรับผิดในการกระทำของเจ้าหน้าที่ด้วย
อย่างไรก็ตาม "หน่วยงาน" สามารถไล่เบี้ยเอากับเจ้าหน้าที่ได้เต็มตามจำนวน = เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดเองอยู่ดี
เป็นการเพิ่มบทบัญญัติเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับการชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น
กฎหมายแพ่งไม่ได้กำหนดระดับความร้ายเเรงในการกระทำละเมิดไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดทั้งความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของตนทั้งหมด
ไม่เป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่เนื่องจากการกระทำ
ของเขานั้นเป็นไปเพื่อสาธารณะประโยชน์
การกระทำโดยจงใจ
การกระทำโดยประมาทเลินเล่อร้ายเเรง
การกระทำโดยประมาทเลินเล่อ
การที่เจ้าหน้าที่ทำละเมิดต่อบุคคลภายนอกนั้น ไม่ได้มีการแบ่งว่าเป็นบุคคลภายนอกหรือหน่วยงานของรัฐ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะต้องรับผิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ต่างจากที่รับผิดต่อบุคคลภายนอก ทำให้ไม่มีความถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
มีการนำหลักว่าด้วยลูกหนี้ร่วมมาใช้ ทำให้เจ้าหน้าที่อาจต้องรับผิดมากกว่าสัดส่วนการกระทำของตน + เมื่อได้จ่ายไปเเล้วก็อาจไล่เบี้ยคืนได้ยาก
การเรียกร้องค่าเสียหายทำได้โดยการฟ้องร้องเท่านั้น
ด้านรูปแบบ
ม.3 วิ.ปฏิบัติฯ
ด้านเนื้อหา
เป็นการตอบคำถามว่าการกระทำทางปกครองนั้นได้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่
ต้องเเจ้งเหตุผล ม.37
ต้องกระทำโดยเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจกระทำการ
ม.12 19
เจ้าหน้าที่ที่กระทำการนั้นต้องมีความเป็นกลาง (ทั้งภายนอกเเละภายใน) ม.13 16
ต้องเปิดโอกาสให้มีการโต้เเย้งก่อน ม.30
13 มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด
16 มีสภาพร้ายเเรงอย่างอื่นที่จะทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลาง
12 ต้องทำโดยเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ
19 หากต่อมาประกฎว่าไม่มีอำนาจกระทำการนั้น ไม่กระทบต่อการที่ได้ทำไปเพราะการปฏิบัติหน้าที่
30 คำสั่งทางปกครองที่อาจกระทบสิทธิของคู่กรณีต้องเปิดโอกาสให้คู่กรณีได้ทราบเเละมีโอกาสโต้เเย้งก่อน
เป็นการตอบคำถามว่าการกระทำทางปกครองนั้นได้กระทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกฎหมายที่ให้อำนาจกระทำการหรือไม่
การใช้ดุลพินิจของฝ่ายปกครองต้องชอบด้วยกฎหมาย
ใช้ดุลพินิจเมื่อเงื่นไขเกิดขึ้นครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
ใช้ดุลพินิจโดยพิจารณาเป็นกรณีๆไป ไม่ตัดสินไว้ล่วงหน้า
การใช้ดุลพินิจนั้นได้สัดส่วน
การใช้มาตราการนั้นเพียงพอที่จะทำให้บรรลุวัตุประสงค์ตามกฎหมายได้
การใช้มาตราการดังกล่าวกระทบต่อสิทธิเเละเสรีภาพของประชาชนน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
ประโยชน์ที่สาธารณะชนได้รับนั้น > สิ่งที่เอกชนเสียไป
หากไม่ทำการอุทธรณ์ภายในก่อนจะไม่สามารถฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้
คำสั่งทางปกครองของคณะกรรมการต่างๆ ม.48
โต้เเย้งภายใน 90 วันหลังจากที่ได้รับคำสั่ง หลังจากนั้นยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองได้เลยได้เลยไม่ต้องอุทธรณ์ภายใน
กรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท
องค์กรตุลาการ
องค์กรนิติบัญญัติเเละองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ม.11 พรบ จัดตั้งฯ
การตั้งกระทู้ถาม
การตั้งกรรมาธิการวิสามัญ
องค์กรอิสระต่างๆ
ผู้ตรวจการแผ่นดิน
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
ศาลปกครอง
หลักการสำคัญ
สาเหตุที่ต้องมีศาลปกครอง
ลักษณะพิเศษของศาลปกครอง
เขตอำนาจ
เงื่อนไขในการฟ้องคดี
หลักความเป็นอิสระของตุลาการ
หลักการพิจารณาคดีต้องมีผู้ร้องขอเสมอ
หลักการรับฟังคู่ความทุกฝ่าย + การพิจารณาคดีโดยเปิดเผย
หลักคำพิพากษาต้องให้เหตุผลประกอบ
หลักการมีผลบังคับของคำพิพากษา
คำพิพากษาจะต้องเป้นที่สุดเเละคู่ความจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษานั้น จะไปร้องต่อคณะกรรมาธิการอื่นไม่ได้
ศาลมีหน้าที่จะต้องให้เหตุผลอย่างชัดเจนว่าเพราะเหตุใดจึงรับฟังข้อเท้จจริงนั้น เพื่อเป็นฐานในการอุทธรณ์ของคู่ความหากไม่พอใจกับคำพิพากษา
ศาลต้องเปิดโอกาสให้คู่ความเสนอพยานหลักฐานของตนได้อย่างเต็มี่เเละจะต้องมีการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะชน
ศาลไม่สามารถริเริ่มคดีเองได้ การเริ่มคดีจะต้องเกิดจากคำร้องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสมอ
ข้าราชการตุลาการมีอิสระในการบริหารงานบุคคล ไม่ตกอยู่ภายใต้การบริหารการตามสายงานอย่างข้าราชการประเภทอื่น
การพิจารณาคดีในศาลปกครองนั้นจำเป็นต้องใช้ระบบไต่สวนเนื่องจากในกรณีดังกล่าวคู่ความทั้งสองฝ่ายมีฐานะที่ไม่เท่ากันคือรัฐกับเอกชน หากศาลวางตัวเป็นกลางเเล้วก็จะทำให้เกิดความไม่เป้นธรรมกับเอกชนซึ่งไม่มีความสามารถในการนำพยานหลักฐานมาเเสดงได้มากเท่ากับฝ่ายรัฐ เเละมีความสามารถด้อยกว่า
ขอบเขตของผู้เสียหาย ในกรณีของคดีปกครองนั้น รวมไปถึงบุคคลซึ่งอาจได้รับผลกระทบด้วย
ขอบเขตการตัดสินคดีนั้นไม่เพียงเเต่การเพิกถอนการกระทำทางปกครองเฉพาะกรรีเท่านั้น เเต่รวมถึงการเพิกถอนกฎด้วย 72 พรบ จัดตั้งฯ
ผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นตุลการในศาลปกครองนั้นต่างจากผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม เพราะจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในงานด้านปกครองด้วย
ใช้ระบบไต่สวน
ศาลสามารถเข้าไปมีบทบาทในการเเสวงหาข้อเท็จจริง ทำให่สามารถเรียกพยานหลักฐานเพิ่มด้วยตนเองได้ (พยานศาล) ม.55 ว.3 พรบ.จัดตั้งฯ
ศาลมีอำนาจในการควบคุมกระบวนพิจารณา
วิธีการพิจาณาคดีมีลักษณะเป็นลายลักษณ์อักษร
เนื่องจากธรรมชาติของคำสั่ง เเละนิติกรรมทางปกครองนั้นมีลักษณะเป็นหนังสือ ทำให้การสืบพยานบุคคลในชั้นศาลเเทบไม่เกิดขึ้นเลย
55 ว.1
การดำเนินกระบวนพิจารณาสามารถทำได้ด้วยตนเอง
เนื่องจากในกรณีดังกล่าวมีเพียงฝ่ายปกครองเท่านั้นที่ใช้อำนาจเหนือ การเเสวงหาพยานหลักฐานจึงเกิดจากเฉพาะฝ่ายปกครองเพียงฝ่ายเดียว
มีการถ่วงดุลอำนาจของตุลาการ
ม.58 กำหนดให้มีผูเเถลงคดี ขึ้นเเถลงความเห็นของตนก่อนที่จะมีการตัดสินคดี เพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจระหว่างผู้เเถงเเละตุลาการผู้วินิจฉัยคดี หากเห็นไม่ตรงกับผู้เเถลงก็ต้องหาเหตุผลมาอธิบายให้ได้
เป็นไปตาม ม.9
การกระทำทางปกครองซึ่งไม่ชอบด้วยกฏหมาย
การละเลยการปฏิบัติหน้าที่อันตนมีตามกฎหมาย
การทำละเมิดอันเกิดจากการใช้กฎหมาย
สัญญาทางปกครอง
คำฟ้องมีเนื้อหาสาระครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดในมาตรา 45
ผู้ฟ้อง เป็นผู้ได้รับความเสียหายหรืออาจได้รับความเสียหาย 42 ว.1
ผู้ฟ้องดำเนินการครบถ้วนตามกระบวนการภายใน 42 ว.2
ยื่นฟ้องคดีภายในเวลาตาม ม.49
หลัก ฟ้องภายใน 90 วันนับเเต่ที่รู้หรือควรได้รู้ถึงเหตุแห่งการฟ้อง
กรณีพิเศษ
การฟ้องตาม 9(1)ในกรณีคำสั่งทางปกครองหรือกฎ
ฟ้องภายใน 90 วันนับเเต่รู้หรือควรได้รู้
กรณีฟ้องตาม 9(2) ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ละเลยการออกคำสั่งทางปกครอง
ฟ้องภายใน 90 วันหลังนับเเต่พ้น 90 วันนับเเต่ผู้ฟ้องได้มีคำขอเป็นหนังสือ
กรณีฟ้องตาม 9(3) ละเมิดทางปกครอง
เป็นไปตาม มาตรา 51 ฟ้องภายใน 1 ปีนับเเต่รู้
กรณีฟ้องตาม 9(4) สัญญาทางปกครอง
ฟ้องภายใน 5 ปีนับเเต่วันที่รู้หรือควรรู้ ไม่เกิน 10 ปีนับเเต่มีเหตุ
ต้องไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
ไม่ใช่คู่กรณีไม่ต้องอุทธรณ์
กรณีเจ้าพนักงานกระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่่
กรณีเจ้าพนักงานทำละเมิดต่อหน่วยงานรัฐ
กรณีที่เจ้าพนักงานกระทำละเมิดนอกการปฏิบัติหน้าที่
รับผิดเป็นการเฉพาะตัว
รับผิดเป็นการเฉพาะตัวเช่นเดิม แต่ผู้เสียหายอาจเรียกหน่วยงานของรัฐเข้ามาในคดีได้
หน่วยงานสามารเรียกให้เจ้าหน้าที่รับผิดได้ทุกกรณี
กรณีเจ้าหน้าที่กระทำละเมิดนอกกการปฏิบัติหน้าที่
กรณีเจ้าพนักงานกระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่
กรณีที่เจ้าหน้าที่กระทำละเมิดต่อหนวยงานของรัฐ
รับผิดเป็นการเฉพาะตัว
เป็นไปตามมาตรา5 คือจะฟ้องเจ้าหน้าที่โดยตรงไม่ได้ ต้องฟ้องหน่วยงาน
จะเรียกให้รับผิดได้ต่อเมื่อกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงตามมาตรา8
มาตรา5
ผู้เสียหายต้องยื่นฟ้องต่อหน่วยงานของรัฐโดยตรง จะฟ้องต่อเจ้าหน้าที่ไม่ได้
หน่วยงานของรัฐ
เจ้าหน้าที่
หมายถึง หน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นฝ่ายปกครองตามความหมายในมาตรา4 อันได้แก่ราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นซึ่งพรฎ กำหนดให้เป็นหน่วยงานตามพรบนี้ เช่น กกต
กรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำละเมิดสังกัดหน่วยงานใด ก็ให้ฟ้องแก่หน่วยงานนั้น
กรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำละเมิดไม่ได้สังกัดหน่วยงานใดให้ฟ้องแก่กระทรวงการคลัง
ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้ปฏิบัติการอื่นๆ
รับผิดเป็นการเฉพาะตัว
การฟ้องคดี
การยื่นคำขอ
ผู้ถูกฟ้อง
ต้องเป็นการฟ้องหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา5 โดยหน่วยงานดังกล่าว ต้องมีสถานะเป็นนิติบุคคล
เขตอำนาจศาล
มาตรา9
มาตรา106
ให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจรณาพิพากษาคดีดคังต่อไปนี้คือ คดีละเมิดในการปฏิบัตหน้าที่อันเกิดจาก
การละเลยการปฎิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า
การออกกฏหรือคำสั่งทางปกครอ หรือคำสั่งอย่างอื่น
การใช้อำนาจตามกกหมาย
ในกรณีที่คดีมิได้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครองให้อยู่ในเขตอำนาจศาลยุติธรรม
ข้อสังเกต
1.หน้าที่ในกรณีนี้จะต้องเป็นหน้าที่เฉพาะของฝ่ายปกครอง ไม่ใช่หน้าที่ทั่วไปซึ่งบุคคลทุกคนต้องกระทำ
อายุความในการฟ้อง
ศาลปกครอง
ศาลยุติธรรม
การเรียกเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานเข้ามาในคดี
พิจารณาตามมาตรา7 หากหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ถูกผู้เสียหายฟ้อง หากเห็นว่าเป็นกรณีที่อีกฝ่ายหนึ่งควรร่วมรับผิดด้วยก็มีสิทธิเรียกเข้ามาในคดีได้
ค่าเสียหาย
การไล่เบี้ย
การยื่นคำขอเป็นกรณีที่ผู้เสียหายยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้ใช้ค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่โดยตรง
ขั้นตอนในการพิจารณาคำขอ
เมื่อมีการยื่นคำขอจากผู้เสียหายแล้วหน่วยงานมีหน้าที่พิจารณาโดยเร็ว ทั้งนี้ต้องไม่เกิน108วันนับแต่เวลาที่ได้รับคำขอ
ผลการพิจารณาเป็นที่พอใจแก่ผู้เสียหาย
ผลการพิจารณาไม่เป็นที่พอใจแก่ผู้เสียหาย
เป็นอันยุติ
กรณีที่คดีอยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง ก็มีสิทธิฟ้องคดีแก่ศาลปกครอง
กรณีที่คดีอยู่ในเขตอำนาจศาลยุติธรรม ให้ฟ้องแก่ศาลยุติธรรม
ไล่เบี้ยไม่ได้ เว้นแต่จะได้กระทำโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
รับผิดเป็นการเฉพาะตัว
พิจารณาหัวข้อ การไล่เบี้ย
หลักเกณฑ์ในการไล่เบี้ย
ต้องเป็นการกระทำโดยจงใจ หรือ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องไล่เบี้ยเต็มจำนวน
อายุความ
วิธีการ
การไล่เบี้ยนั้นต้องพิจารณาถึงความร้ายแรงของการกระทำละเมิด ความเป็นธรรมเช่นภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้กระทำละเมิดและหากปรากฏว่ามีพฤติการณ์ว่าเป็นความผิดของหน่วยงานด้วยก็ให้หักลดส่วนดังกล่าว
ต้องไล่เบี้ยภายใน1ปีนับแต่เวลาที่หน่วยงานได้ใช้ค่าสินไหมทดแทน
นำมาตรา8มาใช้โดยอนุโลม
ในกรณีของการเรียกร้องแก่เจ้าหน้าที่ตามมาตรา11หากหน่วยงานวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีความผิด ให้ส่งผลคำวินิจฉัยแก่กรมบัญชีกลาง หากกรมบัญชีกลางวินิจฉัยว่าต้องรับผิด ให้อายุความเริ่มนับแต่เวลาที่หน่วยงานมีคำสั่งตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง
ให้ทำเป็นคำสั่ง
ไม่จ่าย
เตือนให้ชำระ
ยัง ยังไม่จ่าย
หน่วยงานมีอำนาจบังคับคดีได้เอง ไม่ต้องฟ้องศาล
อุปกรณ์ที่ใช้ของราชการ
เวลากระชั้นชิดจากการปฏิบัติงานราชการ
โอกาสในการทำละเมิด
การได้ค่าตอบแทน แม้ทำนอกเวลาราชการปกติ
การกระทำซึ่งมุ่งหวังประโยชน์มหาชน
เพราะบุคคลดังกล่าวดำรงตำแหน่งในหน่วยงานจึงมีโอกาสกระทำละเมิด
เพราะใช้อุปกรณ์ของราชการ จึงมีโอกาสกระทำละเมิด
การกระทำละเมิดนั้นอยู่ระหว่างการปฏิบัติงานซึ่งได้ค่าตอบแทนพิเศษ
ช่วงเวลาที่กระทำละเมิดอยู่ใกล้ชิดกับช่วงเวลาที่ปฏิบัติงาน
ฝ่ายนิติบัญญัติ
องค์กรตุลาการ
ให้ฟ้องภายใน1ปีนับแต่รู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้อง แต่ต้องไม่เกิน10ปีนับแต่วันทำละเมิด
ภายใน1ปีนับแต่รู้ถึงการละเมิดและผู้กระทำละเมิด แต่ต้องไม่เกิน10ปีนับแต่เวลาที่ทำละเมิด
งานมีลิขสิทธิ์
คดีทีกฏหมายบัญญัติให้ยุในเขตอำนาจศาลปกครอง
คดีฟ้องให้บุคคลกระทำหรืองดเว้นการกระทำ